อาเซียนแข็งแกร่ง ดันความเชื่อมั่นภาคธุรกิจสูง รายงานพิเศษเจาะอุตสาหกรรมเผยร้อยละ 93 ของนักธุรกิจผู้ตอบแบบสอบถามมองเห็นการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 28, 2022 09:54 —ThaiPR.net

อาเซียนแข็งแกร่ง ดันความเชื่อมั่นภาคธุรกิจสูง รายงานพิเศษเจาะอุตสาหกรรมเผยร้อยละ 93 ของนักธุรกิจผู้ตอบแบบสอบถามมองเห็นการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน

อาเซียนแข็งแกร่ง ดันความเชื่อมั่นภาคธุรกิจสูง รายงานพิเศษเจาะอุตสาหกรรมเผยร้อยละ 93 ของนักธุรกิจผู้ตอบแบบสอบถามมองเห็นการเติบโตในภูมิภาคอาเซียน และร้อยละ 81 บอกว่าจะเพิ่มการลงทุนในภูมิภาคนี้

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดเผยรายงาน "Winning in ASEAN" จับกระแสภาคธุรกิจ โอกาส และกลยุทธ์ที่บริษัทต่างๆ สามารถใช้เป็นข้อมูลและขับเคลื่อนการเติบโตในภูมิภาคนี้ ผลการสำรวจตอกย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเร่งการฟื้นตัวและความสามารถในการเติบโตในภูมิภาคอาเซียนและอื่นๆ

ทุกคนมองเห็นโอกาสการเติบโตของอาเซียน

ในปี 2564 ภูมิภาคอาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีจำนวนเงินไหลเข้า 174 แสนล้านเหรียญสหรัฐซึ่งกลับไปสู่ระดับเดียวกับก่อนการระบาดของโควิด-19 ประมาณร้อยละ 50 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสู่อาเซียนมาจากสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป 27 ประเทศ และจีน การลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกันมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 12 ของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศทั้งหมดในปี 2564

เป็นที่คาดกันว่าข้อตกลงทางการค้า อาทิเช่น ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP) จะช่วยเร่งการเติบโต โดยผลจากความตกลง RCEP นี้ ร้อยละ 81 ของนักธุรกิจที่ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า พวกเขามีแผนจะเพิ่มการลงทุนในอาเซียนในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยรวม ร้อยละ 93 คาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้จากธุรกิจในอาเซียน

ตัวอย่างบางส่วนจากรายงาน นักธุรกิจที่ตอบแบบสอบถามหลายท่านมองเห็นโอกาสการเติบโตโดยรวมของประเทศไทย โดยร้อยละ 58 มีการดำเนินงานหรือวางแผนจะดำเนินในประเทศไทยในช่วง 3 ปีนี้

เบนจามิน ฮุง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เอเชีย กล่าวว่า

"อาเซียนเป็นแหล่งเติบโต โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 4 มาอยู่ที่ 4.5 ล้านล้านเหรียญภายในปี 2573 ในขณะที่โลกมีความซับซ้อนขึ้น เราเห็นแนวโน้มเชิงโครงสร้างที่แสดงให้เห็นถึงโอกาสที่มีนัยสำคัญในอาเซียน ซึ่งความเชื่อมโยงระหว่างกันกำลังเติบโตขึ้นในด้านการค้าและการเคลื่อนไหวของทุน ด้านการประยุกต์ใช้ระบบดิจิทัลอย่างเข้มแข็ง และด้านการเร่งปรับปรุงด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเฉียบคมในการคว้าโอกาสที่มีในอาเซียน ในฐานะที่เป็นธนาคารระหว่างประเทศชั้นนำในภูมิภาค ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดมีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนลูกค้าให้สามารถคว้าโอกาสเหล่านี้ไว้ให้ได้"

พลากร หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า

"ประเทศไทยมีความสามารถในการฝ่าความท้าทายต่างๆ และยังคงเป็นแหล่งการลงทุนเป้าหมายที่นักธุรกิจให้ความสำคัญในระดับต้นๆ ในรายงานฉบับนี้ นักธุรกิจผู้ตอบแบบสอบถามให้น้ำหนักประเทศไทยดีในทั้ง 4 อุตสาหกรรมหลักที่ทำการสำรวจ โดยร้อยละ 36 บอกว่ามีการดำเนินงานในประเทศไทยอยู่แล้ว และอีกร้อยละ 22 บอกว่ามีแผนจะเริ่มการดำเนินงานในประเทศไทยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นหนึ่งในประตูสู่ภูมิภาคอาเซียน"

งานเชิงกลยุทธ์ 6 ด้านที่จะเติบโตในอาเซียน

| ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาศึกษาที่หน้า 21 ในรายงาน

นักธุรกิจตระหนักดีถึงความจำเป็นในการจัดลำดับการลงทุน คว้าโอกาสอย่างรวดเร็วและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รายงานฉบับนี้ฉายภาพการเติบโต โดยเน้นที่ 6 เรื่องซึ่งบริษัททั้งหลายต่างให้ความสำคัญเพื่อความก้าวหน้าในอาเซียน:

TTALENT การคัดเลือกบุคลากรสร้างบุคลากรแห่งอนาคต
   
HHI-TECH เทคโนโลยีระดับสูงเร่งการปฏิรูปด้านดิจิทัล
   
RREGULATORY การกำกับดูแลเข้าใจประเด็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและการกำกับดูแล
   
IINFRASTRUCTURE โครงสร้างพื้นฐานใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อปิดช่องว่างเชิงโครงสร้างพื้นฐาน
   
VVALUE CHAIN ห่วงโซ่คุณค่าประสานความร่วมมือเพื่อเสริมศักยภาพตลอดระบบนิเวศ
   
EENVIRONMENT สิ่งแวดล้อมขยายการดำเนินงานที่มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์

การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดเชิงภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนถึงการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นในการสรรหาบุคลากร รายงานฉบับนี้มองไปข้างหน้าถึงการฟื้นตัว โดยผลสำรวจพบว่า 2 เรื่อง ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมให้ความสำคัญมากที่สุดในการพิจารณาการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้า มีรายละเอียดังนี้

2 เรื่องหลักที่นักธุรกิจให้ความสำคัญมากที่สุดในแต่ละอุตสาหกรรม
1.         อุตสาหกรรมก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานห่วงโซ่คุณค่า การคัดเลือกบุคลากร
  
2.         สินค้าอุปโภคบริโภคห่วงโซ่คุณค่า โครงสร้างพื้นฐาน
  
3.         เภสัชกรรมและการดูแลสุขภาพห่วงโซ่คุณค่า การเปลี่ยนแปลงด้านการกำกับดูแล
  
4.         ดิจิทัลและอี-คอมเมิร์ซการคัดเลือกบุคลากร เทคโนโลยีระดับสูง

นอกจากนี้ นักธุรกิจยังให้ความสำคัญกับพันธกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว โดยผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 52 บอกว่ามีแผนจะลงทุนในโครงการด้านความยั่งยืนภายใน 3 ปีข้างหน้า

การเพิ่มความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยเร่งการเติบโต

| ข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาศึกษาที่หน้า 87 ในรายงาน

การจะใช้ศักยภาพของอาเซียนได้อย่างเต็มที่ ต้องประกอบไปด้วยความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อผนึกกำลังและก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ

ผลการสำรวจพบว่ามี 3 ประเด็นหลักที่จำต้องมีการเสริมความร่วมมือให้แข็งแกร่งขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าเพื่อการพัฒนายิ่งขึ้นไป:

  • ร้อยละ 65 บอกว่าจะมีการสร้างความร่วมมือใหม่มากขึ้นเพื่อเสริมศักยภาพตลอดห่วงโซ่คุณค่า
  • ร้อยละ 60 เร่งให้มีการเพิ่มทักษะและดูแลพนักงานเพื่อเสริมฐานด้านบุคลากรในอนาคต
  • ร้อยละ 55 ต้องการให้ความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชนให้ความสำคัญกับการพัฒนาโซลูชั่นด้านโครงสร้างพื้นฐานอย่างแข็งขันมากขึ้นเพื่อขจัดอุปสรรคเชิงระบบ

ในการพิจารณาหาพันธมิตรด้านการธนาคาร นักธุรกิจพิจารณาความสามารถสำคัญดังต่อไปนี้

  • แพลทฟอร์มดิจิทัลสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนและธุรกรรมธนาคาร ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและสามารถเข้าถึงได้แบบเรียลไทม์
  • บริการการชำระดุลธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศแบบครบวงจรเพื่อตอบสนองการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนในทุกตลาดที่พวกเขามีการดำเนินงาน
  • ความสามารถในด้านการจัดการเงินสดที่แข็งแกร่ง เพื่อบริหารกระแสเงินสดและสภาพคล่องได้เป็นอย่างดี
  • เครือข่ายนานาชาติที่กว้างขวาง ซึ่งมีความเข้าใจตลาดท้องถิ่นเป็นอย่างดี

ไฮดี้ ทอริบิโอ หัวหน้าร่วมสายงานกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันระดับภูมิภาคเอเซีย และเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารสายงานกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้าสถาบันของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่า

"บริษัทในภูมิภาคและบริษัทต่างชาติกำลังปรับโครงสร้างธุรกิจเพิ่มขึ้น และผสานความยั่งยืนเพื่อวางฐานอนาคตของการดำเนินงานของตน ที่ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เรามุ่งมั่นทำงานร่วมกับลูกค้าของเราในการทบทวนกลยุทธ์การลงทุนของพวกเขา และช่วยให้ลูกค้าบรรลุตามเป้าหมายการเติบโต ในฐานะที่เราเป็นธนาคารต่างชาติแห่งเดียวที่มีการดำเนินงานในทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียน เครือข่ายที่หลากหลาย องค์ความรู้เชิงลึกในตลาดท้องถิ่น และศักยภาพครบวงจรทำให้เราโดดเด่นเป็นธนาคารคู่ค้าที่ธุรกิจต้องการ"

เกี่ยวกับรายงาน Winning in ASEAN report

รายงานฉบับนี้จัดทำโดยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด โดยมีบริษัท PwC ประเทศสิงคโปร์ เป็นผู้รวบรวมข้อมูล ซึ่งสะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ส่งผลต่อธุรกิจ รวมทั้งกลยุทธ์ในการประสบความสำเร็จที่สำคัญที่บริษัทต่างๆ ใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโตในภูมิภาค รายงานนี้เป็นการสำรวจนักธุรกิจอาวุโส 500 รายทั่วโลกใน 4 อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงที่สุด 1) การก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน 2) สินค้าอุปโภคบริโภค 3) เภสัชกรรมและการดูแลสุขภาพ และ 4) ดิจิทัลและอี-คอมเมิร์ซ - โดยใช้การคำนวนแบบอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี เทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมโดยรวมในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

เกี่ยวกับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์

เราเป็นกลุ่มธนาคารสากลชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจใน 59 ตลาดที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว และให้บริการลูกค้าในอีก 83 ตลาด เราเป็นธนาคารต่างชาติแห่งเดียวที่มีการดำเนินงานครบทั้ง 10 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการค้า การลงทุนและการสร้างความมั่งคั่ง หลักการที่สืบทอดมาและค่านิยมองค์กรของเราสะท้อนอยู่ในพันธกิจของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดที่ว่า Here for good

ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดจำกัด มหาชน ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในลอนดอนและฮ่องกง

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการอ่านบทความจากผู้เชี่ยวชาญ โปรดเยี่ยมชม Insights ได้ที่เว็บไซต์ www.sc.com และติดตามสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดได้ทาง Twitter, LinkedIn และ Facebook


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ