I Could Never Be Your Woman เรื่องราวความรักครั้งใหม่ที่จะทำให้ทุกหัวใจอมยิ้ม

ข่าวบันเทิง Friday March 14, 2008 17:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 มี.ค.--สหมงคลฟิล์ม
สัญชาติ อังกฤษ / อเมริกัน
ประเภท โรแมนติค / คอเมดี้
กำกับ / เขียนบท เอมี่ เฮคเกอร์ลิง (Clueless)
นำแสดง มิเชลล์ ไฟเฟอร์ (I am Sam, What Lies Beneath, Dangerous Liaisons)
พอลล์ รัดด์ (The 40 Year Old Virgin, The Cider House Rules)
กำหนดฉาย 20 มีนาคม 2551
จัดจำหน่าย มงคลเมเจอร์
เรื่องย่อ
I Could Never Be Your Woman คือภาพยนตร์โรแมนติคคอเมดี้สุดหรรษาที่จะมาป่วนให้หัวใจทุกดวงต้องลุ้น ผลงานการกำกับและเขียนบทของ เอมี่ เฮคเกอร์ลิง ผู้กำกับหญิงเก่งเจ้าของผลงานสุดฮิต Clueless ที่ทำให้อลิเซีย ซิลเวอร์สโตนแจ้งเกิดในวงการ กลับมาคราวนี้เฮ็คเกอร์ลิงเลือกหยิบเรื่องราวความสัมพันธ์หลักๆในชีวิตคนเรามาถ่ายทอดสู่จอเงินอย่างถึงแก่นด้วยอารมณ์ขันน่ารักน่าหยิก ไม่ว่าจะเป็น ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก, พ่อแม่กับลูก, สามีภรรยา, เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน กับเรื่องราวที่จะทำให้ทุกหัวใจอยากมีความรัก
โรซี่ (มิเชลล์ ไฟเฟอร์) คือม่ายสาววัยเลขสี่ที่ชีวิตกำลังผิดแผน ก่อนหน้านี้ กิจกรรมหลักในชีวิตของโรซี่คือคิดมุขรายการทีวี You Go Girl ที่เธอเป็นโปรดิวเซอร์ และเล่นตุ๊กตาบาร์บี้กับ อิซซี่ (เซียร์ชา โรแนน) ผู้เป็นลูกสาว แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป ชีวิตการงานของเธอกำลังเจอมรสุมหนัก เมื่อเจ้านายจอมกดขี่ทางเพศอยากเปลี่ยนรายการของเธอให้เป็นเรียลลิตี้โชว์ ส่วนจีนนี่ (ซาร่า อเล็กซานเดอร์) ผู้ช่วยตัวร้ายก็จ้องจะแทงข้างหลังตลอดเวลา ด้านชีวิตส่วนตัวก็แย่ไม่ต่างกัน สามีเก่าของเธอกำลังจะมีลูกกับสาววัยละอ่อน ขณะที่อิซซี่ ลูกสาวสุดหวงก็เริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ เบือนหน้าหนีตุ๊กตาบาร์บี้ แล้วหันไปสนใจหนุ่มฮอตที่โรงเรียนชื่อดีแลน (โรรี่ โคปุส) แต่กลับต้องอกหักเมื่อหนุ่มคนนั้นไม่ไยดี
และแล้วนักแสดงหนุ่มรวยพรสวรรค์ อดัม เพิร์ล (พอล รัดด์) ก็เดินเข้ามาในห้องคัดตัวนักแสดงและวิ่งตรงเข้าสู่ห้องหัวใจของโรซี่แบบทันควัน อดัมตื๊อจนโรซี่ยอมออกเดทด้วย ยิ่งได้รู้จักก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ใช่ แต่ติดอยู่ที่ว่าเขาอายุน้อยกว่าเธอตั้ง 11 ปี! และดูเหมือนความสัมพันธ์ที่ผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชายจะเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ โรซี่ต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง แต่อดัมทำคะแนนเอาชนะใจเธอได้ทุกประตู เขาเรียกเรตติ้งให้รายการและทำให้เธอหัวเราะได้ทั้งวัน อิซซี่เองก็ชอบกิ๊กใหม่ของแม่ไม่ใช่น้อย เพราะเขาช่วยไขปัญหาหัวใจวัยรุ่นของเธอได้
ความจริงสถานการณ์การอาจจะดีขึ้นถ้าผู้ช่วยตัวแสบของโรซี่ไม่เข้ามายุ่ง จีนนี่คิดทุกขณะจิตว่าทำอย่างไรดีหนอให้ชีวิตเจ้านายพังพินาศ และแผนล่าสุดของเธอคือหลอกโรซี่ว่าอดัมปิ๊งกับ บริอันน่า มิงซ์ (สเตซี่ย์ แดช) นักแสดงอีกคนในรายการ ซึ่งโรซี่ก็งับเหยื่อของจีนนี่ไปแบบเต็มๆ เธอปักใจเชื่อว่าเมื่ออายุต่างกันขนาดนี้ ยังไงก็คงไปด้วยกันไม่รอด และระแวงว่าบางทีอดัมอาจหลอกใช้เธอเป็นเจ๊ดันเพื่อตะกายดาว หรือไม่ก็แค่สนุกกับการหว่านเสน่ห์ไปวันๆ คิดได้ดังนั้นโรซี่ก็ขอเลิกกับอดัมเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม แต่มีหรือที่หนุ่มคนนี้จะยอมให้ความรักของเขาจบลงง่ายๆ
ที่มาที่ไป
หลังจากที่ประสบความสำเร็จท่วมท้นไปทั่วโลกกับ Clueless จนมีคนเลียนแบบทั่วบ้านทั่วบ้านทั่วเมือง และทำเงินถล่มทลาย ผู้กำกับ/มือเขียนบทหญิง เอมี่ เฮคเกอร์ลิง ก็ลงมือเขียน I Could Never Be Your Woman ที่เล่าเรื่องราวของโรซี่ โปรดิวเซอร์รายการทีวีและแม่ม่ายลูกหนึ่งที่ตกหลุมรักนักแสดงหนุ่มในรายการของตัวเอง เฮคเกอร์ลิงเขียนบทจากประสบการณ์ตรง เพราะเธอเองก็เป็นแม่ม่ายลูกหนึ่งที่ไปตกหลุมรักหนุ่มวัย 30 และทำรายการทีวีโชว์ของอเมริกาเหมือนกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือบทภาพยนตร์โรแมนติคคอเมดี้สุดหรรษาที่เขียนด้วยมันสมองและเสียดสีสังคมด้วยอารมณ์ขัน
“ปัญหาก็คือ” เฮคเกอร์ลิงที่กัดฟันเข็นโปรเจ็คต์นี้มาตั้งแต่ต้นอธิบาย “เด็กวัยรุ่นยังหลงเชื่อกลลวงของผลิตภัณฑ์อยู่ ถ้าโตเป็นผู้ใหญ่ คุณจะรู้ว่าการเปลี่ยนครีมล้างหน้าไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น นั่นคือเหตุผลว่าทำไมพวกพ่อค้าทั้งหลายถึงเล็งเป้าหมายไปที่วัยรุ่น พวกเขาคิดว่ายังไงเด็กก็เห็นดีเห็นงามกับขยะที่เอามาขาย พวกนายทุนเชื่อฝังหัวว่าหนังเรื่องนี้มีแต่ผู้หญิงวัยกลางคนเท่านั้นที่จะสนใจ และผู้หญิงวัยกลางคนไม่ทำให้หนังได้เงินติดอันดับตารางบ๊อกซ์ออฟฟิศ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าพวกเธอมีหัวคิดไง วงการบันเทิงมันเป็นแบบนี้”
และ I Could Never Be Your Woman ก็คงเกิดและดับลงตรงนั้นถ้าไม่มีดาราฮอลลีวู้ดดังๆเข้ามาช่วย พวกนายทุนตามสตูดิโอต่างๆไม่เชื่อในพลังดาราของ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ไฟเฟอร์ได้อ่านสำเนาบทหนังและชอบมันมากจนวานให้ตัวแทนช่วยไปหาผู้อำนวยการสร้างทันทีที่ลิขสิทธิ์หนังว่าง ซึ่งเฮคเกอร์ลิงซึ้งน้ำใจนักแสดงนำหญิงของเธอคนนี้มาก “มิเชลล์ทำให้หนังเรื่องนี้ได้สร้าง เธอเชื่อในบทหนังและต่อสู้เพื่อทำให้มันเป็นรูปเป็นร่าง ฉันเป็นหนี้บุญคุณเธอจริงๆ”
ในที่สุด ผู้อำนวยการสร้าง ฟิลลิป มาร์ติเนซ ก็คือผู้ที่เข้ามาดูแลโปรเจ็คต์นี้ “ตัวแทนจากบริษัท Creative Artists Agency โทรมาหาผมและบอกว่า ‘ฟิลลิป ผมรู้ว่าคุณกำลังอยากจะอำนวยการสร้างหนังดีๆสักเรื่อง และนี่คือหนังดีที่ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ อยากสร้าง’ ผมก็เลยลงมืออ่านบทแบบรวดเดียวจบภายใน 2 ชั่วโมง ผมชอบมากและคิดว่ามันไม่ใช่บทหนังที่หาได้ง่ายๆ ผมโทรกลับตัวแทนคนนั้นและบอกว่า ‘ไปคุยกับผู้กำกับกันเถอะ’ มันเป็นบทหนังที่ตลก มีพลัง และโดนที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา ที่ตลกก็คือ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ สู้ขาดใจเพื่อหนังเรื่องนี้ก็เพราะเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีบทดีๆให้ผู้หญิงกลางคนแสดงเท่าไหร่”
กระเทาะเรื่องราว
ประเด็นหนึ่งที่ I Could Never Be Your Woman หยิบมาแขวะ เอ้ย! หยิบมาพูดถึงก็คือความกลัวแก่ของคนในสังคมตะวันตก โดยเฉพาะในฮอลลีวู้ด เฮคเกอร์ลิงมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่เห็นการร่วมรักระหว่างหญิงชายวัยเดียวกันเป็นเรื่องประหลาด และสวรรค์ห้ามไม่ให้สาวแก่ควงเด็กหนุ่ม
“ฉันพยายามทำความเข้าใจเวลาเห็นผู้ชายอายุ 70 คบผู้หญิงอายุ 40 แล้วไม่มีใครท้วงว่าอายุห่างกันเกินไป” เฮคเกอร์ลิงหัวเราะ “มีค่านิยมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศหลายอย่างที่เราข้องใจ ไปดูตามไนต์คลับสิ เฒ่าหัวงูรวยๆจีบสาวสวยเอ๊าะๆเยอะแยะไป และเป็นแบบนั้นตลอด ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะนี่คืออาณาจักรของสัตว์ไง อาณาจักรที่อำนาจแทนค่าด้วยเงิน และความสมบูรณ์แทนค่าด้วยหน้าอกโตๆ ผู้หญิงต้องดูเป็นแม่พันธุ์ที่ดี ส่วนผู้ชายก็ต้องดูกร้าวแกร่งพร้อมจะล้มตัวผู้ตัวอื่นได้ นั่นแหละคือความจริงที่คุณหัวเสียกับมันไม่ได้”
ความขัดแย้งนี้ถูกสร้างเป็นตัวละครตัวหนึ่งในหนัง นั่นก็คือ เทพธิดาประจำตัวโรซี่ “คุณต้องการให้ทุกอย่างเป็นแบบนึง แต่ธรรมชาติสั่งให้เป็นอีกแบบนึง คุณก็เลยต้องต่อสู้กับตัวเอง” เฮคเกอร์ลิงอธิบาย “ฉันว่าเรื่องนี้ก็คล้ายๆกับ Look Who’s Talking ที่ฉันเคยทำนะ เพราะมันมีตัวละครเด็กที่มีความคิดบริสุทธิ์ตรงข้ามกับแม่”
ขณะที่ความรักระหว่างโรซี่กับอดัมสร้างโรแมนติคให้หนัง แต่แก่นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกระหว่างโรซี่กับอิซซี่ที่ไม่บีบคั้นอารมณ์เกินจริงและไม่ได้พยายามตลกจนโอเว่อร์เพราะต้นแบบของตัวละครอิซซี่คือ มอลลี่ ลูกสาววัยรุ่นของผู้กำกับเฮคเกอร์ลิงที่ตอนนี้เรียนภาพยนตร์อยู่ที่นิวยอร์ก
“ฉันอยากพูดว่า ว้าว ฉันเก่งมั้ยที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาได้” เฮคเกอร์ลิงสารภาพ “แต่ฉันมีความสุขกับลูกมากจริงๆ เธอตลกมาก ฉันจดสิ่งที่เธอพูดเก็บไว้หลายปี ฟังดูตลกนะ แต่สำหรับฉัน การเล่นตุ๊กตาบาร์บี้กับลูกเป็นกิจกรรมที่สนุกที่สุดในโลกเลยล่ะ”
แน่นอนว่าความเป็นแม่ของเฮคเกอร์ลิงถูกถ่ายทอดสู่ตัวละครทั้งโรซี่และอิซซี่ รวมทั้งสถานการณ์ที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ “สิ่งหนึ่งที่ยากที่สุดในการเลี้ยงลูกคือ การทนดูเขารับมือกับเรื่องเจ็บปวด เช่น ถ้าลูกไปชอบผู้ชายแล้วเขาไม่สนใจ หรือลูกถูกเด็กผู้หญิงคนอื่นที่โรงเรียนแกล้ง แล้วคุณทำอะไรไม่ได้”
เฮคเกอร์ลิงังยืมประสบการณ์จริงของตัวเองมาใช้กับเรื่องราวระหว่างโรซี่กับอดัมด้วย แต่กรณีนี้ต้องอาศัยจินตนาการเข้ามาช่วยนิดหน่อย ความรักแบบโรแมนติคคอเมดี้ระว่างตัวละครทั้งคู่มาจากการปะติดปะต่อเรื่องราวความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของเฮคเกอร์ลิงกับเพศตรงข้าม หนังโรแมนติคคอเมดี้เป็นเรื่องของคนพบรัก คนดูถึงได้มีอารมณ์ร่วม ฉันมีแฟนมาหลายรูปแบบ บางคนก็งี่เง่า บางคนก็ตลก ถ้าคุณเป็นนักทำหนังโรแมนติคคอเมดี้ คุณจะได้ไอเดียจากเหตุการณ์ที่อาจจะไม่มีความหมายอะไรในชีวิตจริง มันสนุกนะที่ได้นำเหตุการณ์เหล่านั้นไปขยายบนจอหนัง”
สำหรับผู้กำกับหญิงไอเดียบรรเจิดอย่างเฮคเกอร์ลิง แน่นอนว่าเธอไม่เพียงเสียดสีความสัมพันธ์ระหว่างสาวแก่กับหนุ่มเอ๊าะเท่านั้น แต่ยังกล่าวถึงวงการโทรทัศน์แอลเอที่ซึ่งโรซี่และอดัมพบรักกันด้วย โดยแผนการร้ายเบื้องหลังรายการเรทติ้งตกอย่างในหนัง ไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงสักเท่าไหร่
พอล รัดด์ เห็นด้วย “แอลเอมีค่านิยมประหลาดหลายอย่าง เรื่องอายุคือหนึ่งในนั้น ผมรู้ว่าเจ้าของรายการมองหามือเขียนบทรุ่นใหม่ตลอดเวลา เพราะพวกเขาจะรู้ว่าอะไรกำลังอิน อะไรกำลังฮิต สำหรับผู้หญิงยิ่งยาก เพราะมาตรฐานจะยิ่งสูงขึ้น ซึ่งผมว่าน่าเศร้าและเป็นการมองโลกแคบสุดๆ ถ้าดูหนังส่วนใหญ่ จะเห็นว่าไม่ค่อยมีคู่รักที่อายุต่างกันเหมือนผมกับมิเชลล์หรอก ส่วนใหญ่มีแต่ที่ผู้ชายอายุมากกว่าผู้หญิง”
นักแสดงหญิงชาวอังกฤษ ซาร่า อเล็กซานเดอร์ ผู้รับบทผู้ช่วยของโรซี่ กล่าวว่า “วงการทีวีที่นี่ดุเดือดมากจนน่าตกใจ พวกเขาใช้เงินลงทุนในธุรกิจนี้สูงกว่าในอังกฤษมาก เพราะฉะนั้นความเสี่ยงและความกดดันก็เลยมีมากกว่า การถอดรายการทิ้งแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้นกับสถานี BBC มันคงจะเป็นการนั่งเจรจากันดีๆประเภทจิบน้ำชา กินขนมปังกรอบ แล้วพูดว่า ‘ดิฉันต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่งที่…’มากกว่า”
ผลลัพธ์ที่ได้คือภาพยนตร์อุ่นหัวใจสุดคมคายที่กลั่นออกมาจากสัญชาติญาณช่างเสียดสีของเฮคเกอร์ลิง ถ้าบทหนังตกไปอยู่ในมือคนอื่นที่ไม่เข้าใจเรื่องราวเท่านี้ หนังก็อาจออกมาซาบซึ้งอารมณ์ท่วม แต่เมื่อเป็นเฮคเกอร์ลิง I Could Never Be Your Woman จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ชัดเจน, ซื่อตรง และน่ารัก เช่นเดียวกับที่ทุกคนเคยสัมผัสมาแล้วจาก Clueless, Look Who’s Talking และ fast Times At Ridgemont High
คัดตัวนักแสดง
ในภาพยนตร์ที่มีการแสดงเป็นหัวใจหลักเช่นนี้ ต้องหาทีมนักแสดงที่มีฝีมือและเข้าขากันได้ดี มิเชลล์ ไฟเฟอร์ แสดงอารมณ์ขันได้ถูกจังหวะและเป็นธรรมชาติมากในบท โรซี่ “เธอเป็นนักแสดงหญิงที่ยอดเยี่ยมที่สุด” เฮคเกอร์ลิงชมด้วยความปลื้ม “มิเชลล์สามารถแสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน จนคุณอินไปกับเธอ แถมเธอยังตลกด้วย ซึ่งฉันไม่ค่อยได้เห็นในหนังเท่าไหร่ เพราะเธอสวยมาก ก็เลยไม่ค่อยได้รับบทแบบนี้”
บท อดัม เพิร์ล นักแสดงหนุ่มที่ขโมยหัวใจโรซี่ ต้องเป็นหนุ่มหล่อรวยอารมณ์ขันที่ดูน่าจะสามารถทำให้ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ หลงรักได้ ความรักระหว่างพวกเขาต้องน่าเชื่อถือ และเขายังต้องชนะใจลูกสาวในจอของเธอได้ด้วย ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆเลยนะนั่น
พอล รัดด์ (จาก Anchor Man, 40 Year-Old Virgin) เคยร่วมงานกับเฮคเกอร์ลิงมาแล้วครั้งหนึ่งใน Clueless ซึ่งเป็นผลงานแจ้งเกิดของเขา “คราวที่แล้วเขาเป็นนักแสดงโนเนมที่ไม่เคยมีผลงานอะไรมาก่อน” เฮคเกอร์ลิงสาธยาย “ฉันลองให้โอกาสเขา และก็ชอบเขามาตั้งแต่นั้น นับวันเขายิ่งตลกขึ้น ฉันพยายามติดตามผลงานเขาทุกเรื่องซึ่งหลากหลายจนน่าทึ่ง ตั้งแต่หนังตลกอย่าง 40 Year-Old Virgin ไปจนถึงละครบรอดเวย์ของเชคสเปียร์ เขาควรจะเป็นนักแสดงแถวหน้าได้แล้ว ซึ่งฉันว่าตอนนี้แหละเหมาะ พอลกับมิเชลล์แสดงเข้าขากันดีมาก เขาแหย่เธอ และเธอก็หัวเราะคิกคักเหมือนเด็กผู้หญิง”
ทางด้าน พอล รัดด์ ผู้รับบทนี้ ก็ดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนัง “การได้ร่วมงานกับ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ถือเป็นโอกาสทองในชีวิตผม” พอลหัวเราะ “ก็คุณดูนักแสดงชายที่เธอเคยร่วมงานด้วยสิ ทั้ง แจ๊ค นิโคลสัน, อัล ปาชิโน่, ฌอน เพนน์ และผมได้เป็นหนึ่งในนั้น คิดดูสิ ผมคงนอนตื่นเต้นไปอีกหลายปี แล้วเอมี่ (ผู้กำกับ) ก็ทำให้ผมดูตลกกว่าปกติ”
บทสำคัญบทที่สามคือบท อิซซี่ ลูกสาวของโรซี่ เด็กผู้หญิงจากเบเวอรี่ฮิลส์ที่รู้สึกแปลกแยก สำหรับหนังที่มีน้ำเสียงเสียดสีแบบนี้ และด้วยสไตล์ของเฮคเกอร์ลิง ทีมงานต้องการเด็กผู้หญิงที่ไม่เหมือนวัยรุ่นจอมเฮี้ยวในฮอลลีวู้ด และพวกเขาหลงรัก เซียร์ชา โรแนน สาวน้อยเชื้อสายไอริชตั้งแต่แรก ติดอยู่แค่ว่าบทนี้ควรเป็นของเด็กอเมริกัน “เซียร์ชาเป็นเด็กที่น่ารักมาก” เฮคเกอร์ลิงกล่าว “ตอนที่ทดสอบบท เธอพูดสำเนียงอเมริกัน และถามว่า อยากจะให้เธอพูดสำเนียงออสเตรเลียน, นิวซีแลนด์, ค็อกนี่ย์, หรือสก๊อตต์ ด้วยมั้ย เด็กอะไรเก่งจนน่าขนลุก หูเธอดีมากเลย”
สำหรับบท เทพธิดาประจำตัสโรซี่ เฮคเกอร์ลิงเลือกนักแสดงตลกในดวงใจ เทรซี่ย์ อัลล์แมน เป็นอันดับแรก “เทรซี่ย์ทำให้ฉันขำเตลิดเปิดเปิง เธอตลกมากเลย” เฮคเกอร์ลิงกล่าว ส่วนผู้อำนวยการสร้าง เซริส ฮัลลัม ลารืกิน เสริมว่า “ตอนแรกเราคิดว่าเธอน่าจะพูดด้วยสำเนียงอังกฤษของเธอนั่นแหละ แต่พอได้ยินเธอพูดสำเนียงบรองซ์ เราก็คิดทันทีว่าตัวละครนี้ต้องมาจากอีสต์โคสต์เท่านั้น”
อัลล์แมนเองก็ดีใจมากที่ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ “แนชอบหนังเรื่องนี้เพราะมันพูดถึงผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นเรื่องที่พูดถึงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในอเมริกา เราต้องแก่อย่างมีเกียรติ มีผู้หญิงหลายคนที่ไม่สามารถขยับใบหน้าได้อีกต่อไป และคุณคิดว่า นั่นเธอทำอะไรน่ะ เพราะฉะนั้นการมีหนังสักเรื่องที่พูดถึงประเด็นนี้ด้วยอารมร์ขันจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก และตอนนี้วงการกำลังต้องหนังแบบนี้”
เฮคเกอร์ลิงชอบทำงานกับเพื่อน เธอจึงเขียนบท บริอันน่า มิงซ์ นักแสดงนำหญิงในรายการ You Go Girl ของโรซี่ ให้นักแสดงที่เธอเคยร่วมงานด้วยใน Clueless อย่าง สเตซี่ย์ แดช “ตัวละครตัวนี้อายุ 30 กว่าๆ และไม่เข้าใจว่าทำไมนักแสดงสาวรุ่นถึงได้นำหน้าเธอไปทั้งๆที่เธอก็เคยเป็นวัยรุ่นมาก่อน มันไม่ยุติธรรมเลยสำหรับเธอ” เฮคเกอร์ลิงอธิบาย “บริอันน่าเป็นตัวแทนของผู้หญิงวัยนี้ได้เป็นอย่างดี และสเตซี่ย์ก็แสดงได้ตลกมาก”
แดชเข้าใจดีถึงสิ่งที่หนังพูดถึงเพราะเธอมีประสบการณ์ตรง “ฉันอยากบอกว่าเรื่องนี้ใกล้เคียงความจริงในฮอลลีวู้ดและสิ่งที่ผู้หญิงกังวลมาก ผู้หญิงวัยเราอยากจะดูสาว สวย หุ่นดี ตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริง เราไม่สามารถยื้อเวลาได้ ฉันคิดว่าผู้หญิงที่สมควรได้รับการยกย่อง ได้รับความรัก และเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นคือผู้หญิงที่ไม่ตกหลุมพรางกับเรื่องสังขาร”
“ฉันปลื้มมากที่ได้ร่วมงานกับ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ฉันจ้องเธอตลอดเวลาจนต้องเตือนตัวเองว่าหยุดมองเธอได้แล้ว ส่วน พอล รัดด์ ฉันเคยร่วมงานกับเขามาก่อน รู้สึกเหมือนเขาเป็นน้องชาย พอมีฉากหนึ่งที่เราต้องจูบกัน ฉันก็เลยจั๊กกะจี๋เหมือนจูบกับน้องชายตัวเอง”
อีกบทหนึ่งที่สำคัญคือ จีนนี่ เลขาตัวร้ายของโรซี่ ซึ่งรับบทโดยดาราตลกอังกฤษ ซาร่า อเล็กซานเดอร์ (จาก Smack The Dead Pony, Coupling) และนี่คือผลงานภาพยนตร์เรื่อแรกของเธอ เฮคเกอร์ลิงอธิบายว่า “เราต้องการให้จีนนี่ดูคล้ายๆโรซี่ แต่เป็นฉบับที่โทรมกว่า และนิสัยแย่กว่า ฉันว่าคงไม่มีใครนอกจากฉันกับฝ่ายเสื้อผ้าที่เข้าใจว่าตัวละครตัวนี้เป็นยังไง คือถ้าโรซี่ใส่ชุดอะไร จีนนี่จะใส่ตามในฉากต่อมา แต่จะเป็นชุดที่ดูโทรมกว่า เราเลือกซาร่าตั้งแต่ตอนทดสอบบทเลย”
ทางด้าน ซาร่า อเล็กซานเดอร์ บอกว่า “เอมี่รู้จักหนังตลกของตัวเอง เธอรู้ตัวว่าต้องการอะไรจากตัวละครแต่ละตัวและเปิดโอกาสให้นักแสดงแสดงอย่างเต็มที่ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ฉันว่าหนังเรื่องนี้มีทั้งบทและตัวละครตลกที่ดี แล้วคุณจะตกหลุมรัก พอล รัดด์”
เฮคเกอร์ลิงเป็นแฟนพันธุ์แท้ของตลกอังกฤษและใช้บริการนักแสดงอังกฤษหลายคนในบทสมทบ “แม้จะเป็นบทเล็กๆ แต่เราก็ใช้นักแสดงคุณภาพของอังกฤษ” ผู้อำนวยการสร้างลาร์กินกล่าว “ตั้งแต่ แม็คเคนซี่ ครูก จาก The Office และ The Pirates of the Caribbean ไปจนถึง เดวิด มิทเชลล์ แห่ง Peep Show ที่จะกลายเป็นบุคคลสำคัญของวงการตลกโลกในไม่ช้า ร่วมด้วยนักแสดงฝีมือดีอย่าง เกรแฮม นอร์ตัน ในบทตัวประกอบ”
ความจริงการคัดเลือกนักแสดงให้มารับบทต่างๆใน I Could Never Be Your Woman ไม่ใช่เรื่องง่าย “การหานักแสดงอังกฤษที่สามารถพูดสำเนียงอเมริกันได้อย่างน่าเชื่อถือโดยไม่เสียอรรถรสอารมณ์ขันไม่ใช่เรื่องง่าย” ฮัลลัม ลาร์กิน ยอมรับ “เราหวังว่า เดวิด มิทเชลล์ จะยกโทษให้เราที่ให้เขาพูดสำเนียงอังกฤษอยู่คนเดียว เพราะเขาพูดสำเนียงอเมริกันไม่ได้จริงๆ แต่เราก็ชอบเขามากขนาดที่ยังไงก็ต้องให้เขาแสดงในเรื่องนี้ให้ได้”
การถ่ายทำ
สำหรับภาพยนตร์ที่ได้ชื่อว่าเป็นงานสร้างของอังกฤษ I Could Never Be Your Woman จำเป็นต้องใช้ทุนสร้างจำนวนจำกัดในประเทศอังกฤษ หมายความว่าบางฉากก็ต้องสร้างแอลเอขึ้นมาในลอนดอน ทีมงานใช้เวลา 6 เดือน ถ่ายทำในไพน์วู้ดและลอนดอน ก่อนจะย้ายมาถ่ายทำฉากภายนอกของแอลเอที่อเมริกาอีก 3 สัปดาห์ “เอมี่อยากถ่ายทำในแอลเอทั้งหมด เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นที่นั่นและเธอเป็นคนที่นั่น”
แต่เฮคเกอร์ลิงเองนั่นแหละที่เป็นคนเปลี่ยนไปถ่ายทำในอังกฤษ “ฉันฝันอยากถ่ายทำในอังกฤษมากนานแล้ว ฉันรักลอนดอน รักนักแสดงอังกฤษ และเราได้ไปถ่ายทำที่ไพน์วู้ดที่ สแตนลี่ย์ คิวบริก เคยทำงานด้วย! เขาเป็นฮีโร่ของฉันเลย เรามาจากบรองซ์เหมือนกัน และการได้ทำงานที่สตูดิโอเหล่านั้นเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก”
บริษัทผู้ผลิตรวบรวมทีมงานอังกฤษฝีมือดีทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเอาไว้มากมาย ซึ่งคนสำคัญที่เฮคเกอร์ลิงปลื้มที่ได้ร่วมงานด้วยก็คือ ไบรอัน ทูฟาโน่ “ฉันได้ดู Quadrophenia เมื่อหลายปีก่อน และคิดว่านี่แหละภาพหนังที่ฉันต้องการ ฉันพยายามตามตัวเขามาร่วมงาน แต่สตูดิโอคงไม่ยอมให้ฉันใช้ผู้กำกับภาพอังกฤษแน่ๆ ฉันก็เลยปลื้มมากที่ได้ร่วมงานกับเขาในดปรเจ็คต์นี้”
ฮัลลัม ลาร์กิน บอกว่า “ไบรอัน ทูฟาโน่ ไม่ได้เป็นแค่ผู้กำกับภาพ เขาคือช่างฝีมือ ไบรอันเป็นคนพิถีพิถันมาก เขาอ่านบทหนังและกระตือรือร้นอยากทำงานทันที เอมี่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเขา ทั้งคู่เป็นทีมที่ยอดเยี่ยมมาก”
.
นักแสดง
มิเชลล์ ไฟเฟอร์ รับบท โรซี่
ผลงาน >> I am Sam, What Lies Beneath, The Story of Us, Batman Returns, A Midsummer Night’s Dream, Love Field, The Fabulous Baker Boys, Dangerous Liaisons
รางวัล
- เข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 ครั้ง จาก Love Field (1992), The Fabulous Baker Boys (1989) และ Dangerous Liaisons (1988)
- ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในภาพยนตร์ดราม่าจาก The Fabulous Baker Boys (1989)
- ได้รับรางวัล BAFTA สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Dangerous Liaisons (1988)
พอล รัดด์ รับบท อดัม
ผลงาน >> Clueless, Romeo+Juliet, The Cider House Rules, The Shape of Things, P.S., The 40 Year-Old Virgin, Night at a Museum, Knocked Up
เซียร์ชา โรแนน รับบท อิซซี่
ผลงาน >> Atonement, ทีวีซีรี่ย์ Proof, The Clinic
ซาร่า อเล็กซานเดอร์ รับบท จีนนี่
ผลงาน >> Stardust, ทีวีซีรี่ย์ Coupling
สเตซี่ย์ แดช รับบท บริอันน่า มิงซ์
ผลงาน >> Clueless, View from the Top
เทรซี่ย์ อัลล์แมน รับบท เทพประจำตัวโรซี่
ผลงาน >> Small Time Crooks, ทีวีซีรี่ย์ Ally Mcbeal, Tracy Take On…
ทีมสร้าง
เอมี่ เฮคเกอร์ลิง — กำกับ / เขียนบท
ผลงาน >> Clueless, Fast Time and Ridgemont High, Look Who’s Talking
เซริส ฮัลลัม ลาร์กิน — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Land of the Blind, Action Star, Bollywood Queen, The Escapist
ฟิลลิป มาร์ติเนซ — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> The Flock, The Groomsmen, Modigliani
อลัน ลาธัม — อำนวยการสร้าง
ผลงาน >> Darkness Falls, God and Monsters, Last Days, Summer of Sam, Left language, Orphans
ไบรอัน ทูฟาโน่ — กำกับภาพ
ผลงาน >> Billy Elliot, Transpotting, Blade Runner, A Life Less Ordinary

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ