ไทยประกาศความสำเร็จความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน พร้อมเดินหน้าใช้ใบรับรองสุขอนามัยพืช อิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto) เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งออกเต็มรูปแบบ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday March 31, 2023 09:00 —ThaiPR.net

ไทยประกาศความสำเร็จความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน พร้อมเดินหน้าใช้ใบรับรองสุขอนามัยพืช อิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto) เพื่ออำนวยความสะดวกการส่งออกเต็มรูปแบบ

ประเทศไทยประกาศความสำเร็จความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน ส่งเสริมการใช้ใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Phytosanitary Certificate หรือ ePhyto) เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการส่งออก นำเข้า และนำผ่าน สินค้าประเภทพืชและผลิตภัณฑ์พืช แก้ปัญหาความล่าช้าและซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน ลดเวลาที่ใช้ในการเดินทางมายื่นคำขอใบรับรองจากหน่วยงานรัฐด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ตั้งแต่ปลายทางถึงผู้ผลิต ลดปัญหาการปลอมแปลงเอกสาร ในอนาคตระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถให้บริการผ่านระบบออนไลน์ และแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าทางดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะปราศจากการใช้กระดาษ และการเดินทางมารับเอกสาร ทำให้ประหยัดทรัพยากรจากกระบวนการเดิมเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากงานเอกสาร

งานประกาศความสำเร็จครั้งนี้ จัดขึ้น ณ ห้องแกรนด์ฮอล 2 โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยมีผู้แทนจากสถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย พร้อมด้วยผู้บริหารจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงการคลัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องให้เกียรติเข้าร่วมงาน

ประเทศไทย เปิดตัวระบบ ePhyto อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2565 เป็นภารกิจสำคัญของกรมวิชาการเกษตร ร่วมกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และกรมศุลกากรเพื่อรับรองสินค้าประเภทพืชและผลิตภัณฑ์พืชสำหรับส่งออกไปยังต่างประเทศ ผู้ส่งออกของไทยสามารถยื่นคำขอใบรับรองสุขอนามัยพืชผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และนำใบรับรองที่ได้จากระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปสำแดงต่อประเทศผู้นำเข้าว่าสินค้าได้ปลอดโรคและแมลงศัตรูพืชตามเงื่อนไขของประเทศคู่ค้าปลายทาง

นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto กับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วคืออินโดนีเซีย และประสบความสำเร็จในการทดสอบแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ชิลี ฟิจิ ฝรั่งเศส และโมร็อคโค นอกจากนี้ มกอช. กำลังจัดเตรียมแนวทางเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางในการใช้งานจริงกับประเทศเหล่านี้ และได้เจรจาเพื่อขอแลกเปลี่ยนใบรับรอง ePhyto กับฟิลิปปินส์ เพิ่มเติม

"มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางของไทยในการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อเปิดตลาดและแก้ไขปัญหาการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตร จะเดินหน้าเจรจากับประเทศคู่ค้าทั่วโลก เพื่อทดสอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลและใช้งานระบบ ePhyto ตลอดจนทำการรวบรวมข้อมูลใบรับรอง ePhyto และสร้างระบบฐานข้อมูลที่สามารถแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ระบบ ePhyto เป็นนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานของภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งสุขอนามัยพืช สุขอนามัยสัตว์ และสุขอนามัยอาหารยังเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับประเทศไทย เราพร้อมเป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบการรับรองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ค้าและผู้ส่งออก ทำให้มาตรฐานสินค้าเกษตรไทยเป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก"

ดร. แบนด์ คริสเตียนเซน ที่ปรึกษาทูตฝ่ายอาหารและการเกษตร สถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Global Alliance for Trade Facilitation) ผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ได้ดำเนินโครงการ ePhyto ประเทศไทย ร่วมกับสามหน่วยงานภาครัฐของไทยประกอบด้วยกรมวิชาการเกษตร มกอช. และกรมศุลกากร รวมทั้ง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด มหาชน อย่างใกล้ชิดตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2564 เพื่อออกแบบและพัฒนาระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชจากรูปแบบกระดาษมาเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ผู้ส่งออกสินค้าประเภทพืชและผลิตภัณฑ์พืชสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับประเทศคู่ค้าผ่านช่องทาง National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของประเทศไทย โดยโครงการได้สนับสนุนประเทศไทยให้สามารถเชื่อมต่อกับ ePhyto Hub เพื่อแลกเปลี่ยน ePhyto กับประเทศคู่ค้าที่ได้มีการเชื่อมต่อกับ ePhyto Hub ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ (International Plant Protection Convention หรือ IPPC)

นางพจมาน วงษ์สง่า ผู้อำนวยการโครงการ ePhyto ประเทศไทย กล่าวว่า GIZ สนับสนุนการพัฒนาต่อยอดระบบไอทีเพื่อให้ระบบ ePhyto ของประเทศไทยสามารถเชื่อมต่อกับ ePhyto Hub และนำไปสู่การแลกเปลี่ยน ePhyto กับประเทศคู่ค้าของไทยในรูปแบบดิจิทัลได้

อีกทั้งยังเป็นการบูรณาการด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ และการพัฒนากระบวนการทำงานภาครัฐให้ทันสมัย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการและการเปลี่ยนแปลงของเวทีการค้านานาชาติ

"ระบบอิเล็กทรอนิกส์เข้ามามีบทบาทสำคัญกับเราในชีวิตประจำวัน รวมทั้งระบบการค้าการส่งออกระหว่างประเทศ เรามีความภูมิใจที่ได้มีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพภาครัฐและเอกชนไทย ออกแบบและพัฒนาระบบสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto ทำให้การค้าและการส่งออกระหว่างประเทศทำได้รวดเร็วขึ้นและปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานการค้าสากล" นางพจมาน กล่าว

นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในฐานะหน่วยงานหลักนำร่องการใช้ระบบ ePhyto กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรออกใบรับรองสุขอนามัยพืชรวมทั้งหมด 409,279 ฉบับ ในปี 2564 ให้กับผู้ส่งออกพืชผักผลไม้ไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก คิดเป็นมูลค่าส่งออกมากถึง 784,259 ล้านบาท "การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ส่งออกสินค้าประเภทพืชและผลิตภัณฑ์จากพืชได้รับความสะดวกเพราะสามารยื่นเอกสารขอการรับรองออนไลน์ได้ ช่วยลดทั้งค่าใช้จ่าย ขั้นตอนการดำเนินการทางเอกสารและปัญหาการปลอมแปลงเอกสารที่อาจเกิดขึ้น ระบบ ePhyto ให้การตรวจสอบย้อนกลับตั้งแต่ประเทศคู่ค้าจนถึงผู้ผลิตทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการส่งออกของไทยให้มีมาตรฐานระดับสากล"

จากการศึกษาภายใต้โครงการ พบว่า การใช้ ePhyto เต็มรูปแบบ ที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศคู่ค้าผ่านทางดิจิทัลได้ จะสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการการเดินทาง และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ได้กว่า 120 ล้านบาทต่อปี หรือ 3.5 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ โดยใช้ข้อมูลจำนวนใบรับรองสุขอนามัยพืชโดยที่ออกโดยเฉลี่ย 364,434 ฉบับต่อปี ระหว่างปี 2563-2565

อธิบดีกรมวิชาการเกษตรกล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบ ePhyto สอดคล้องกับรูปแบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือที่เรียกว่ารูปแบบเศรษฐกิจบีซีจี (Bio-Circular-Green: BCG) กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตโดยส่งเสริมการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ ภาคการเกษตรและการผลิตอาหารคือหนึ่งในภาคส่วนสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรของไทยให้มีคุณภาพ สร้างความมั่นคงทางอาหาร นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

นายพิศาล พงศาพิชณ์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto กับประเทศในกลุ่มอาเซียนแล้วคืออินโดนีเซีย และประสบความสำเร็จในการทดสอบแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าอื่น ๆ อีก ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ชิลี ฟิจิ ฝรั่งเศส และโมร็อคโค นอกจากนี้ มกอช. กำลังจัดเตรียมแนวทางเจรจาเพื่อกำหนดแนวทางในการแลกเปลี่ยนใช้งานจริงกับประเทศเหล่านี้ และได้เจรจาเพื่อขอแลกเปลี่ยนใบรับรอง ePhyto กับฟิลิปปินส์ เพิ่มเติม

"มกอช. ในฐานะหน่วยงานกลางของไทยในการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อเปิดตลาดและแก้ไขปัญหาการนำเข้าส่งออกสินค้าเกษตร จะทำการรวบรวมข้อมูลใบรับรอง ePhyto และสร้างระบบฐานข้อมูลที่สามารถแลกเปลี่ยนกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ระบบ ePhyto เป็นนวัตกรรมที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานของภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าไว้ด้วยกันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานออกใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งสุขอนามัยพืช สุขอนามัยสัตว์ และสุขอนามัยอาหารยังเป็นโจทย์ท้าทายสำหรับประเทศไทย เราพร้อมเป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบการรับรองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ค้าและผู้ส่งออก ทำให้มาตรฐานสินค้าเกษตรไทยเป็นที่ยอมรับบนเวทีโลก"

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรในฐานะหน่วยงานหลักผู้ดูแลระบบ NSW สำหรับการแลกเปลี่ยนใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ มีการเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานระบบ NSW และระบบงานที่เกี่ยวข้องกับ ePhyto อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนและพิธีการทางศุลกากร ทำให้การส่งออกสินค้าจากประเทศต้นทางสู่ประเทศปลายทางเป็นไปอย่างสะดวกรวดเร็ว ePhyto ช่วยลดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย พร้อมสร้างศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันทางการค้าของประเทศ ปัจจุบันจีนแจ้งความประสงค์จะแลกเปลี่ยนใบรับรอง ePhyto กับไทย ผ่าน Single Window และอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดร่วมกับกรมศุลกากร

"กรมศุลกากรพร้อมสนับสนุนกรมวิชาการเกษตร มกอช. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพร้อมร่วมมือพัฒนาการระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชและสินค้าเกษตรอื่น ๆ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อขับเคลื่อนวัตกรรมและเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันทางการค้าสินค้าเกษตรไทยอย่างเป็นรูปธรรมไปด้วยกัน"

ดร.วิชัย ดีเจริญกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวในฐานะผู้ให้บริการ NSW หรือ NSW Operator ได้พัฒนาการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจด้านการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน และโลจิสติกส์ รวมถึงการเชื่อมต่อกับ ASEAN Single Window หรือ ASW เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน โดยได้มีการร่วมทดสอบและเตรียมความพร้อมของระบบในการรองรับการเชื่อมต่อเอกสารใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ePhyto certificate ในทุก protocol ทั้งภายในภูมิภาคเอเชีย และการเชื่อมต่อกับฝั่งอเมริกาเหนือ และยุโรป ผ่าน IPPC Hub (อนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ - International Plant Protection Convention หรือ IPPC) ด้วยศักยภาพของ NT ในด้านดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคม พร้อมที่นำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาอำนวยความความสะดวกทางการค้าและส่งออกของไทย

ดร.วิชัย กล่าวว่า "ด้วยศักยภาพของ NT สามารถรองรับการเชื่อมโยงในทุกรูปแบบไม่ว่าประเทศต่าง ๆ จะเชื่อมต่อมายัง NSW ด้วย Protocol ใด ๆ NT ก็สามารถรับส่งและแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ โดย NT มีความตั้งใจที่จะนำบริการด้านดิจิทัลและสื่อสารโทรคมนาคมที่มีอยู่ มาสนับสนุนพันธกิจของโครงการอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้ภารกิจในการส่งออกสินค้าสินค้าพืชและผลิตภัณฑ์พืช ออกสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกทางการค้าของประเทศให้ประสบผลสำเร็จ สร้างความยั่งยืนให้กับสินค้าเกษตรของประเทศไทยต่อไป"


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ