รง.น้ำตาล แจงยินดีร่วมมือ กอน. นำส่งเงินจากการขึ้นราคาน้ำตาลให้กองทุนอ้อยฯ ชี้ 5 บาทต่อกก.เพื่อชำระหนี้ในส่วนของชาวไร่อ้อยที่กู้จาก ธ.ก.ส.-โรงงานไม่มีเอี่ยว

ข่าวทั่วไป Wednesday June 4, 2008 16:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์
3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย แจงไม่เคยถ่วงเรื่อง การนำเงินค่าน้ำตาลในส่วนที่รัฐกำหนดให้นำส่งกองทุนอ้อยฯ กิโลกรัมละ 5 บาท เพื่อนำไปชำระหนี้ในส่วนของชาวไร่อ้อยที่กู้จาก ธ.ก.ส. ระบุกฎเหล็กหากผู้ประกอบการบิดพลิ้ว โดนใบแดงห้ามขายน้ำตาลทรายในประเทศ แถมโดนปรับดอกเบี้ยอีก 15%
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับความล่าช้าของการนำเงินที่ได้จากการขึ้นราคาน้ำตาลกิโลกรัมละ 5 บาท เพื่อเพิ่มค่าอ้อยฤดูกาลผลิตปี 2550/2551 ให้แก่ชาวไร่อ้อย โดยมีการอ้างว่าโรงงานน้ำตาลไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้เกิดความล่าช้านั้น ถือเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากตามข้อเท็จจริงแล้ว สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เพิ่งมีหนังสือขอความร่วมมือมายังประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ซึ่งเมื่อคณะกรรมการประสานงานฯ ได้รับหนังสือดังกล่าว ก็ได้เรียกประชุมคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องโดยทันที
“เราได้มีหนังสือตอบกลับไปยังสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายในวันเดียวกัน (2 มิ.ย.) ว่า 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ยินดีปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ภายในราชอาณาจักร เข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. .... เพื่อให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย นำไปชำระหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในการเพิ่มค่าอ้อยให้แก่ชาวไร่อ้อยในฤดูกาลผลิตปี 2550/2551”
นายประกิต กล่าวอีกว่า ในเรื่องที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ขอให้ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายรับรองการปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติการจ่ายเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลอย่างเคร่งครัดนั้น เรื่องนี้เป็นไปตามระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการจัดเก็บเงินจากการจำหน่ายน้ำตาลทรายขาว และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ภายในราชอาณาจักร เข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งผ่านการอนุมัติตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551 โดยในข้อ 8 ของระเบียบดังกล่าวได้กำหนดว่า
“ในกรณีที่โรงงานน้ำตาลไม่ชำระเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลภายในเวลาที่กำหนด จะถูกคิดดอกเบี้ยในอัตรา 15 ต่อปี นับจากวันถัดจากวันที่ครบกำหนดชำระ จนกว่าจะได้ทำการชำระเสร็จสิ้น และห้ามออกหนังสืออนุญาตการขนย้ายน้ำตาลทรายเพื่อบริโภคภายในประเทศ (แบบ กน.2) ของงวดถัดไป” ซึ่งถือเป็นโทษขั้นรุนแรงที่ลงโทษต่อโรงงานน้ำตาลที่ไม่ยอมจ่ายเงินเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ทาง 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ได้เคยให้ความเห็นไปแล้วว่า การปรับราคาน้ำตาลทราย 5 บาทต่อกิโลกรัม โดยเเงินที่ได้จากการปรับราคาน้ำตาลทรายในครั้งนี้ทั้งหมด ภาครัฐกำหนดให้โรงงานน้ำตาลนำส่งกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย เพื่อนำไปชำระหนี้ในส่วนของชาวไร่อ้อยที่กู้จาก ธ.ก.ส. ซึ่งมียอดหนี้รวมประมาณ 24,000 ล้านบาท ทั้งนี้ การที่ชาวไร่อ้อยได้รับผลตอบแทนเพิ่มขึ้นก็มีข้อดีที่ทำให้ชาวไร่อ้อยมีความมั่นใจในการปลูกอ้อยต่อไป โดยไม่หันไปเพาะปลูกพืชชนิดอื่น และส่งผลให้มีวัตถุดิบที่เพียงพอในการผลิตน้ำตาลและผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องอย่างเอทานอล
“ผู้ประกอบการต้องการให้ชาวไร่อ้อยได้รับผลตอบแทนที่ดี เพราะอ้อยเป็นวัตถุดิบสำคัญของโรงงาน จึงขอย้ำอีกครั้งว่าในเรื่องที่มีการนำเสนอข่าวว่า ผู้ประกอบการโรงงานมีส่วนทำให้ชาวไร่อ้อยได้รับเงินล่าช้าเพราะต้องการขอมีส่วนแบ่งจากการขึ้นราคาน้ำตาลในครั้งนี้ จึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด” นายประกิตกล่าว
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในนามบริษัท มาสเตอร์ มายด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด
รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ: วารุณี คำไชย (แนน)
โทร: 0-2643-1191 ต่อ 23 หรือ 08-1496-6762
e-mail : c_mastermind@hotmail.com,sun_manee@yahoo.com

แท็ก ธ.ก.ส.   เหล็ก  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ