อาเซียนประกาศใช้กฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ปรับปรุงใหม่พร้อมกัน 1 สิงหาคม ศกนี้

ข่าวทั่วไป Tuesday June 10, 2008 16:31 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มิ.ย.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเปิดเผยว่า อาเซียนเป็นตลาดส่งออกสำคัญเป็นอันดับหนึ่งของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกันปีละกว่า 64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2550 ผู้ประกอบการไทยขอใช้สิทธิพิเศษฯ การใช้อัตราภาษีศุลกากรพิเศษที่เท่ากันภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน ( CEPT) มีมูลค่ากว่า 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกรมการค้าต่างประเทศออกหนังสือรับรองฯ ให้แก่ผู้ประกอบการกว่า 140,200 ฉบับ สำหรับสินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิพิเศษฯ สูง ได้แก่ รถยนต์ ส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ ยานยนต์สำหรับขนส่ง เครื่องปรับอากาศ แชมพู ตู้เย็น และอาหารปรุงแต่ง เป็นต้น
ล่าสุดประเทศสมาชิกอาเซียนเห็นชอบร่วมกันให้ประเทศสมาชิกทุกประเทศใช้กฎแหล่งกำเนิดสินค้าอาเซียนที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมกันในวันที่ 1 สิงหาคม 2551 เพื่อเร่งให้เกิดประโยชน์ทางการค้าภายในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนให้มากที่สุด
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่าการทบทวนกฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้าภายใต้ข้อตกลง CEPT (Revision of The CEPT Rules of Origin) ดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ปี 2550 โดยให้สามารถใช้กฎการเปลี่ยนพิกัดศุลกากร(Change in Tariff Classification : CTC) เป็นกฎทางเลือกทำให้กฎแหล่งกำเนิดภายใต้อาเซียนใหม่มี 2 หลักเกณฑ์ ประกอบด้วย เกณฑ์สัดส่วนมูลค่าเพิ่มของสินค้า (Local Content 40%) และเกณฑ์การเปลี่ยนพิกัดในระดับ 4 หลัก ( Change in Tariff Heading) เป็นกฎทั่วไป (General Rules) ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่ากฎแหล่งกำเนิดเดิมของอาเซียนที่เคยกำหนดกฎแหล่งกำเนิดสินค้าเพียงกฎเดียว คือ สัดส่วนส่วนมูลค่าเพิ่มของสินค้า ส่งผลให้ผู้ผลิตมีทางเลือกในการผลิตสินค้ามากขึ้นและเป็นการเพิ่มโอกาสในการใช้สิทธิพิเศษฯ ได้มากขึ้น นอกจากนี้อาเซียนมีการปรับปรุงระเบียบปฏิบัติการออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Operational Certification Procedures) และปรับปรุงแบบฟอร์มหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Form D) เพื่อให้สอดคล้องกับเงื่อนไขกฎแหล่งกำเนิดสินค้าที่ปรับปรุงใหม่
ดังนั้น เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจและเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการและผู้สนใจในการปฏิบัติตามสำหรับหลักเกณฑ์ดังกล่าว กรมการค้าต่างประเทศได้กำหนดจัดสัมมนาในกรุงเทพฯ/ปริมณฑล เชียงใหม่ สงขลา และชลบุรี ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2551 เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่สำนักสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ โทร. สายด่วน 1385 หรือเว็บไซต์ www.dft.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ