SECC ปรับแผนเพิ่มทุนใหม่ขาย PP 100 ล้านหุ้น ชี้ช่วยลดผลกระทบราคาหุ้นบนกระดาน-กำไรต่อหุ้น

ข่าวยานยนต์ Thursday April 3, 2008 15:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ออนไลน์ แอสเซ็ท
บอร์ด SECC ลงมติปรับแผนการเพิ่มทุนใหม่ เป็นขายหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 100 ล้านหุ้นที่ราคาไม่ต่ำกว่า 5.06 บาท/หุ้น แทนการขายเพิ่มทุน RO จำนวน 409.77 ล้านหุ้นในสัดส่วน 1:1 ที่ราคา 2 บาท/หุ้น ตามมติเดิม เหตุมีนักลงทุนแสดงความสนใจจะเข้าลงทุนในธุรกิจ ระบุการปรับรูปแบบใหม่ได้ประโยชน์มากว่า เพราะสัดส่วนหุ้นที่เพิ่มทุนมีจำนวนน้อยลง และได้ราคาดีขึ้น ช่วยลดผลกระทบต่อราคาหุ้นบนกระดาน-กำไรต่อหุ้นและสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิม เชื่อถ้าทุกอย่างลงตัว การเพิ่มทุนจะเสร็จสิ้นลงภายในไตรมาสที่ 3 / 51
นายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ SECC แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 3/2551 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2551 ว่า ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้ปรับแผนการเพิ่มทุนใหม่ โดยให้ยกเลิกมติต่างๆ ในการประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2551 ที่เกี่ยวข้องกับการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดของบริษัท โดยคณะกรรมการได้มีมติใหม่ให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 520,000,000 บาท เป็น 1,029,776,550 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 509,776,550 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม509,776,550 บาท
โดยเตรียมจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน จำนวน 100,000,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (PP) ในคราวเดียวหรือหลายคราว ในราคาไม่ต่ำกว่า 5.06 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นระหว่างวันที่ 24 มีนาคม - 1 เมษายน 2551 โดยจะดำเนินการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนและอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน
พร้อมกันนี้คณะกรรมการได้มีมติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 409,776,550 หุ้น เพื่อเตรียมเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท (RO) ตามสัดส่วนการถือหุ้น 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 2 บาท โดยหุ้นเพิ่มทุนจำนวนนี้บริษัทจะดำเนินการจัดสรรเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น เฉพาะกรณีที่บริษัทไม่สามารถเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงได้ครบตามจำนวน ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เพิ่ม ทุนจดทะเบียนและอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ดังนั้น หากบริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงได้ ครบตามจํานวน ภายในระยะเวลา 3 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนและ อนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัทจะเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ทำการยกเลิกการจัดสรรหุ้น สามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งจำนวน 409,776,550 หุ้นโดยการ ลดทุนจดทะเบียน
นายสมพงษ์กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทฯ ได้ตัดสินใจปรับแผนเพิ่มทุนเป็นขายให้นักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้รับการติดต่อจากผู้ลงทุนที่มีความสนใจเข้าลงทุนในบริษัท ซึ่งบริษัทได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการเข้าลงทุนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท และเห็นว่าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ SECC ได้รับประโยชน์ คือหากสามารถจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจงได้ครบตามเป้าหมาย บริษัทจะได้รับเงินที่มากขึ้นขณะที่เสนอขาย หุ้นเพิ่มทุนในจำนวนที่น้อยลง อีกทั้งผลกระทบต่อราคาตลาดของหุ้น(Price Dilution) รวมทั้งผลกระทบต่อส่วนแบ่งกำไรและสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิม (Control Dilution) จะน้อยลง ดังนั้น คณะกรรมการบริษัท จึงมีมติว่าควรเพิ่มทางเลือกในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน
"คณะกรรมการได้ตัดสินใจปรับแผนเพิ่มทุนใหม่เพราะนอกจากจะมีนักลงทุนสนใจจะเข้ามาลงทุนในหุ้นของ SECC แล้ว การกำหนดราคาเสนอขายที่หุ้นละ 5.06 บาท นับเป็นผลดีกับบริษัทมากกว่า เพราะเพิ่มทุนเพียง 100 ล้านหุ้น แต่ผลกระทบที่เกิดกับราคาหุ้นบนกระดาน และส่วนแบ่งกำไร รวมทั้งสิทธิในการออกเสียงของผู้ถือหุ้นเดิมก็น้อยกว่าการเพิ่มทุนด้วยวิธีการเดิม ในขณะที่เม็ดเงินที่ได้รับก็อาจจะสูงกว่าหากสามารถกำหนดราคาขายได้ในราคาที่สูงกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนดไว้ และหากทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่วางไว้ คาดว่ากระบวนเพิ่มทุนล็อตนี้จะเสร็จสิ้นลงภายในไตรมาสที่ 3/51
นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า แม้จะมีการปรับแผนเพิ่มทุนให้ต่างไปจากเดิม แต่เป้าหมายของการระดมทุน ยังเป็นเป้าหมายเดิม คือ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ชะลอการลงทุนลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะแผนการลงทุนของภาครัฐในโครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งและลอจิสติกส์ ขนาดใหญ่ที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น และถือเป็นโครงการที่อยู่ในขอบข่ายที่บริษัทสามารถลงทุนได้ หากเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและมีแนวโน้มสร้างรายได้ที่ชัดเจนในอนาคต ดังนั้น จึงได้เตรียมความพร้อมของเม็ดเงินที่จะใช้ในการลงทุนไว้เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว
นอกจากนั้น การระดมทุนครั้งนี้ ยังถือเป็นการรองรับกับโครงการขยายธุรกิจเดิมของบริษัทที่มีอยู่แล้ว โดยขณะนี้บริษัทมีโครงการจะก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ เพื่อเป็นโชว์รูมที่สามารถจอดรถเพื่อจำหน่ายได้กว่า 200 คัน และศูนย์บริการที่มีช่องซ่อมเป็นจำนวนถึง 100 ช่อง บนพื้นที่ 15 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งจะถือเป็นโชว์รูมที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากพบว่ารายได้จากการให้บริการหลังการขายของบริษัท ได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และแนวโน้มธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งโชว์รูมดังกล่าวคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ และสามารถรับรู้รายได้ทันทีในปีเดียวกัน ซึ่งถือว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของ SECC ที่จะทำให้ธุรกิจเริ่มครบวงจร และเติบโตได้รวดเร็วขึ้นตามนโยบายที่วางไว้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ลฎาภา โรจน์ทนง 02-5549395 / 089-2057400

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ