เช็กอาการ! รู้ได้อย่างไร ว่าตอนไหนควรไปหาหมอกระดูก

ข่าวทั่วไป Friday January 26, 2024 15:50 —ThaiPR.net

เช็กอาการ! รู้ได้อย่างไร ว่าตอนไหนควรไปหาหมอกระดูก

กระดูกและข้อเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย มีหน้าที่รองรับน้ำหนัก การเคลื่อนไหว และช่วยป้องกันอวัยวะภายในต่างๆ โดยเมื่อมีภาวะผิดปกติเกิดขึ้นกับกระดูกหรือข้อ การตรวจวินิจฉัยกับหมอกระดูกโดยตรงนับเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้รู้สาเหตุของโรคอย่างแม่นยำ หากมีอาการร้ายแรง ก็จะสามารถรักษาและป้องกันได้อย่างทันท่วงทีด้วยแล้วอาการใดบ้าง ที่บ่งบอกว่าถึงเวลาที่ต้องนัดคิวพบหมอกระดูกอย่างเร่งด่วน!? วันนี้เราขอรวบรวมลิสต์อาการเบื้องต้นที่ตรวจเช็กได้ด้วยตนเอง จะมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมกันข้างล่างนี้เลย!

อาการเบื้องต้นที่ควรไปพบหมอกระดูก

โดยทั่วไป อาการบ่งชี้ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับกระดูกหรือข้อจะมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง โดยอาการเบื้องต้นที่แนะนำให้ไปตรวจเช็กกับแพทย์ ได้แก่

อาการปวด อาจเป็นปวดเฉียบพลันหรือปวดเรื้อรัง ปวดบริเวณใดบริเวณหนึ่งของร่างกาย หรือปวดร้าวลงแขน ขา ลำตัว

อาการอ่อนแรง แขนและขาอ่อนแรง เคลื่อนไหวลำบาก

อาการชา ชาตามแขน ขา ลำตัว

อาการบวม บริเวณข้อหรือกระดูก

อาการผิดรูป กระดูกหรือข้อผิดรูป

อาการอื่น ๆ ที่เกิดควบคู่กับอาการผิดปกติข้างต้น เช่น อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

อาการที่ควรไปพบหมอกระดูกโดยเร็ว

นอกจากอาการข้างต้นนี้ ยังมีความผิดปกติเกี่ยวกับข้อต่อและกระดูกบางอย่างที่เราแนะนำให้พบแพทย์อย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่รุนแรง เช่น

  • อาการปวดหลังร่วมกับมีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดตอนกลางคืนจนนอนไม่หลับ อ่อนแรงขา ปัสสาวะ อุจจาระลำบากมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณของโรคมะเร็งกระดูกสันหลังหรือการติดเชื้อ
  • อาการปวดศีรษะรุนแรง ปวดร้าวลงคอ อาเจียน คลื่นไส้ อาจเป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง
  • อาการปวดข้ออย่างรุนแรง บวมแดงร้อน อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในข้อ
  • อาการกระดูกหัก โดยเฉพาะกระดูกหักที่มีอาการปวดมาก บวมแดง ไม่สามารถขยับข้อได้

ขั้นตอนการไปพบหมอกระดูก

ทั้งนี้ เมื่อตรวจเช็กตามลิสต์ข้างต้นแล้วพบว่าตนเองมีอาการผิดปกติ แนะนำให้รีบไปพบหมอกระดูกเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที โดยการพบหมอกระดูกนั้นอาจมีขั้นตอนดังนี้

1. แจ้งประวัติทางการแพทย์และอาการผิดปกติให้หมอทราบ

2.   หมอจะตรวจร่างกายบริเวณที่มีอาการผิดปกติ

3.   หมออาจสั่งตรวจเพิ่มเติม เช่น เอ็กซเรย์ CT scan MRI หรือการตรวจเลือด

4. หมอจะวินิจฉัยสาเหตุของอาการและวางแผนการรักษา

การรักษาโรคกระดูกและข้อ

โดยทั่วไป การรักษาโรคกระดูกและข้อขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรคและความรุนแรงของอาการ โดยการรักษาอาจทำได้หลายวิธี เช่น

  • การรักษาด้วยยา เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
  • การรักษาด้วยกายภาพบำบัด
  • การผ่าตัด

การป้องกันโรคกระดูกและข้อ

นอกจากการรักษาแล้ว การป้องกันโรคกระดูกและข้อก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถทำได้โดย

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน
  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การยกของหนัก การนั่งหรือยืนนานๆ
  • ดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

ดังนั้น แนะนำให้ตรวจเช็กร่างกายของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติที่อาจเกี่ยวข้องกับกระดูกหรือข้อ ก็แนะนำให้รีบไปพบหมอกระดูกเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลามหรือรุนแรงขึ้นได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ