ป.ป.ช. เร่งรัดคดี ขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะ

ข่าวทั่วไป Tuesday June 6, 2023 10:05 —ThaiPR.net

ป.ป.ช. เร่งรัดคดี ขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะ

สำนักงาน ป.ป.ช. ติดตาม เร่งรัดคดี ขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะ เผย หากพบเจ้าหน้าที่รัฐ มีส่วนเกี่ยวข้อง เอื้อประโยชน์ให้เอกชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. เดินหน้าจริงจัง และเร่งรัดการทำงาน ย้ำ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะที่สาธารณะไม่ควรเป็นพื้นที่ให้ผู้ใดแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวพันกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในหลายคดี และหนึ่งในเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาจำนวนมาก คือ "การ ขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะโดยมิชอบ" ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนรายใดรายหนึ่งโดยมิชอบ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน หากล่าช้าจะทำให้เกิดการบุกรุกทำลายมากยิ่งขึ้น หลายกรณีมักจะมีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่สาธารณะตามกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เอกชนกระทำความผิด และบางครั้งพบว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมดำเนินการบุกรุกเสียเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดที่ละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง

สำหรับรูปแบบการกระทำผิดกรณีบุกรุกลำน้ำสาธารณะมีหลายรูปแบบ อาทิ การสมรู้กันเพื่อแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐโดยทุจริต มิได้มุ่งหมายแก้ไขปัญหาให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่เสนอของบประมาณ หรือพบว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการตรวจสอบและควบคุมการขุดลอกคลองสาธารณะให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนอำนวยความสะดวกหรือปล่อยปละละเลยให้เอกชนกระทำการขุดหรือถมดินลงในลำน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นการกระทำผิดที่ขัดต่อระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. 2547 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. 2553 เป็นต้น

หากเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรุกล้ำลำน้ำสาธารณะแล้วต้องรับโทษตามกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 บัญญัติว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท

มาตรา 152 บัญญัติว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท

มาตรา 157 บัญญัติว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวตอนท้ายว่า แม้ว่ากฎหมายจะมีบทลงโทษในอัตราที่สูง แต่ปัจจุบันยังมีเรื่องร้องเรียนกรณีการขุด ลอก ถม รุกล้ำ ลำน้ำสาธารณะ เข้ามาที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่ามีคดีประเภทนี้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีนโยบายสั่งการให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งยังฝากเน้นย้ำไปยังประชาชนในพื้นที่ หากพบการขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะโดยมิชอบ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยภาครัฐ หรือการดำเนินการโดยเอกชน ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ