Journey to the center of the earth ท่องไปทะลุสุดโลก กับภาพยนตร์ 3 มิติคนแสดงเรื่องแรกของโลก

ข่าวบันเทิง Monday June 23, 2008 09:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 มิ.ย.--สหมงคลฟิล์ม
สร้างจากนิยายวิทยาศาสตร์ของ จูล เวิร์น Journey to the Centre of the Earth เป็นภาพยนตร์แอ๊คชั่นผจญภัยเรื่องแรกที่ถ่ายทำและออกฉายระบบดิจิตอล 3 มิติทั้งหมด โดยมีการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการถ่ายทำเพื่อที่ผู้ชมจะได้เห็นภาพการผจญภัยที่น่าตื่นตาตื่นใจเหมือนได้สัมผัสเอง หนังเป็นผลงานร่วมสร้างระหว่างบริษัท New Line Cinema เจ้าของผลงานบันลือโลก “The Lord of the Rings ไตรภาค” และ Walden Media ผู้สร้าง “The Chronicles of Narnia” กำกับภาพยนตร์โดย เอริค เบรวิก มือสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็กต์ชื่อก้องจาก “The Day After Tomorrow”, “Twisted” และ “Pearl Harbor”
เรื่องราวของ เทรเวอร์ แอนเดอร์สัน ( แบรนแดน เฟรเซอร์ ) นักวิทยาศาสตร์เลือดร้อนที่เชื่อมาตลอดชีวิตของเขาว่า พี่ชาย เขาได้หายตัวลึกลับ เขาเชื่อว่า พี่ชายได้ค้นพบโลกใหม่ที่เชื่อมต่อไปยัง ดินแดนใต้พิภพที่เต็มไปด้วย สิ่งมีชีวิตประหลาดดึกดำบรรพ์มากมาย ดังนั้นเพื่อค้นหาความจริงของดินแดนมหัศจรรย์นั้น เทรเวอร์ ตัดสินใจ พา ฌอน ( จอช ฮัทเชอร์สัน จาก Bridge to Terabithia และ Zathura )หลานชายวัยรุ่น และ ฮานนาห์ (อนิต้า ไบรเอ็ม ) ไกด์ท้องถิ่นสาวสวย ออกตะลุยตามหาพี่ชายยังดินแดนมหัศจรรย์เหนือจินตนาการ ที่ภูเขาลึกลับที่ไม่เคยมีใครกล้าเดินทางเข้าไปมาก่อน
ก่อนที่เราจะร่วมผจญภัยไปกับ เทรเวอร์ ฌอน และ ฮานนาห์
เราไปทำความรู้จักสัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ ศัตรูของนักผจญภัยใต้ภิภพกัน
ไทรันนอซอรัส เร็กซ์ :
ไดโนเสาร์! พันธ์ดุ จอมโหดร่างยักษ์ ที่มีอาการหิวอาหารตลอดเวลา
วิธีเอาตัวรอด ต้องวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตเท่านั้น
นกไนติงเกล เรืองแสง
นกน้อยเสียงไพเราะ ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการเรืองแสงในที่มืด
วิธีเอาตัวรอด : ถ้าคุรหลงทางใต้สะดือโลกตามแสงของ เจ้านกน้อยไป แล้วคุณจะพบทางออก
ต้นไม้กินคน
ต้นไม้สายพันธ์ใหม่ มันจะหลับไหลเวลาที่เงียบสงบ
แต่เมื่อไร ที่ได้ยินเสียงฝีเท้ามนุษย์
นักล่าแห่งโลกดึกดำบรรพ์ จะเริ่มออกล่า
เบรนเดน เฟรเซอร์ ผู้รับบท เทรเวอร์ แอนเดอร์สัน เปิดใจครั้งแรกกับผลงานสุดรัก
Journey to the Centre of the Earth
นักแสดงเบรนดัน เฟรเซอร์ ร่วมกับโปรดิวเซอร์ ชาร์ลอต ฮักกินส์ และผู้ปรึกษาด้านภาพสามมิติ เอ็ด มาร์ช ได้กล่าวถึงการถ่ายทำภาพยนตร์ที่มีคนแสดงร่วมกับอนิเมชันแบบสามมิติครั้งแรก ในงานเปิดตัวภาพยนตร์ที่ โรงภาพยนตร์ AMC Metreon ซานฟรานซิสโก
หนังเรื่องนี้นั้นเนียนมากถึงมากที่สุดเท่าที่พวกเราเคยดูที่ไหนมา ไม่พยายามใช้ภาพสวยงามเกินจนปวดหัว แล้วก็มีความเป็นหนังมากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ เยอะ เฟรเซอร์เล่าให้ฟังว่า หนังเรื่องนี้เป็น “การดัดแปลงใหม่” ของนิยายคลาสสิคของ จูลส์ เวิร์น เฟรเซอร์รับบทเป็นศาสตราจารย์ที่เชื่อว่าหนังสือของเวิร์นนั้นเป็นมากกว่านิยายวิทยาศาสตร์ และระหว่างการเดินทางไปประเทศไอซ์แลนด์ เขา หลานชาย และสาวผมบลอนด์แสนน่ารัก (แสดงโดยอนิต้า ไบรเอ็ม) ก็ได้พบว่าพวกเขาได้เจอกับเรื่องน่าประหลาดใจและความน่าสยองขวัญที่เกี่ยวข้องหนังสือเล่มนี้ ฉากที่พวกเราได้ดูนั้นมีภัยอันตรายเกิดขึ้นสามอย่างคือ ต้นไม้กินคนใหญ่ยักษ์, ปลานักฆ่า, และพายุในทะเล นอกนั้นยังมีรถขนแร่ที่วิ่งหนีได้ (อันนี้นี่มีเค้าความคล้าย Indiana Jones และ The Temple of Doomหน่อยๆ) และไดโนเสาร์ยักษ์จอมเขมือบ
ฮักกินส์ออกตามหลังเฟรเซอร์ และ มาร์ชมาพูดในช่วงถาม-ตอบหลังหนังฉาย เขากล่าวว่าหนังสามมิติที่ถูกสร้างขึ้นก่อนหนังเรื่องนี้มีปัญหาเรื่องการวางตำแหน่งทางแนวดิ่งและแนวนอน แต่เรื่อง Journeyฯ เนี่ย เราสามารถแก้ไขเรื่องพวกนั้นได้ แล้วก็ปรับคอนเวิร์ชชัน-วิธีที่ตาของคนปรับตัวเมื่อมีภาพเคลื่อนที่เข้ามาหา ผลที่เกิดขึ้นก็คือมีการรวมกันระหว่างการตัดต่อที่มีการตัดมากกว่าหนังสามมิติอื่นๆ และภาพยนตร์ที่มีการตัดต่อแบบภาพยนตร์ทั่วๆ ไปผสมกัน “ตาของคุณจะสามารถปรับได้อย่างสบาย” ฮักกินส์พูด “ก่อนเรื่องนี้ เราต้องมีการชดเชยการตัดต่อสำหรับภาพสามมิติ ”
เฟรเซอร์เสริมว่าเขาได้เตรียมพร้อมอย่างดีสำหรับหนังเรื่องนี้ซึ่งจะเข้าฉายในวันที่ 11 กรกฎาคม เนื่องจากในหนังเรื่อง The Mummy เขาได้เรียนวิธีการปฏิบัติตัวหน้าฉากหลังสีเขียวให้ดูสมจริงและเหมือนอยู่ในสิ่งแวดล้อมจริง เขายังย้ำอีกว่าฉากโปรดของเขานั้นอาจจะเป็นฉากไคลแมกซ์ก็ได้ ซึ่งฉากที่เขาว่านั้นไม่ได้เปิดฉายให้ผู้ชมที่วันเดอร์คอนวันนั้น “คุณต้องเสียเงินดูนะ” เฟรเซอร์หัวเราะ ก่อนที่เขาจะอธิบายว่าฉากต้นไม้นักฆ่านั่นก็พิเศษเหมือนกัน ฉากนี้ถูกเพิ่มเข้ามาเมื่อกลุ่มผู้สร้างตระหนักว่าควรจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นหน่อยสำหรับฮีโร่ในหนังเรื่องนี้ “จริงๆ มันไม่ได้มีอยู่ในหนังเรื่องนี้หรอก เราต้องหาทางที่จะมีฉากต่อสู้กับใครซักคนที่สามารถสู้ได้ในหนังที่เด็กอายุ 13 ปีขึ้นไปดูได้”
“ผมว่าพวกคุณควรจะรู้สึกภูมิใจที่ได้มากันที่นี่วันนี้” เขาบอกกับทุกคนก่อนที่จะจบการเสวนาครั้งนี้ “เพราะว่าผมภูมิใจสุดๆ ไปเลย”
นับถอยหลังสู่มหึมาแฟนตาซีสนั่นโลก จากทีมผู้สร้าง The Lord of the Ring
24 กรกฏาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ