EPG มั่นใจปีบัญชี 64/65 (เม.ย.64 - มี.ค.65) ยอดขายเติบโตดีกว่าเป้าหมาย ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปีบัญชี 64/65 (เม.ย.-ธ.ค.64) มียอดขาย 8,859 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 1,264 ล้านบาท โตขึ้น 55%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 24, 2022 15:43 —ThaiPR.net

EPG มั่นใจปีบัญชี 64/65 (เม.ย.64 - มี.ค.65) ยอดขายเติบโตดีกว่าเป้าหมาย ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปีบัญชี 64/65 (เม.ย.-ธ.ค.64) มียอดขาย 8,859 ล้านบาท และ กำไรสุทธิ 1,264 ล้านบาท โตขึ้น 55%

รศ.ดร.เฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกแปรรูปชั้นนำของโลกเปิดเผยว่า ในปีบัญชี 64/65 (เม.ย.64 - มี.ค.65) บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 11,000 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นที่ 29 - 32% คาดว่ายอดขายจะสามารถเติบโตได้ดีขึ้นกว่าเป้าหมาย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว จากคำสั่งซื้อของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ และการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยกดดันการดำเนินงานทั้งจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ประกอบกับปัญหาจากชิปขาดแคลน (Semiconductor Shortage) ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ราคาวัตถุดิบกลุ่มปิโตรเคมีบางประเภทปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าขนส่งที่ราคาสูงขึ้น เป็นต้น

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปีบัญชี 64/65 (เม.ย.-ธ.ค.64) บริษัทมีรายได้จากการขาย 8,858.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 1,264.3 ล้านบาท สูงขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีบัญชี 64/65 (ม.ค.65 - มี.ค.65) มีดังนี้

ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งฐานการผลิตโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา ได้นำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้เพื่อ ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยอัตราการใช้กำลังผลิต (Utilization-Rate) ทยอยปรับเพิ่มขึ้น ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและการขยายฐานลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง อีกทั้ง บริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าเพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ และมีการปรับปรุงต้นทุนที่เกี่ยวกับกระบวนการผลิต

ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ยอดขายมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อของกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้ง AEROKLAS มีจุดแข็งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายทั้ง OEM/ ODM (Original Design Manufacturer) After Market และการส่งออก จึงสามารถใช้ช่องทางดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุด และให้เกิด Synergy ของกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของ AEROKLAS อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากความล่าช้าจากการส่งมอบรถยนต์ใหม่เนื่องจากชิปขาดแคลน (Semiconductor Shortage) คาดว่าจะเริ่มกลับมาดีขึ้นในช่วงเดือนก.พ. และมี.ค. 65

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย ทยอยฟื้นตัวตามการส่งมอบยานยนต์ในออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน TJM มีร้านค้าสาขารวม 5 แห่ง สาขาล่าสุดในออสเตรเลีย คือ TJM Hobart, Tasmania โดย TJM ได้เตรียมความพร้อมรองรับลูกค้าในทุกช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์ และร้านค้าภายใต้แบรนด์ TJM ทั่วออสเตรเลีย

ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้แบรนด์ EPP คาดว่าจะเติบโตดีขึ้น เนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศเริ่มกลับมาดำเนินการตามปกติ อีกทั้งบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทกล่องใส่อาหาร เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคมีความคุ้นชินและเลือกใช้งานเพราะคำนึงถึงความสะอาด ความปลอดภัย และความสะดวกในการบริโภคเป็นหลัก นอกจากนี้ EPP ได้ปรับปรุงการบริหารสินค้าคงคลัง และอัพเกรดกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยมุ่งเน้นสินค้าที่เป็นผู้นำตลาด มีความต้องการในตลาดสูง และมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบริษัทร่วมทุนและการร่วมค้า ภาพรวมปรับตัวดีขึ้นทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมฉนวนกันความร้อน/เย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ โดย Aeroklas Duys (Pty) Ltd. แอฟริกาใต้ ได้รับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นและหลากหลายขึ้น และบริษัท ฟาร์แอร์โร จำกัด ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการผลิตเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้ายานยนต์ OEM คาดว่าจะเริ่มผลิตภายในเดือน เม.ย. 65 รศ.ดร.เฉลียว กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ