บอร์ด EP ไฟเขียวให้บริษัทในกลุ่มขายหุ้น "อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น" หรือ E-COGEN ซึ่งลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 2 แห่ง คือ PPTC และ SSUT ให้กับ"ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี" มูลค่ารวม 11,334.09 ล้านบาท คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2564 งานนี้ "ยุทธ ชินสุภัคกุล" ระบุช่วยเติมสภาพคล่องให้บริษัทฯ อีกทั้งสามารถนำเงินไปลงทุนโครงการใหม่เพิ่มเติม ส่วนโปรเจ็กโรงไฟฟ้าที่เวียดนามกำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ พร้อมลุยเต็มสูบ คาด COD ได้ภายในเดือนตุลาคมบางส่วน และทั้งหมดภายในปี 2564
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (EP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมามีมติให้ บริษัท อีเทอร์นิตี้ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (ETP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 81.40% ของทุนที่ชำระแล้ว บริษัท ตะวันออกการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ จำกัด (EPPCO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของทุนที่ชำระแล้ว และบริษัท อีพี กรุ๊ป (ฮ่องกง) จำกัด (EP HK) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่ถือหุ้นโดยบริษัทย่อย (ETP) ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 100% ของทุนที่ชำระแล้ว ดำเนินการขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (E-COGEN) ที่ถืออยู่รวม 100.00% ของทุนที่ชำระแล้ว ให้แก่บริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด (UVBGP) ในราคาหุ้นละ 491.46 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 4,914.64 ล้านบาท โดยผู้ซื้อต้องชำระเงินกู้ให้แก่ ETP จำนวนโดยประมาณ 6,419.45 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,334.09 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการโอนหุ้นและรับชำระค่าหุ้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2564
ทั้งนี้ E-COGEN เป็นบริษัทย่อยทางอ้อมที่ถือหุ้นโดยบริษัทฯ ในสัดส่วน 82.33% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นบริษัท Holding ที่ลงทุนในบริษัท พีพีทีซี จำกัด (PPTC) ในสัดส่วน 74.50% ของทุนที่ชำระแล้ว และบริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) ในสัดส่วน 100.00% ของทุนที่ชำระแล้ว
ประธานกรรมการบริหาร EP กล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ PPTC และ SSUT เป็นโครงการที่ดี แต่บริษัทก็มีโอกาสที่ดีกว่ารออยู่จึงต้องเตรียมนำเงินที่ได้รับจากการจำหน่ายหุ้นสามัญของ E-COGEN ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ปัจจุบันบริษัทก็อยู่ระหว่างการศึกษาและเจรจากับพันธมิตรในเวียดนาม ไทย และญี่ปุ่น เกี่ยวกับโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในเวียดนาม ขนาดกำลังผลิตประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ รองรับแผนการเติบโตให้กับบริษัทฯในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นต่อไป