เนสท์เล่เผยผลวิจัย ประสบการณ์การบริโภคในวัยเด็ก มีผลต่อการยอมรับอาหารใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ได้ดีขึ้น พ่อแม่สร้างนิสัยให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ได้ ตั้งแต่วัย 6-12 เดือน ได้ผลกว่าร้อยละ 70

ข่าวทั่วไป Friday April 4, 2008 16:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--พีอาร์ แอนด์ แอสโซซิเอส
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังปวดหัวกับลูกรัก ที่ไม่ยอมกินผักหรืออาหารที่มีประโยชน์ ลองอ่านผลวิจัยนี้…
ผลวิจัยของศูนย์วิจัยเนสท์เล่พบว่า สำหรับเด็กทารกวัย 6-12 เดือน เมื่อพ่อแม่พยายามป้อนอาหารที่ลูกไม่ชอบในครั้งแรก ซ้ำถึง 6-8 ครั้ง จะทำให้เด็กทารกกว่าร้อยละ 70 ยอมทานอาหารชนิดนั้น และบางรายกลับชอบอาหารนั้นอีกด้วย
นักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยและพัฒนาของเนสท์เล่ เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ ได้ทำการวิจัยเพื่อค้นหาวิธีที่จะทำให้เด็กทารกยอมรับอาหารที่มีคุณค่าชนิดใหม่ๆ ได้ งานวิจัยชิ้นนี้ให้ความรู้ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างนิสัยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้กับเด็กในระยะยาว
ดร.แอนเดรีย มายเออร์ หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ แห่งศูนย์วิจัยและพัฒนาของเนสท์เล่ เมืองโลซานน์ สวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่าการวิจัยครั้งนี้ ได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก เป็นการนำเด็กทารกอายุตั้งแต่ 6 — 12 เดือน ให้รับประทานผักติดต่อกันเป็นเวลา 9 วัน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่หนึ่งให้รับประทานผักชนิดเดียว (ไม่เปลี่ยนเลย) ติดต่อกัน 9 วัน กลุ่มที่สอง รับประทานผักสามชนิดโดยเปลี่ยนชนิดทุกสามวัน (เปลี่ยนเล็กน้อย) และกลุ่มที่สาม รับประทานผักสามชนิด โดยให้วันละชนิดสลับกันไป (เปลี่ยนบ่อยมาก) แล้วเก็บสถิติปริมาณที่รับประทานเพื่อดูปฏิกิริยา รวมทั้งความชอบของ เด็กทารกโดยแม่เป็นคนให้ความเห็นร่วมกับผู้สังเกตการณ์ภายนอก
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การที่เด็กทารกได้รับประทานผักเปลี่ยนไปทุกวันมีผลทำให้เด็กจะยอมรับผักชนิดใหม่ๆ อย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้การที่เด็กได้เปลี่ยนผักบ่อยๆ (เปลี่ยนบ่อยมาก) ยอมรับผักได้ดีกว่าเด็กที่เปลี่ยนผักรับประทานน้อยกว่า (เปลี่ยนเล็กน้อย)
หลังจากการทดลองส่วนแรกที่ให้เด็กทารกรับประทานผักหลายชนิดไปแล้ว ก็ได้ทดลองในส่วนที่ 2 ต่อด้วยการนำเด็กทารกอายุ 7 เดือน มารับประทานผักที่ไม่ชอบในครั้งแรกซ้ำอีก โดยก่อนการทดลอง คุณแม่ของเด็กทารกบอกว่าเมื่อลูกไม่ยอมทานอาหารชนิดนั้นสัก 2-3 ครั้ง ก็จะหยุดให้ แต่นักวิจัยของเนสท์เล่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า หลังจากป้อนอาหารที่ได้รับการปฏิเสธอีกเรื่อยๆ จนถึง 6-8 ครั้ง จากที่เด็กเคยปฏิเสธไม่ยอมทาน กลับพิสูจน์พบว่า เด็กทารกกว่าร้อยละ 70 จะยอมทานอาหารนั้น และนอกจากจะยอมทานแล้ว ยังชอบอีกด้วย ถึงแม้ว่าการทดลองจะผ่านไป 9 เดือน คุณแม่ร้อยละ 63 รายงานว่าลูกยังรับประทานอาหารที่เคยไม่ชอบนั้นได้อย่างสม่ำเสมอ
ผลการวิจัยนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าประสบการณ์ที่เกี่ยวกับอาหารในช่วงแรกๆ ของชีวิตเด็กทารกมีผลต่อการเลือกกินอาหารของเด็ก ฉะนั้น พ่อแม่ควรขยันและพยายามส่งเสริมให้ลูกได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ชนิดใหม่ๆ เพราะยิ่งให้รับประทานบ่อยเท่าไหร่ก็มีผลต่อการยอมรับของเด็กมากขึ้นเท่านั้น พ่อแม่ควรให้ลูกทดลองกินอาหารใหม่ไม่ต่ำกว่า 6-8 ครั้ง เพื่อให้เด็กยอมทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพนั้นจนได้
ทารกและเด็กอาจจะไม่ชอบผักชนิดใดชนิดหนึ่งในตอนแรก แต่พ่อแม่ไม่ควรท้อถอยแต่ควรพยายามต่อไป การที่พ่อแม่พยายามส่งเสริมให้ลูกทานอาหารที่มีประโยชน์ เด็กก็จะเรียนรู้ที่จะทานให้เป็นและชอบที่จะทาน” ดร.แอนเดรีย มายเออร์ หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์เนสท์เล่ กล่าว
ผลการวิจัยของเนสท์เล่ เป็นข้อมูลด้านโภชนาการที่ใช้หลักพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน เพื่อช่วยให้พ่อแม่สามารถเริ่มฝึกให้ลูกๆ ให้มีนิสัยการรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อคุณภาพ ที่ดีในอนาคต
รวบรวมข้อมูลและเผยแพร่ : ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
และศูนย์ผู้บริโภคเนสท์เล่ ประเทศไทย
โทร. 0-2657 8657 e-mail: goodfood.nestle@th.nestle.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ