KTC โชว์ผลประกอบการครึ่งแรกปี 2548 เดินเกมรุกสร้างแบรนด์ ขยายฐานสมาชิก พร้อมรักษาคุณภาพลูกหนี้

ข่าวทั่วไป Thursday August 11, 2005 16:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ส.ค.--บัตรกรุงไทย
เคทีซี โชว์กำไร 6 เดือนแรกปี’48 รวม 328.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% ตอกย้ำการเป็น Membership Company เน้นสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เจาะทุกความต้องการของสมาชิก ควบคู่กับการรักษาคุณภาพหนี้ ชี้สินเชื่อเจ้าของกิจการอนาคตสดใส ยอดโต 3,456.32 ล้านบาท
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 ว่า “บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 328.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของ ปี 2547 และคิดเป็นกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเท่ากับ 1.29 บาทต่อหุ้น”
“การเพิ่มขึ้นของรายได้รวม ที่มีจำนวน 1,422.86 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 นี้ เนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 30% และรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจบัตรเครดิตที่ยังคงรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อบุคคลได้เพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 10% ของรายได้รวม และธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เริ่มมีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้เพิ่มให้แก่บริษัทฯ เป็นอย่างมาก สามารถสร้างรายได้ดอกเบี้ยในไตรมาสที่ 2 นี้ เท่ากับ 119.89 ล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 42% คิดเป็นสัดส่วนของดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ 8% ของรายได้ดอกเบี้ยรวม”
“ในส่วนของค่าใช้จ่ายรวมมีจำนวน 1,022.96 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปี 2547 โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนั้นเกิดจากการขยายตัวตามการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เพื่อส่งเสริมการขายและสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบต่างๆ โดยในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทฯ มีโครงการด้านการตลาดพิเศษ เพื่อสร้างภาพลักษณ์และความแข็งแกร่งของแบรนด์ (Brand Building) ให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป อาทิ การเข้าร่วมงาน Money Expo 2005 การผลิตภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่”
“ส่วนฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 เคทีซีมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 27,169.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากสิ้นปี 2547 โดยสินทรัพย์หลักของบริษัทฯ ประกอบด้วย ยอดลูกหนี้จากธุรกิจบัตรเครดิต 17,663 ล้านบาท ลูกหนี้ธนวัฏบัตรเครดิต 737 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 3,793 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ 3,456 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 25,649.47 ล้านบาท หรือ 94% ของสินทรัพย์รวม และมีจำนวนบัตร ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2548 เท่ากับ 1,101,144 บัตร”
“นอกจากเคทีซีจะให้ความสำคัญกับการขยายฐานบัตรแล้ว เรายังเน้นทำการตลาดในลักษณะที่แตกต่างจากคู่แข่งอื่นๆ โดยเน้นให้บัตรเครดิตสามารถตอบสนองผู้บริโภคในทุกไลฟ์สไตล์ สร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง ด้วยการกำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็น “Membership Company” โดยลูกค้าทุกคนจะเป็นสมาชิกของบริษัทฯ และมีสิทธิที่จะได้รับประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่บริษัทนำเสนอออกมาอย่างต่อเนื่อง ในปี 2548 นี้บริษัทฯ ได้เตรียมแผนรุกขยายตลาด โดยเริ่มขยายขอบเขตการส่งเสริมการขายไปสู่ภูมิภาค ทั้งนี้จะเน้นที่จังหวัดสำคัญ ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี สระบุรี เพชรบุรี สงขลา เป็นต้น เพื่อให้ผู้ถือบัตรในต่างจังหวัดเพิ่มปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรมากยิ่งขึ้น”
เคทีซียังได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการแลกของรางวัลในรูปแบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “Forever Rewards” ซึ่งเป็นรูปแบบการแลกของรางวัลที่สะดวก ไม่จำกัดประเภท และจำนวนของสินค้า โดยลูกค้าสามารถใช้คะแนนแลกสินค้าใดก็ได้ที่ต้องการจากร้านค้าทุกร้านที่มีสัญลักษณ์ของ “Forever Rewards” โดยไม่ต้องใช้แคตตาล็อคของรางวัลเช่นเดิม ซึ่งสร้างความสะดวกมากขึ้นให้แก่สมาชิกของบริษัทฯ”
“ในด้านธุรกิจสินเชื่อบุคคล มียอดลูกหนี้ KTC Cash สุทธิจำนวน 3,792.53 ล้านบาท โดยเคทีซีได้ปรับแผนการดำเนินงานของธุรกิจนี้ โดยชะลออัตราการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้ตามภาวะเศรษฐกิจรวมที่มีอัตราการเติบโตน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ ประกอบกับการที่บริษัทฯ เน้นให้ความสำคัญด้านคุณภาพหนี้เป็นหลัก จึงทำให้ลูกหนี้ KTC Cash ของบริษัทฯ มีการเติบโตไม่มากนักเพียง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แต่ในแง่ของการสร้างรายได้แล้ว ยังคงดำรงสัดส่วนใกล้เคียงเดิม นอกจากนี้ บริษัทฯยังเห็นแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อบุคคล โดยในไตรมาสที่ 2 ปี 2548 นี้ บริษัทฯ ได้เปิดตัวสินเชื่อบุคคลประเภทใหม่ได้แก่ สินเชื่อบุคคลเพื่อการศึกษา และเปิดให้บริการ Refinance สินเชื่อบุคคลจากสถาบันการเงินอื่น เป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่มีสภาพคล่องทางการเงินน้อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก รวดเร็ว โดยมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 บริษัทฯ มีจำนวนบัญชีของ KTC Cash ทั้งสิ้น 136,276 บัญชี”
“สำหรับธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ KTC Million นับเป็นธุรกิจหลักที่สำคัญอีกธุรกิจหนึ่งที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เคทีซีในอนาคต ผลิตภัณฑ์นี้เป็นทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้แก่เจ้าของกิจการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม และสามารถตอบสนองความต้องการเงินของเจ้าของกิจการได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากขั้นตอนการอนุมัติใช้ระยะเวลาไม่นาน อีกทั้งเอื้อประโยชน์ต่อโอกาสทางธุรกิจที่เข้ามาในแต่ละช่วงวงจรของธุรกิจนั้นๆ ทั้งนี้ลูกหนี้ KTC Million มียอดสุทธิ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2548 เท่ากับ 3,456.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85% จาก ณ สิ้นปี 2547”
“สำหรับการจัดการดูแลด้านความเสี่ยงของลูกหนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในทุกธุรกิจสินเชื่อที่ให้บริการ โดยมีฝ่ายงานด้านวิเคราะห์คุณภาพของพอร์ตลูกหนี้และอนุมัติสินเชื่อ เป็นผู้คอยควบคุมดูแลบริหารความเสี่ยงในการให้สินเชื่อ รวมทั้งฝ่ายติดตามหนี้ที่คอยดูแลด้านการผิดนัดชำระหนี้ ตลอดจนการตรวจสอบสถานภาพการใช้เงินทั้งจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (National Credit Bureau) และระบบฐานข้อมูลลูกค้าของบริษัทฯเอง โดยพิจารณาถึงความเสี่ยงรวมของลูกค้าแต่ละราย จึงมีผลให้บริษัทฯ มีอัตราการค้างชำระ 30-179 วัน (Delinquency Rate) ของบริษัทฯ อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม”
“อย่างไรก็ตาม ในแง่ความสามารถในการหารายได้ในด้านธุรกิจบัตรเครดิต แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มชะลอการเติบโตลง แต่บริษัทฯ เชื่อว่าลูกค้าของบริษัทฯ จะยังคงมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรในชีวิตประจำวันเพื่อทดแทนเงินสด ด้านธุรกิจสินเชื่อบุคคล บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การควบคุมสินเชื่อบุคคลจากธนาคารแห่งประเทศไทยแต่อย่างใด แม้ว่าในภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อบุคคลมีอัตราการเติบโตชะลอตัวไปบ้าง แต่ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และด้านธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ ในไตรมาสนี้สร้างฐานรายได้เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากซึ่งบริษัทฯ จะให้ความสำคัญต่อไป”
“ผลประกอบการข้างต้นสามารถวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญได้ดังนี้ บริษัทฯ มีหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) เท่ากับ 4.13 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการออกหุ้นกู้ระยะยาวเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 2 ของปี 2548 มีอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เท่ากับ 2.6% และมีอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) เท่ากับ 12.4% เพิ่มสูงขึ้นเทียบกับ ณ สิ้นปี 2547 ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกำไรของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของส่วนของผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิของ ESOP และจากการที่บริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการส่งเสริมการตลาดประเภทต่างๆ ที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ แสดงว่าบริษัทฯมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นด้วย” นายนิวัตต์กล่าวในที่สุด
ออกข่าวในนาม:
ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์
บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
รายละเอียดเพิ่มเติม :
กัณฑรัตน์ เจิมจิตรผ่อง โทรศัพท์ 02-665-5057
สุชาดา วีระสกุลรักษ์ โทรศัพท์ 02-665-5732
อธิกา เดชะวัฒนไพศาล โทรศัพท์ 02-665-5048
โทรสาร 02-665-5046
อีเมล์ : ktc_pr@ktc.co.th--จบ--

แท็ก เคทีซี   KTC  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ