นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ กรมพัฒนาฝีมือแรงาน ผนึกกำลังมูลนิธิซิตี้ คีนัน ร่วมติดปีกเยาวชนขาดโอกาส เตรียมความพร้อมด้านธุรกิจก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2565 นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ได้รับมอบหมายจากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ผนึกกำลังภาคีเครือข่าย ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ นายเฉลิมพงษ์ บุญรอด รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดการสัมมนาโครงการเตรียมความพร้อมแก่เยาวชนเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคบริการ ในรูปแบบการเสวนา ระหว่าง กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน มูลนิธิซิตี้ และ มูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย เพื่อร่วมปั้นโครงการเตรียมความพร้อมแก่เยาวชนเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน หนุนพัฒนาทักษะด้านออนไลน์ให้แก่เยาวชนที่ ขาดทุนทรัพย์เพื่อสร้างแรงงานมีฝีมือในอนาคต พร้อมจัดเสวนา "เสริมทักษะ สู่งาน สร้างเยาวชน" หาทางออกการจ้างแรงงานและเสริมทักษะให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยมี นางพรศิวลักษณ์ ผิวสอาด ผู้อำนวยการกองแผนงานและสารสนเทศ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน คุณจุลลดา มีจุล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI) คุณวิลสา พงศธร เจ้าหน้าที่ฝ่ายการพัฒนาวัยรุ่น องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) และ คุณอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai ร่วมเสวนา และมี ม.ล.ปุณฑริก สมิติ อดีตปลัดกระทรวงแรงงาน คณะกรรมการบริหารมูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย คุณวันวิสาข์ โคมินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กร ธนาคารซิตี้แบงก์ประเทศไทย ผู้บริหารของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติ และการเปิดตัว Kenan Micro and SME Academy for Digital Youth ณ ห้องประชุมปกรณ์ อังศสิงห์ ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ Kenan Foundation Asia ด้วย
นายเฉลิมพงษ์ บุญรอด รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า นโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนำประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำของคนทุกระดับในสังคม ซึ่งได้มอบหมายให้ กระทรวงแรงงาน ภายใต้การนำของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับการประกอบอาชีพโดย บูรณาการร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือให้กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และโอกาส สามารถเข้าถึงการอบรมเสริมทักษะ และงานที่มั่นคงในภาคการโรงแรม อาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นภาคธุรกิจหลักของประเทศไทย โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน กลุ่มโรงแรมชั้นนำ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมที่เหมาะสม และตรงต่อความต้องการของผู้ประกอบการ อีกทั้ง มูลนิธิคีนัน ได้คิดค้นการพัฒนาทักษะให้แก่แรงงาน ด้านการตลาดออนไลน์ แนวคิดพื้นฐานการเป็นผู้ประกอบการ และความรู้ทางการเงิน ตลอดมาจนถึงระยะสิ้นสุดโครงการในปีที่ 2 จึงได้ร่วมกันจัดงานเสวนาในหัวข้อ "เสริมทักษะ สู่งาน สร้างเยาวชน" โดยร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาที่กลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ต้องเผชิญ ในการเข้าถึงทักษะแรงงานที่เหมาะสมแก่การประกอบอาชีพในอนาคต และการเข้าถึงงานที่มีคุณภาพ
รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่เป็นหนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักที่กระทรวงแรงงาน และกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้ความสำคัญมาโดยตลอด และตระหนักดีถึงความท้าทายที่คนกลุ่มนี้ต้องเผชิญ ในแต่ละปี ประเทศไทยมีจำนวนนักเรียนที่ไม่ได้เรียนต่อหลังการจบการศึกษาภาคบังคับถึงปีละประมาณ 150,000 คน ซึ่งนักเรียนเหล่านี้ได้เข้าสู่ตลาดแรงงานในฐานะ "แรงงานไร้ฝีมือ" เป็นจำนวนมาก หากได้มีการบูรณาการช่วยเหลือเพิ่มทักษะด้านอาชีพที่เหมาะสมตามความต้องการของตลาดแรงงาน หรือแนวโน้มการประกอบอาชีพของยุคสมัยก็จะช่วยให้นักเรียนดังกล่าวได้พัฒนาเป็น "แรงงานมีฝีมือ" อันจะทำให้มีรายได้ ค่าจ้างที่สูงขึ้น และสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนรุ่นใหม่และครอบครัวให้ดีขึ้นได้การเตรียมความพร้อมแก่เยาวชนเพื่อก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานถือเป็นโครงการตัวอย่างที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ด้วยการเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับยุคปัจจุบัน โครงการนี้เป็นโครงการที่ดี ยึดแนวทางการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม เนื่องจากการพัฒนาและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่สามารถดำเนินได้สำเร็จลุล่วงโดยราชการเพียงฝ่ายเดียว แต่ต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด