RSP ประเมิน Q4 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นหนุนบรรยากาศซื้อขายคึกคัก อัดแคมเปญ "11.11 และ 12.12" กระตุ้นยอดขายผ่านออนไลน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 16, 2021 16:20 —ThaiPR.net

RSP ประเมิน Q4 ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นหนุนบรรยากาศซื้อขายคึกคัก อัดแคมเปญ

บมจ.ริช สปอร์ต หรือ RSP ประเมินภาพรวมธุรกิจหลังรัฐเปิดประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง หนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและบรรยากาศการซื้อสินค้าคึกคัก อัดแคมเปญ "11.11 และ 12.12" กระตุ้นยอดขาย มองภาพรวมกำลังซื้อปี 2565 คาดว่าจะกลับมาได้เกือบเป็นปกติ หากไม่มีการระบาดระลอกใหม่

นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าชั้นนำจากต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2564 ประเมินว่าภาพรวมการกลับมาใช้จ่ายน่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น หลังภาครัฐทยอยเปิดประเทศ เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเดินหน้าได้อีกครั้ง ทั้งการเปิดโมเดิร์นเทรด และห้างค้าปลีก ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและบรรยากาศการซื้อสินค้ามีความคึกคักมากขึ้น มองภาพรวมกำลังซื้อปี 2565 คาดว่าจะกลับมาได้เกือบเป็นปกติ หากไม่มีการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่

"บริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์มาเน้นขายผ่านทางช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของบริษัทฯ ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน โดยในช่วงไตรมาส 4 โค้งสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯ ได้เข้าร่วมแคมเปญ "11.11 และ 12.12" ร่วมกับ Marketplace ชั้นนำ เพื่อกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นและยังเป็นการขยายฐานลูกค้า"นางสาวพาพิชญ์ กล่าว

ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ระบาดรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปี 2564 บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในประเทศผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยขยายไปทั้งในรูปแบบ marketplace และ social commerce อาทิ Lazada, Shopee, LINE และช่องทางเว็บไซต์ คาดว่าสัดส่วนยอดขายผ่านทางช่องทางออนไลน์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% จากรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่สัดส่วนยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์คิดเป็น 7% ของรายได้จากการขายรวม

สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนแรกของ ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 574.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.3 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 633.4 ล้านบาท มีผลขาดทุนสุทธิ 6.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขาดทุนร้อยละ 1.1 โดยขาดทุนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 25.1 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของโควิด-19 ที่เกิดต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 และแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาสที่ 3 ทำให้ภาครัฐต้องประกาศใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาด ส่งผลให้สาขาของบริษัทฯ เกือบทั้งหมดถูกปิดไปเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 เดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ