Cryptomind วิเคราะห์เจาะลึก Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 โอกาส? หรือกับดัก? นักลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 19, 2024 16:39 —ThaiPR.net

Cryptomind วิเคราะห์เจาะลึก Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 โอกาส? หรือกับดัก? นักลงทุน

Bitcoin Halving ปรากฎการณ์ทางธรรมชาติในโลกของ Bitcoin กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า จากการคำนวณคาดว่าจะเกิดขึ้นวันที่ 20 เมษายน 2567 เวลาประมาณตี 3 โดยวันและเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการปิด Block บน Bitcoin Blockchain

แน่นอนว่าสิ่งที่หลายคนสนใจคงไม่ใช่เรื่องในเชิง Technical แต่เป็นเรื่องของผลกระทบในเชิงราคาว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลต่อราคาของ Bitcoin ได้มากน้อยขนาดไหนและมีโอกาสจะเห็นตลาดกลับมาเป็นขาขึ้นเต็มตัวแบบ Cycle ก่อน ๆ ได้หรือไม่ซึ่งก่อนจะไปถึงบทวิเคราะห์ ทีม Cryptomind Research ขอให้รายละเอียดของ Bitcoin Halving ว่าBitcoin Halving คือเหตุการณ์ที่จำนวนรางวัลจากการขุด Bitcoin ใหม่จะลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปี เหตุการณ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมอุปทานของ Bitcoin ให้มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น

โดยใน Source Code ของ Bitcoin ถูกกำหนดให้รางวัลในส่วนของ Block Subsidy ที่ Miner จะได้รับในช่วงแรกไว้ที่ 50 BTC ต่อ Block และจะมีสิ่งที่เรียกว่า "Bitcoin Halving" หรือการลดจำนวน Block Subsidy ลง "ครึ่งหนึ่ง" ทุก ๆ 210,000 Block โดยแต่ละ Block จะใช้เวลายืนยันธุรกรรมโดยเฉลี่ยประมาณ 10 นาที ดังนั้นจึงเป็นที่มาว่าทำไม Bitcoin Halving จะเกิดขึ้นทุก ๆ ประมาณ 4 ปี ซึ่งหากนับตั้งแต่ที่ Bitcoin เกิดขึ้นมาได้เกิด Bitcoin Halving มาแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 : เกิดขึ้นเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2012 โดย Block Subsidy ลดลงจาก 50 BTC เป็น 25 BTCครั้งที่ 2 : เกิดขึ้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2016 โดย Block Subsidy ลดลงจาก 25 BTC เป็น 12.5 BTCครั้งที่ 3 : เกิดขึ้นเมื่อ 28 พฤษภาคม 2020 โดย Block Subsidy ลดลงจาก 12.5 BTC เป็น 6.25 BTCและครั้งที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นครั้งที่ 4 ที่ Block Subsidy จะลดลงจาก 6.25 BTC เป็น 3.125 BTC

โดยหากนำตัวเลขทั้งหมดข้างต้นมาคำนวณแล้วนำมาสร้างกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Block Subsidy (เส้นสีแดง) และ จำนวน Bitcoin ในระบบ (BTC Circulating Supply) เทียบกับเวลา จะเห็นได้ว่าในช่วงแรกปริมาณ Bitcoin ที่เพิ่มเข้ามาในระบบนั้นสูงมากแต่ก็จะค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ เมื่อเกิด Bitcoin Halving

และถ้าคำนวณไปเรื่อย ๆ ตาม Code จน Invalid ก็จะทำให้ Bitcoin ไม่สามารถถูกผลิตเพิ่มขึ้นมาได้อีก ซึ่งตัวเลขสุดท้ายที่ได้เมื่อ Code ถูกรันไปจนสุดแล้วก็คือประมาณ 21,000,000 จึงเป็นที่มาของที่ว่าทำไม Bitcoin ไม่สามารถมีปริมาณเกิน 21,000,000 BTC ได้นั่นเอง และที่สำคัญระยะเวลากว่า BTC จะถูกขุดครบก็คือปี 2140 หรืออีกประมาณ 116 ปีข้างหน้าโดยในขณะที่เขียนบทความนี้จำนวน Bitcoin ได้ถูกผลิตออกมาเป็นจำนวนกว่า 19,685,375 BTC หรือคิดเป็นประมาณ 93.7% เรียบร้อยแล้ว

และเมื่อเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ที่ Block Subsidy จะลดลงเหลือ 3.125 BTC จะทำให้สามารถคำนวณได้ว่าในระยะเวลาประมาณ 4 ปีก่อนเกิด Bitcoin Halving ครั้งถัดไปจะมี Bitcoin ถูกผลิตออกมาใหม่อีกประมาณ 657,000 BTC หรืออีกประมาณ 3.13% เท่านั้น (ปีละ 0.7825% ของ Max Supply)

การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin หลัง Bitcoin Halving แต่ละครั้ง

เหตุผลที่หลายคนรอคอยและจับตามอง Bitcoin Halving นั้นก็เพราะหากมองกลับไปดูการเคลื่อนไหวของราคา BTC หลังจากการเกิด Bitcoin Halving แล้วก็จะเห็นการเพิ่มขึ้นของราคาอย่างบ้าคลั่งซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจนักลงทุนได้อย่างดี

จากกราฟด้านบนแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมราคาภายหลัง Bitcoin Halving ทั้ง 3 ครั้ง ที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวมักจะตามมาด้วยการปรับตัวขึ้นของราคาอย่างรุนแรง โดยหากพิจารณาราคาจากวันที่เกิด Bitcoin Halving แต่ละครั้งเทียบกับราคา All time high ในแต่ละ Cycle จะเห็นว่ามีการปรับตัวด้านราคาดังนี้1st Bitcoin Halving : ราคาปรับตัวขึ้นประมาณ 9,600%2nd Bitcoin Halving : ราคาปรับตัวขึ้นประมาณ 2,856%3rd Bitcoin Halving : ราคาปรับตัวขึ้นประมาณ 687%

และถ้าหากนับจากจุดต่ำสุดของแต่ละรอบที่มักจะเกิดก่อน Bitcoin Halving นั้นก็จะได้ตัวเลขที่น่าตกใจมากกว่านี้หลายเท่า อย่างไรก็ตามจากสถิติข้างต้นนั้นเป็นตัวอย่างเพียง 3 ครั้งเท่านั้นซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยในเชิงสถิติ ทำให้หลัง Bitcoin Halving นี้อาจเกิดเหตุการณ์ที่แตกต่างจากเดิมได้ ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบ

และที่สำคัญราคาของ Bitcoin ไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงภายหลัง Bitcoin Halving ทันทีโดยถ้าพิจารณา Halving ครั้งที่ 2 และ 3 แล้ว กว่าราคาจะกลับไปทำ All time high ได้ก็ใช้เวลา 231 วันและ 196 วันตามลำดับโดยระหว่างนั้นราคาเป็นการเคลื่อนไหวแบบ Sideway up แต่สำหรับ Halving ครั้งที่ 4 ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ราคาของ Bitcoin ได้ปรับตัวขึ้นทำ All time high ไปก่อนแล้วทำให้เป็นสิ่งที่น่าจับตาดูอย่างมากว่า Cycle นี้จะแตกต่างจาก Cycle ก่อน ๆ มากน้อยแค่ไหน สาเหตุเพราะมีหลายปัจจัยที่แตกต่างจาก Cycle ก่อน ๆ อยู่พอสมควรโดยเฉพาะเรื่องของ Spot ETF ที่เป็นสะพานเชื่อมเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาสู่ Bitcoin ได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

วิเคราะห์ภาวะตลาดหลังการเกิด Bitcoin Halving

หลายคนอาจจะพูดถึงในเชิงที่ผลกระทบจาก Halving ไม่ได้ส่งผลอะไรมากขนาดนั้นเพราะในปัจจุบันปริมาณ Bitcoin ในระบบ (Circulating Supply) มีอยู่เกือบ 94% เรียบร้อยแล้วและในเชิงตัวเลขที่ลดลงไม่ได้ดูเยอะเหมือนกับ Halving รอบก่อน ๆ ที่ลด Block Subsidy อย่างมีนัยสำคัญอย่างเช่น Halving ครั้งแรกที่ลดจาก 50 BTC เหลือ 25 BTC ที่ทำให้ดูหายากขึ้นกว่าแบบมาก ๆ แต่ใน Halving รอบที่ 4 นี้ลดจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC เท่านั้นทีม Cryptomind Research มองว่าในจุดนี้สามารถมองได้อีกมุมหนึ่งคือความเข้าใจและความต้องการใน Bitcoin เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นจากการเติบโตมาตลอด 15 ปีที่มูลค่าตลาดสูงขึ้นมาตลอด ด้วยเหตุนี้เองการที่ Supply ของ Bitcoin อยู่ในจุดที่ค่อนข้างคงที่แล้วแต่ความต้องการ (Demand) ในเชิงมูลค่ากลับมากขึ้นตามในสัดส่วนที่สัมพันธ์กันก็จะสามารถทำให้ราคาค่อย ๆ ขยับขึ้นได้อยู่ดี แต่ต้องใช้เวลาและปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน โดยใน Cycle นี้มีปัจจัยบวกหลายอย่างที่ส่งเสริมดังนี้

  • Bitcoin Spot ETF เป็นตัวแปรหลักที่จะทำให้ Demand มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เหมือนเป็นสะพานเชื่อมเม็ดเงินในตลาด Traditional ให้เข้าถึง Exposure ใน Bitcoin ได้สะดวกและง่ายมากขึ้น เพราะง่ายต่อการทำบัญชี ทำภาษี มากกว่าการถือ Bitcoin เองโดยตรง โดยถ้าลองประเมินเม็ดเงินที่จะเข้ามาแล้ว ตลาด Global Equity ตลาดพันธบัตร ตลาดทองคำ รวมกันแล้วก็เป็นมูลค่าหลายร้อยล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การที่นักลงทุนหรือกองทุนจะ Allocate เงินทุนส่วนหนึ่งเพียงเล็กน้อยแค่ 1% เข้ามาใน Bitcoin ก็มากกว่า Market Cap ของ Bitcoin ปัจจุบันแล้ว ซึ่งถ้ามีเม็ดเงินไหลเข้ามามากกว่าที่คาดก็อาจทำให้ Cycle นี้ใหญ่กว่าที่หลายคนคิด
  • แม้ว่า Bitcoin จะมี Circulating Supply กว่า 94% แล้วแต่จากข้อมูลของทาง Coinglass ที่รวม Bitcoin ที่มีให้ซื้อขายใน Exchange ต่าง ๆ ทั่วโลกนั้นเหลือแค่ 1.73M BTC หรือ 8.8% ของ Circulating Supply เท่านั้น ซึ่งถ้า Demand ทะลักเข้ามาสู่ Bitcoin ก็จะทำให้มีโอกาสเกิด Supply Shock และทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้
  • อัตราการเกิดใหม่ของ Bitcoin ต่อวันหลัง Halving ครั้งที่ 4 จะอยู่ที่ประมาณ 450 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐและคาดว่า Miner บางส่วนจะไม่ได้นำมาเทขายทั้งหมด ทำให้แรงเทขายต่อวันจาก Miner อาจน้อยกว่า 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับปริมาณเงินไหล Bitcoin เข้าผ่าน Bitcoin ETF ในช่วง 3 เดือนครึ่งที่ผ่านมาก็มีเม็ดเงินไหลเข้ามาแล้วรวมมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเฉลี่ยแล้วเป็นมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งมากพอที่จะซับแรงขายได้สบายที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นช่วงที่ Bitcoin Halving ยังไม่ได้เกิด นโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐยังไม่ผ่อนคลาย แถมยังมีเรื่องสงครามและความไม่สงบต่าง ๆ เข้ามาประกอบกันด้วย ซึ่งถ้าทุกอย่างเริ่มคลี่คลายและผ่อนคลายมากขึ้น ตลาดเริ่มกลับมาเปิดความเสี่ยง (Risk On) มากกว่านี้ ทางทีม Cryptomind Research คาดว่าจะได้เห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาที่ Bitcoin ได้อีกมากไม่ว่าจะผ่าน Spot ETF หรือเข้าผ่าน Centralized Exchange โดยตรงและทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้ แต่ในระยะสั้นอาจมีการปรับตัวลงได้เนื่องจากความไม่แน่นอนต่าง ๆ ดังกล่าวและที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมาราคาของ Bitcoin ก็ขึ้นมาเยอะพอสมควรแล้ว ถ้าจะมีการปรับฐานบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
  • สำหรับมุมมองในระยะสั้น BTC ได้มีการปิดแท่งแดงลงมาใต้กรอบ Triangle ประกอบกับ RSI ที่ทำ Lower High อย่างต่อเนื่องเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่า Momentum ของ BTC นั้นอ่อนแรงลงและอาจจะย่อตัวในระยะสั้นได้ สิ่งที่น่าจับตามองคือ แนวรับที่ $60,000 ซึ่งเป็นแนวรับทางจิตวิทยาที่ถ้าหากหลุดลงไปอีกก็อาจจะลงไปทดสอบแนวรับที่ $52,000 ได้ แต่ถ้าราคายังรักษาตัวอยู่ในกรอบระหว่าง $60,000 - $73,777 ได้ก็อาจเป็นการ Sideway ไปอีกสักพักเพื่อรอเลือกทาง ส่วนระยะยาวยังคงมองบวกเหมือนเดิมดังเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น


    แท็ก ธรรมชาติ  

    เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ