SIMAT มั่นใจธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศยังสดใส ขอขยับแบบ conservative คาดปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 20%

ข่าวเทคโนโลยี Tuesday March 25, 2008 15:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--ไซแมท เทคโนโลยี
ผู้บริหาร SIMAT ถ่อมตัวปีนี้ขอขยับแบบ conservative คาดมีอัตราการขยายตัวอย่างน้อย 20% จากค่าเฉลี่ยที่ผ่านมาเติบโตในช่วง 20-60% มั่นใจเป็นอีกปีที่ตลาดเทคโนโลยีสารสนเทศยังสดใส ระบุ SIMAT ก้าวแบบไม่หยุดยั้งและตอบสนองทุกความต้องการด้วยไอทีโซลูชั่นใหม่ๆ พร้อมเพิ่มไลน์ธุรกิจผลิตภัณฑ์ทำฉลากและสิ่งพิมพ์ โดยคาดจะติดตั้งเครื่องจักรเสร็จภายในไตรมาส 2/51หวังสร้างรายได้ปีละไม่ต่ำกว่า 50 ลบ.
นายทองคำ มานะศิลปพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (SIMAT) ประเมินภาพรวมของธุรกิจในปีนี้ว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่องโดยคาดว่าจะเป็นปีที่ภาครัฐบาลมีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าสัดส่วนงานของบริษัทฯประมาณ 95% มาจากเอกชน แต่เมื่อภาครัฐเพิ่มการลงทุนจะผลักดันให้ภาคเอกชนคึกคักตามไปด้วย และที่สำคัญปีนี้ SIMAT วางแผนจะบุกสู่งานภาครัฐมากขึ้น ซึ่งโครงการจากภาครัฐตลอดปีนี้บริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลคิดเป็นหลัก 100 ล้านบาท ซึ่งหากบริษัทฯ สามารถประมูลโครงการขนาดใหญ่หลัก 30-40 ล้านบาท จากภาครัฐได้ ก็จะส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตแบบก้าวกระโดดทันที
ส่วนงานจากภาคเอกชนก็ยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นส์ของธุรกิจ จะมียอดคำสั่งซื้อสินค้าเพิ่มเข้ามาถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีจึงมีส่วนช่วยสนับสนุนให้รายได้เติบโตตามเป้า
“โดยเฉลี่ยในปีที่ผ่านๆ มา SIMAT มีอัตราการเติบโตอยู่ในช่วง 20-60% ปีนี้ก็มองแบบ conservative คาดไว้ว่ารายได้จะเติบโตอย่างน้อย 20% จากปีที่แล้ว ซึ่งก็มั่นใจว่าจะสามารถรักษาฐานการเติบโตไว้ โดยจุดเด่นที่สามารถครองใจลูกค้าเอาไว้ได้และเหนือกว่าคู่แข่งก็คือการเป็นบริษัทที่เน้นให้ โซลูชั่น กล้าคิดค้นและนำเสนอสิ่งใหม่ๆให้กับลูกค้า อีกทั้งมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาเทคโนโลยีร่วมงานกันมานาน และเป็นchain ของทั้งภาคพื้นเอเชีย ซึ่งไม่ได้มีแค่ประเทศไทย แต่มีทั้งในมาเลเซีย,สิงคโปร์ และในอนาคต อาจมีอีกหลายแห่งซึ่งจะก่อให้เกิดการประสานกันด้านเทคโนโลยีทำให้การพัฒนาจะไปเร็วกว่าคู่แข่งที่อยู่ตัวคนเดียว นอกจากนี้มีบริการทั่วประเทศ ซึ่งลูกค้าหลายรายให้ความสำคัญจุดนี้มาก”
เขากล่าวต่อว่าการดำเนินธุรกิจในปีนี้ SIMAT จะเน้นเรื่อง RFID ให้มากขึ้น โดยวางเป้าที่จะเพิ่มยอดขาย RFID ให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยอดขายยังมีไม่มากหากเทียบกับยอดขายส่วนอื่นๆ และจะพยายามขยายความครอบคลุมให้ทั่วประเทศมากขึ้นอีก ส่วนแผนการขยายธุรกิจในปีนี้ SIMAT เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ
ผลิตภัณฑ์สำหรับทำฉลากและสิ่งพิมพ์ ที่ใช้กับเครื่องปริ๊นเตอร์ หรือเรียกว่าธุรกิจ Labels ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งเครื่องจักรได้ช่วงต้นไตรมาส 2/51 และประเมินเบื้องต้นว่าหากภาวะเศรษฐกิจของประเทศปรับตัวอยู่ในทิศทางที่ดีธุรกิจดังกล่าวจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่าปีละ 50 ล้านบาท ( Radio Frequency Identification : RFID คือ ระบบเทคโนโลยีไร้สายที่ใช้คลื่นความถี่วิทยุในการรับรู้ลักษณะเฉพาะของวัตถุแต่ละชิ้น ซึ่งกำลังมีแนวโน้มการขยายตัวมากในตลาดโลก ปัจจุบันเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว อาทิ ห้างวอลล์มาร์ทของ สหรัฐอเมริกา)
ส่วนความคืบหน้าของแผนการลงทุนในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ระยะเวลาต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยประกอบกัน ซึ่งก็คาดหวังที่ที่จบให้เร็วที่สุด และสาเหตุที่สนใจลงทุนในเวียดนาม เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการขยายตัวรวดเร็วและยังมีโอกาสที่จะโตขึ้นได้อีกเยอะ
เขากล่าวต่อในช่วงท้ายถึงประเด็นเกี่ยวกับเงินบาทที่แข็งค่า ไม่มีผลกระทบกับ SIMAT เนื่องจากบริษัทฯไม่ได้ส่งออก แต่ในด้านการนำเข้าจะได้ประโยชน์ทำให้ต้นทุนลดลง อย่างไรก็ตามไม่สามารถบอกว่าได้ประโยชน์โดยตรงก็ไม่ได้ เพราะคู่แข่งรายอื่นก็นำเข้าในราคาถูกเช่นเดียวกัน ซึ่งผลดีจริงๆ จะเป็นเรื่องต้นทุนที่ถูกลงจะไปกระตุ้นให้ตลาดเกิดการบริโภคมากขึ้นจากที่ก่อนหน้านี้สินค้าเทคโนโลยีต่างๆ มักจะมีราคาแพงตอนนี้แนวโน้มของค่าแรงมีแต่จะสูงขึ้น แต่ต้นทุนด้านเทคโนโลยีกลับถูกลงก็จะส่งผลให้ภาคธุรกิจต่างๆอยากจะลงทุนระบบเทคโนโลยีมากขึ้นซึ่งช่วยควบคุมต้นทุนในอนาคตได้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ปภาดา สุวรรณกูฎ (ตุ้ย) โทร.02-554-9394 , 085-133-0184

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ