ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ที่ 'BBB+' และอันดับเครดิตภายภายในประเทศระยะยาวที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตพิจารณาจากการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าธนาคารจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ซึ่งคือ MUFG Bank, Ltd. (A-/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ)
พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ยกเลิกอันดับเครดิตสนับสนุนของ BAY เนื่องจากอันดับเครดิตดังกล่าวมิได้มีนัยสำคัญเพียงพอในการติดตามวิเคราะห์อีกต่อไป หลังจากที่มีการปรับเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 และเพื่อให้สอดคล้องกับประกาศหลักเกณฑ์ใหม่นี้ ฟิทช์ให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (Shareholder Support Rating: SSR) แก่ BAY ที่ 'bbb+' นอกจากนี้ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (VR) ของธนาคารซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเองที่ 'bbb'
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิต
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตสนับสนุน อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BAY สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่า BAY เป็นธนาคารลูกที่มีส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ของ MUFG โดย MUFG มีสัดส่วนการถือหุ้นใน BAY ที่ 76.9% และมีการควบคุมอย่างใกล้ชิดผ่านทางผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการบริษัท BAY เป็นหนึ่งในบริษัทลูกในต่างประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทแม่ และให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการด้านการธนาคารอย่างครบวงจรในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยยังเป็นตลาดสำคัญสำหรับการลงทุนของญี่ปุ่นในภูมิภาค ความเชี่ยวชาญของ BAY ในด้านธนาคารเพื่อรายย่อยยังได้สนับสนุนการดำเนินงานของกลุ่มในประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยล่าสุดธนาคารได้ลงทุนในสถาบันการเงินในประเทศเวียดนามและประเทศฟิลิปปินส์
MUFG เข้าซื้อกิจการ BAY ในปี 2556 และตั้งแต่นั้นมาได้มีการพัฒนาความเชื่อมโยงและประสานงานเชิงกลยุทธ์เพิ่มมากขึ้น บริษัทแม่ยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และกระบวนการบริหารความเสี่ยงแก่ธนาคารลูกในไทย ตลอดจนการสนับสนุนด้านเงินทุนที่สำคัญที่ใช้เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อของ BAY ให้กับลูกค้าต่างชาติของกลุ่ม
นอกจากปัจจัยด้านการสนับสนุนดังกล่าวแล้ว อันดับเครดิตภายในประเทศของ BAY ยังสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ถึงโครงสร้างเครดิตของธนาคารในเชิงเปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับในประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารที่ระดับ 'AAA(tha)' สอดคล้องกับแนวทางของฟิทช์ในการจัดอันดับของธนาคารที่ได้รับปัจจัยสนับสนุนมาจากธนาคารแม่ โดยที่ธนาคารแม่มีอันดับเครดิตที่สูงกว่าอันดับเครดิตของประเทศไทย
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BAY ได้รับการจัดอันดับเครดิตให้อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวนับเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิของธนาคาร
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BAY รวมการพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของประเทศไทยที่ยังคงมีความท้าทาย โดยฟิทช์ให้ระดับคะแนนที่ 'bbb' ทั้งนี้ระดับคะแนนตามเกณฑ์ของฟิทช์ (implied factor score) ได้กำหนดปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธนาคารไทยอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับกลุ่ม 'bb' อย่างไรก็ตามฟิทช์ปรับเพิ่มคะแนนที่ให้เนื่องด้วยอันดับเครดิตของประเทศไทย ฟิทช์เชื่อว่าการสนับสนุนด้านเสถียรภาพของระบบการเงินจากภาครัฐและการเติบโตของเศรษฐกิจที่แข็งแรงน่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถมีผลการดำเนินงานที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ฟิทช์คาดว่าสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานน่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2565 โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทย (GDP) น่าจะเติบโตในอัตราที่ 4.8%
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BAY ยังได้สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจของธนาคาร ซึ่งได้คะแนนที่ 'bbb' และเครือข่ายทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในฐานะหนึ่งใน 6 ธนาคารที่มีความสำคัญเชิงระบบในประเทศไทย (D-SIB) ธนาคารดำเนินธุรกิจการเงินแบบครบวงจรในประเทศไทยแต่ในขณะเดียวกันก็มีจุดแข็งในด้านสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค (ซึ่งคิดเป็น 48% ของสินเชื่อรวมในไตรมาส 3 ปี 2564) และลูกค้าบริษัทข้ามชาติ (13%) ฟิทช์เชื่อว่า BAY มีขนาดใหญ่พอและมีสถานะการแข่งขันที่ดีที่จะสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีกำไรตลอดวัฏจักรทางธุรกิจ โครงสร้างความเสี่ยงของ BAY ('bbb') สะท้อนถึงนโยบายการพิจารณาสินเชื่อและการควบคุมความเสี่ยงที่มีความสม่ำเสมอและธนาคารยังมีสัดส่วนสินเชื่อที่เป็นลูกค้าบริษัทข้ามชาติซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ
คะแนนสำหรับปัจจัยคุณภาพสินทรัพย์ของ BAY ที่ 'bbb' รวมการพิจารณาถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2.71% ณ ไตรมาส 3 ปี 2564 จาก 2.27% ณ สิ้นปี 2562 และฟิทช์คาดว่าจะยังคงปรับเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากมาตรการช่วยเหลือในการจัดชั้นลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด Covid-19 เริ่มหมดอายุลง อย่างไรก็ตามธนาคารได้เพิ่มการกันสำรองตั้งแต่ปี 2563 และมีอัตราส่วนสำรองหนี้เสียต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ 164% ซึ่งน่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้ในระดับที่เหมาะสม
ผลประกอบการของ BAY ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 นี้ได้รับการสนับสนุนจากกำไรพิเศษจากการขายบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจการเงินระดับฐานราก (Microfinance) โดยหากไม่มีกำไรพิเศษดังกล่าวกำไรสุทธิจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน/สินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งไม่รวมกำไรพิเศษอยู่ที่ 1.8% สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ซึ่งแสดงถึงความความแข็งแกร่งของธนาคารแม้อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ คะแนนด้านรายได้และการทำกำไรของ BAY ('bbb-') สะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าธนาคารจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานให้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลในช่วง 18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของความสามารถในทำกำไรให้กลับมาสู่ระดับเดิมก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสยังเป็นไปได้ยาก เนื่องจากถูกจำกัดโดยสภาวะแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่อง การเติบโตของสินเชื่อที่จำกัด และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 ของ BAY ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอยู่ 2 อันดับ ซึ่งสอดคล้องกับกรณีพื้นฐานในการจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ประเภทดังกล่าวตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ ทั้งนี้ความแตกต่างของอันดับเครดิตที่ 2 อันดับดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มีสูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ ทั้งนี้ไม่ได้มีการลดทอนอันดับเครดิตเพิ่มเติมเนื่องจากข้อกำหนดสิทธิของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนในระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) ฟิทช์ใช้อันดับเครดิตภายในประเทศซึ่งเป็นอันดับเครดิตที่พิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนเป็นอันดับเครดิตอ้างอิงเพื่อสะท้อนการคาดการณ์ของฟิทช์ว่า MUFG จะให้การสนับสนุน BAY ก่อนที่กิจการจะเข้าสู่ระยะที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคตปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิต
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิการปรับลดสมมติฐานของฟิทช์สำหรับโอกาสที่ MUFG จะให้การสนับสนุนแก่ BAY จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ BAY
ความสามารถของ MUFG ในการให้การสนับสนุนแก่ BAY นั้นสะท้อนโดยอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ MUFG และการปรับลดอันดับเครดิตของ MUFG น่าจะส่งผลให้ อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศปรับลดลงเช่นกัน
การลดลงของโอกาสที่ MUFG จะให้การสนับสนุนแก่ BAY จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ BAY ตัวอย่างเช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BAY ลงต่ำกว่า 75% รวมทั้งการลดระดับในการควบคุมการดำเนินงานและความเชื่อมโยงในด้านการบริหารจัดการของธนาคารแม่ อย่างไรก็ตามฟิทช์ไม่คาดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในระยะสั้น
ทั้งนี้การประเมินผลกระทบต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของ BAY ยังได้รวมการพิจารณาถึงโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศด้วย
อันดับเครดิตตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิของ BAY จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดัยเครดิตภายในประเทศของธนาคาร
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BAY อาจได้รับการปรับลดอันดับเป็น 'bbb-' หากธนาคารมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลงมากกว่าที่ฟิทช์คาดการณ์ ซึ่งอาจสะท้อนได้โดยการปรับลดคะแนนของปัจจัยต่างๆ ที่ใช้พิจารณาอันดับเครดิตรวมถึงคะแนนด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงาน โดยหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดการณ์อย่างมาก การที่สถานะทางการตลาดของธนาคารไม่สามารถที่จะช่วยให้ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่เป็นไปตามความคาดหมายและสอดคล้องกับการพิจารณาสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ฟิทช์คาดไว้ หรือ การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของระดับความที่ยอมรับได้โดยไม่มีปัจจัยในการจัดการกับความเสี่ยงอย่างเพียงพอ ตัวอย่างเหตุการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมสูงกว่า 6% (ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564 อยู่ที่ 2.7%) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงที่ด้อยลง เช่น มีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่ต่ำกว่า 13 % (ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2564 อยู่ที่ 15.6%) และมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตที่ต่ำกว่า 120% (ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 164%) และ/หรือไม่สามารถรักษาระดับอัตรากำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ระดับสูงกว่า 1.5% (ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2564 1.8%)
อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิการปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของ BAY จะส่งผลให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารได้รับการปรับลดอันดับ
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงิน และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ BAY อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากฟิทช์ประเมินว่าโอกาสที่ MUFG จะให้การสนับสนุนแก่ BAY ปรับตัวดีขึ้น เช่น การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ MUFG น่าจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ หากสมมติฐานในด้านโอกาสในการให้การสนับสนุนยังไม่เปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่สามารถปรับเพิ่มอันดับได้อีก เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ BAY อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่งมากขึ้นจนสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและอาจได้รับปัจจัยผลักดันจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะสะท้อนได้จากอัตราส่วนทางการเงินที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืน เช่นอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่สูงกว่า 2.5% รวมทั้งการคงระดับการยอมรับความเสี่ยงในระดับปานกลางและการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเงินกองทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของปรับขึ้นมาอยู่สูงกว่า 16%อันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ BAY ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เนื่องจากอันดับเครดิตอ้างอิงซึ่งคืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวอยู่ในอันดับที่สูงที่สุดแล้ว
การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ 'bbb' อยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์ซึ่งอยู่ในกลุ่ม 'bb' เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน 'อันดับเครดิตของประเทศ'
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่นอันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุน และอันดับเครดิตภายในประเทศของ BAY มีความเชื่อมโยงกับสถานะทางเครดิตของ MUFG
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับเครดิตที่ 'BBB+' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับเครดิตที่ 'F1'
- อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับเครดิตที่ 'bbb'
- อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น ให้อันดับที่ 'bbb+'
- อันดับเครดิตสนับสนุน ยกเลิกอันดับเครดิต
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับเครดิตที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับเครดิตที่ 'F1+(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน คงอันดับเครดิตที่ 'AAA(tha)'
- อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (ตามเกณฑ์บาเซล 3) คงอันดับเครดิตที่ 'AA(tha)'