กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย          ตลาดตราสารหนี้  BEX มุ่งขยายฐานนักลงทุนสถาบัน เปิดให้บริการระบบซื้อขายตราสารหนี้อิเล็กทรอนิกส์  “เฟิร์สท์ (Firsts)”  รองรับการทำธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้   ผ่านระบบโดยตรงระหว่าง -คู่ค้ากันเอง  พร้อม          ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้เป็นร้อยละ 30 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาด เพิ่มมาตรการกระตุ้นการซื้อขายด้วยกิจกรรมการซื้อขายตราสารหนี้จำลอง (Bond Trading Simulation) และเพิ่มช่องทางซื้อขายผ่านระบบ  Internet Trading            ดร. สันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bond Electronic Exchange หรือ BEX)  เปิดเผยว่า  ตลาดตราสารหนี้ BEX  จะเริ่มเปิดใช้ระบบซื้อขายตราสารหนี้อิเล็กทรอนิกส์ หรือ ระบบ-เฟิร์สท์  ซึ่งเริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2548  เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อขายแก่ผู้ค้าตราสารหนี้  นักลงทุนสถาบัน และ นายหน้าค้า จัดจำหน่ายหน่วยลงทุน           ระบบเฟิร์สท์ หรือ  Firsts ( Fixed Income and Related Securities Trading System) ได้รับการพัฒนาให้เป็นระบบซื้อขายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งการส่งคำสั่งซื้อขาย การเจรจาต่อรอง อีกทั้งระบบนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางข้อมูลราคาซื้อขายแบบเรียลไทม์ และสามารถใช้เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ตราสารหนี้ เช่น คำนวณราคา ดัชนีตราสารหนี้ เป็นต้น              นอกจากนี้ระบบการซื้อขาย เฟิร์สท์  ยังเชื่อมโยงกับระบบการชำระราคาและส่งมอบ ของบริษัทศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) จึงทำให้ธุรกรรมการซื้อขายตราสารหนี้ของนักลงทุนสถาบัน และผู้ค้าตราสารหนี้ สามารถทำธุรกรรมได้โดยตรงผ่านระบบ  จึงทำให้ผู้ใช้ระบบได้รับความสะดวกรวดเร็ว และลดค่าใช้จ่าย           “คาดว่าการให้บริการระบบซื้อขายที่อำนวยความสะดวกในการซื้อขายตราสารหนี้ของระบบเฟิร์สท์ จะมีส่วนช่วยเพิ่มมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้ โดยในปี 2549 นี้ ได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการซื้อขายตราสารหนี้เป็นร้อยละ 30 ของมูลค่าการซื้อขายทั้งตลาด ” ดร. สันติกล่าว           “สำหรับเป้าหมายในการดำเนินงานในปี 2549 เพื่อให้สอดรับการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายตราสารหนี้ของประเทศนั้น นอกเหนือจากการเพิ่มปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้ให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 แล้ว ยังมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ตราสารหนี้ ของหุ้นกู้ภาคเอกชน เข้าจดทะเบียนในตลาดตราสารหนี้เพิ่มเป็นร้อยละ 50  ของหุ้นกู้เอกชนทั้งหมด ในขณะที่จะผลักดันให้มีการนำพันธบัตรภาครัฐเข้าจดทะเบียนทั้งหมดร้อยเปอร์เซ็นต์ ” ดร.สันติกล่าว          ปัจจุบันมีตราสารหนี้ภาคเอกชนที่จดทะเบียนใน BEX ทั้งหมด 78 รายการ โดยมีมูลค่าคงค้าง เท่ากับ 733,452.35  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 จำนวน 42 รายการหรือคิดเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้น 550,231 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 828  เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของตราสารหนี้เข้าจดทะเบียนใหม่ในปี 2547           ทั้งนี้ มูลค่าคงค้างตราสารหนี้ที่เข้าจดทะเบียนใหม่  แบ่งเป็นตราสารหนี้ภาคเอกชน 23 รายการ มูลค่ารวม 83,454 ล้านบาท  ตราสารหนี้ภาครัฐจดทะเบียน ทั้งหมด 19 รายการ  มูลค่ารวม  466, 777 ล้านบาท  แบ่งเป็นพันธบัตรรัฐบาล 10 รายการ มูลค่า 343,190 ล้านบาท  พันธบัตรออมทรัพย์ 4 รายการ มูลค่า 90,187 ล้านบาท พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ 2 รุ่น มูลค่า 7,000 ล้านบาท และ พันธบัตรหน่วยงานรัฐ 3 รุ่น 26,400 ล้านบาท  โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการเป็นนายหน้าค้าตราสารหนี้ ทั้งสิ้น 13 บริษัท           “ในปี 2549 BEX  ได้เตรียมจัดโครงการ” การซื้อขายตราสารหนี้จำลอง (Bond Trading Simulation)” เพื่อจำลองวิธีการซื้อขายและลงทุนในตราสารหนี้ให้นักลงทุน ประชาชนทั่วไป นักศึกษาได้เข้ามาฝึกฝนเสริมทักษะ และเข้าใจถึงวิธีการซื้อขายตราสารหนี้มากขึ้น และมองว่าการลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ใช่เรื่องยากและไกลตัวอีกต่อไป  ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 2” ดร.สันติกล่าว          ทั้งนี้ เป้าหมายของการพัฒนาที่สำคัญของ  BEX  ในปี 2549 คือการพัฒนาระบบซื้อขายให้เข้าถึงและเพิ่มความคล่องตัวแก่ผู้ลงทุนโดยสามารถซื้อขายผ่านระบบ  Internet Trading  ได้อีกด้วย            นอกจากนี้ BEX จะพัฒนาด้านระบบสารสนเทศ โดยพัฒนาระบบฐานข้อมูล ข้อมูลซื้อขาย ข้อมูลสถิติ และข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ เพื่อให้การเผยแพร่และการนำข้อมูลไปใช้มีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังวางเป้าหมายสำหรับปี  2549  ที่จะพัฒนาระบบเพื่อรองรับการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ สำหรับตลาดซื้อคืนตรา          สารหนี้ภาคเอกชน หรือ Private Repo ในประเทศไทยร่วมกับบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ฯ อีกด้วยสำหรับมาตรการกระตุ้นการเพิ่มธุรกรรมด้านตราสารหนี้ ในปี 2549 BEX ได้ร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เช่น  ผู้ออกตราสารหนี้  ที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และองค์กรกำกับดูแล ในการประชาสัมพันธ์ตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนการออกตราสารหนี้เพิ่มขึ้นด้วยการจัดอบรมสัมมนาให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายผู้ออกตราสารหนี้  ให้เข้าใจถึงประโยชน์และวิธีการระดมทุนด้วยการออกตราสารหนี้  รู้จักตราสารหนี้ประเภทใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการออกตราสารหนี้            นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับตราสารหนี้ แก่นักลงทุนผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ  อาทิ การจัดนิทรรศการออกบูธ ในงาน Investor Day,  Money Expo  เผยแพร่สื่อสิ่งพิมพ์  รายการวิทยุ  เช่น คลื่น FM 101  รายการโทรทัศน์ “ก้าวทันตลาดทุน” ทางช่อง 9  รายการ SET in The City UBC 7 และ  สถานีโทรทัศน์ Money Channel UBC 97 รวมทั้งเว็บไซต์ www.bex.or.th          นอกจากบทบาทการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของไทยให้เติบโตและมีเสถียรภาพทัดเทียมกับสากลแล้ว BEX ยังตระหนักถึงความสำคัญต่อการช่วยเหลือสังคมด้วยการจัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส เช่น การบริจาคและมอบทุนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมแก่องค์กรและมูลนิธิเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง           ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร:           ลดาวัลย์ กันทวงศ์  โทร. 0-2229 — 2036           กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037             ณัฐพร บุญประภา   โทร. 0-2229 — 2049          วรรษมน  เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--