fintips by ttb เปิดสูตร จบ ครบ เรื่องการลดหย่อนภาษี ปี 2565

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday December 20, 2022 16:14 —ThaiPR.net

fintips by ttb เปิดสูตร จบ ครบ เรื่องการลดหย่อนภาษี ปี 2565

ทราบหรือไม่ มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ ต้องทำเรื่องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และหากไม่วางแผนภาษีตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็อาจจะทำให้ต้องเสียภาษีตามฐานภาษี 5% - 35% เลยก็ได้ แต่ถ้ามีสูตรการวางแผนภาษีที่ดีอย่างการคำนวณว่าในปีนี้เราต้องเสียภาษีเท่าไหร่ แล้วหาตัวช่วยลดหย่อนภาษีเตรียมไว้ อาจจะทำให้ประหยัดภาษีได้หลักหมื่น หรือหลักแสนเลยทีเดียว

วันนี้ fintips by ttb ขอนำเสนอ รายการลดหย่อนภาษี ปี 2565 มีอะไรบ้าง สามารถอ่านครบ จบ ในที่เดียวได้เลย  เริ่มจากพื้นฐานความรู้เรื่องการเสียภาษี ว่ารายได้เท่าไหร่จึงต้องเสียภาษี คำตอบคือ มนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้ทั้งปีตั้งแต่ 316,300 บาทขึ้นไป หรือประมาณ 26,359 บาทต่อเดือน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นการ การันตีว่าการมีรายได้เท่านี้ต้องเสียภาษีเสมอไป เพราะในชีวิตจริงเราสามารถใช้ตัวช่วยลดหย่อนภาษีอื่น ๆ เพื่อให้เราเสียภาษีน้อยลง หรือไม่เสียภาษีเลยได้ การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น สามารถยื่นแบบเอกสาร ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่ง ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566 หรือจะยื่นแบบออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ก็ได้เช่นกัน ซึ่งหากยื่นแบบออนไลน์จะสามารถยื่นได้จนถึงวันที่ 8 เมษายน 2566

ในกรณีที่ยื่นภาษีไม่ทันตามเวลาที่กรมสรรพากรกำหนด สามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้โดยต้องยื่นแบบกระดาษด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขา และต้องเตรียมเอกสารประกอบการยื่นแบบภาษี ได้แก่  แบบฟอร์ม ภ.ง.ด.91 หรือ ภ.ง.ด.90, หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)  และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษี

โดยการยื่นภาษีย้อนหลัง ต้องชำระค่าปรับตามกำหนดตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร ไม่เกิน 2,000 บาท แต่สามารถขอลดค่าปรับได้  หากมีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระเงินภาษีพร้อมเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ  และหากไม่มีเงินภาษีต้องชำระ ให้ชำระเพียงค่าปรับตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากรอย่างเดียว

มาถึงตรงนี้หลาย ๆ คน อาจจะเห็นถึงความสำคัญ และสนใจเรื่องการลดหย่อนภาษีกันแล้ว ดังนั้น มาดูกันว่ารายการลดหย่อนภาษีในปี 2565 นั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

กลุ่มลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว

  • ลดหย่อนส่วนตัว 60,000 บาท
  • คู่สมรส (จดทะเบียนสมรส-ไม่มีรายได้) 60,000 บาท
  • บุตร หักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท หากเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย สามารถหักลดหย่อนได้ไม่จำกัดจำนวน แต่ถ้าเป็นบุตรบุญธรรม สามารถหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 คน ในกรณีบุตรคนที่ 2 ขึ้นไปที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท โดยต้องเข้าเงื่อนไข เป็นผู้เยาว์ มีอายุไม่เกิน 25 ปี และกำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย หรืออุดมศึกษา
  • ค่าฝากครรภ์ และคลอดบุตร ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท
  • ค่าดูแลพ่อและแม่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยพ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท จึงจะหักค่าลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท และสามารถลดหย่อนสำหรับพ่อแม่ของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000 บาท
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ หรือคนทุพพลภาพ ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท โดยผู้พิการต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท และมีบัตรประจำตัวคนพิการ
  • กลุ่มประกัน และการลงทุน

  • ประกันสังคมสูงสุด 9,000 บาท แต่เนื่องจากในปี 2565 รัฐบาลมีการลดอัตราเงินสมทบประกันสังคม มาตรา 33 ลง 2 ครั้ง ในรอบเดือน พ.ค. - ก.ค. และ ต.ค. - ธ.ค. ทำให้ค่าลดหย่อนประกันสังคมเหลือเพียง 6,300 บาท
  • ค่าเบี้ยประกันสุขภาพพ่อแม่ตัวเอง และของคู่สมรส ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
  • ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป) ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าเบี้ยประกันสุขภาพตัวเอง ลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้ว (ข้อ 3 + ข้อ 4) ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และอาจจะลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท ถ้ายังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    • ระยะเวลาเอาประกัน 10 ปีขึ้นไป
    • จ่ายผลตอบแทนให้ผู้เอาประกันตั้งแต่อายุ 55 ปี ต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 85 ปี หรือมากกว่านั้น
  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) / กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • RMF คือ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    • ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี หรืออย่างน้อยปีเว้นปี
    • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อครั้งแรก โดยนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุน คือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
    • ขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • SSF คือ กองทุนรวมเพื่อการออม ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    • ต้องถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ
    • ไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ และไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุด 13,200 บาท ทั้งนี้ กองทุน RMF, กองทุน SSF, กบข.,กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กองทุนการออมแห่งชาติ และประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันทั้งหมด ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • กลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • ดอกเบี้ยบ้าน ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    • เป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้เพื่อซื้อบ้าน คอนโดมิเนียม หรือที่อยู่อาศัย โดยเราต้องอาศัยในบ้านหลังนี้ด้วย
    • ต้องเป็นการกู้เพื่อซื้อ หรือสร้างที่อยู่บนที่ดินของตัวเอง หรือกู้เพื่อซื้อคอนโดมิเนียม
    • ต้องเป็นการกู้ยืมจากสถาบันการเงินภายในประเทศ
    • หากมีการกู้สำหรับที่อยู่อาศัยมากกว่า 1 แห่ง สามารถรวมกันได้ แต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
    • กรณีกู้ร่วมกันหลายคน ให้แบ่งดอกเบี้ยคนละเท่า ๆ กัน
  • เงินลงทุนวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  • ช้อปดีมีคืน 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
    • ซื้อสินค้า และบริการทั่วไปที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หนังสือ (รวมถึง e-book) และสินค้า OTOP ลงทะเบียนกับกรมพัฒนาชุมชนแล้ว
    • ใช้สำหรับการซื้อสินค้าในช่วงวันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 65
    • ต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปเท่านั้น

    กลุ่มเงินบริจาค

  • บริจาคพรรคการเมือง 10,000 บาท
  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา สนับสนุนกีฬา พัฒนาสังคมต่าง ๆ มูลนิธิด้านสาธารณสุข และโรงพยาบาลรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคอื่น ๆ มูลนิธิ และองค์กรสาธารณกุศล ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย และค่าลดหย่อน
  • การยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากมีการวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นปี  และหาตัวช่วยเพื่อลดหย่อนภาษีตามสิทธิ เช่น รายการด้านบน จะทำให้สามารถเสียภาษีน้อยลง หรือไม่เสียภาษีเลยได้

    สุดท้าย !!! สำหรับผู้ที่ซื้อกองทุน SSF/RMF ในปี 2565 ซื้อกองทุนแล้ว  อย่าลืม!!! แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ บลจ. ที่ซื้อหน่วยลงทุนทราบ หากไม่แจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อน ผู้ลงทุนจะเสียสิทธิในการลดหย่อนภาษี สามารถแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิลดหย่อนผ่านธนาคารที่ซื้อหน่วยลงทุน โดยลงทะเบียนภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565 สำหรับลูกค้า ทีทีบีดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.ttbbank.com/th/page/detail/mf-tax-amc

    เพิ่มเติมข้อมูลความรู้ และเคล็ดลับทางการเงินดี ๆ เพื่อสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น ทั้งวันนี้และอนาคต ได้ที่ "fintips by ttb" เรื่องเงินที่รู้จริงแบบเพื่อนที่รู้ใจคลิก https://www.ttbbank.com/th/fin-tips-hm17 หรืออ่านบทความเต็มได้ https://www.ttbbank.com/th/fin-tips-tax65


    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ