กรุงเทพฯ--20 มี.ค.--กทม.
กทม. เร่งตรวจความเสียหายหลังพบฝาตะแกรงเหล็กอุโมงค์ทางลอดแยกท่าพระสูญหาย พร้อมนำฝาคอนกรีต มาทดแทน ป้องกันอันตราย และการขโมยรอบสอง เร่งระดมเทศกิจประสานตำรวจเพิ่มการตรวจพื้นที่ หลังพบทรัพย์สินกทม. ถูกขโมยเสียหายหลายล้านบาท ขอความร่วมมือประชาชนร่วมสอดส่องคนร้ายขโมยทรัพย์ราชการและไม่รับซื้อของโจร เพราะมีความผิดตามกฎหมาย พบเห็นรีบแจ้งตำรวจ หรือ 1555 ด้าน ผกก.สน.ท่าพระ เผยผู้ต้องหามอบตัวแล้ว อีก 2 ราย อยู่ระหว่างออกหมายจับ
รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจบริเวณอุโมงค์ทางลอดท่าพระซึ่งถูกคนร้ายขโมยฝาตะแกรงท่อระบายน้ำ 108 จุด จำนวน 209 ชิ้น มูลค่าประมาณ 6 แสนบาท จากทั้งหมดที่มี 207 จุด เบื้องต้นสำนักการระบายน้ำนำฝาปิดแบบคอนกรีตมาวางแทนเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ จากนั้นจะนำฝาตะแกรงแบบเดิมมาใส่ เนื่องจากมีการออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานเพื่อการระบายน้ำ ในส่วนของอุโมงค์อื่นๆ ยังไม่พบรายงานการขโมย
นอกจากกรณีการขโมยฝาท่อระบายน้ำดังกล่าวแล้ว กทม. ยังพบปัญหาการขโมยทรัพย์สินของทางราชการมาโดยตลอด เช่น สายไฟฟ้า ราวกันตกสะพานลอยคนข้ามและสะพานข้ามคลอง และโคมไฟฟ้าส่องสว่างบนสะพานลอยคนข้าม เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาสำนักการโยธาได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้วหลายราย และได้เร่งแก้ไขให้อยู่ในสภาพดีแล้วหลายจุด นอกจากนี้จากการสำรวจของสำนักการระบายน้ำ ปี 50 พบมีการขโมยทรัพย์สินของราชการ อาทิ สายไฟ ฝาท่อระบายน้ำ แบตเตอรี่เครื่องสูบน้ำ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 9 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝาท่อระบายน้ำพบถูกขโมยกว่า 300 ชิ้น แต่ในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมาของปี 2551 พบสูญหายจำนวนใกล้เคียงกัน ซึ่งนับเป็นความไม่ปลอดภัยของพื้นที่สาธารณะในกรุงเทพฯ ไม่เพียงเท่านั้น สำนักการโยธา ยังตรวจพบสายไฟบนสะพานลอยถูกขโมย มากกว่า 10 สะพาน ซึ่งกทม. ทำการซ่อมชั่วคราวใช้งบ 80,000—150,000 บาท ต่อสะพาน ซึ่งหากเป็นการซ่อมแซมแบบถาวร ที่ต้องจ้างบริษัทเอกชนจะต้องใช้งบประมาณรวมทั้งหมดกว่า 10 ล้านบาท
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าวว่า ที่ประชุมคณะผู้บริการกทม. ได้มอบหมายให้นายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกรุงเทพมหานคร กำชับสำนักงานเขตลงพื้นที่ พร้อมประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจร้านรับซื้อของเก่าอย่างเข้มงวด ตลอดจนขอความร่วมมือร้านรับซื้อของเก่าร่วมเฝ้าระวัง ไม่รับซื้อของโจร เพราะจะมีความผิดตามกฎหมาย เป็นคดีที่มีความผิดร้ายแรง สร้างความเสียหายต่อทางราชการ พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือประชาชนในการร่วมกันสอดส่อง หากพบเห็นผู้กระทำผิดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ สายด่วน กทม. 1555 เพื่อดำเนินการต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลท่าพระ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดี ว่า ขณะนี้ นายรณชัย กิมปิผลไพบูลย์ ผู้ต้องหาซึ่งกระทำความผิด เมื่อวันที่ 29 ก.พ. 51 ได้เข้ามอบตัวแล้ว ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 คนยังคงหลบหนี คือ นายสาหล พรหมมะดัน และนายอภิชาต ชัยงาม อยู่ระหว่างการออกหมายจับ ในส่วนของการตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าในพื้นที่เบื้องต้นไม่พบผู้กระทำผิด ซึ่งหากพบผู้กระทำผิดจะได้รับโทษตาม พ.ร.บ.รับซื้อของเก่า และมีความผิดฐานรับซื้อของโจร มีโทษทั้งจำและปรับ