วอเนอร์ เสนอเรื่องย่อภาพยนตร์ MISS CONGENIALITY PRODUCTION NOTE

ข่าวทั่วไป Thursday March 10, 2005 16:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 มี.ค.--วอเนอร์ บราเธอร์ส
ใน Miss Congeniality 2: Armed and Fabulous เราตามไปดูเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเกรซี่ ฮาท (Sandra Bullock แซนดร้า บูลล็อค) หลังจากที่เธอประสบความสำเร็จกับการกู้สถานการณ์ขู่ฆ่าในการประกวดนางงามสหรัฐอเมริกาเมื่อตอนที่เธอปลอมตัวเป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดในเรื่องMissCongeniality ซึ่งทำให้เธอดังเป็นพลุแตกในช่วงข้ามคืน
พักหลังนี้อะไรๆไม่ค่อยได้ดังใจเธอเท่าไหร่ เธอเพิ่งฟื้นจากการอกหักและหงุดหงิดกับชื่อเสียงซึ่งส่งผลกระทบต่องานในฝันของเธอ เกรซี่ยอมอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ให้เจ้านายของเธอ เจ้าหน้าที่ แม็คโดนัล (Ernie Hudson เออร์นี่ ฮัดสัน) มอบหมายงานที่ตอนนี้เป็นงานเดียวที่เธอจะทำได้ให้เธอรับผิดชอบ นั่นก็คือการเป็น “ฑูตตัวแทนของเอฟบีไอ” เพื่อไปปรากฏตัวอย่างสวยสง่าผ่าเผยในรายการสัมภาษณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นประวัติการณ์ครั้งใหญ่ในแผนการโฆษณาในองค์กร ทางเอฟบีไอจึงพยายามดันให้เธอถ่ายภาพซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อจำลองเหตุการณ์บนเวทีประกวดนางงามให้แก่สาธารณชนที่ชื่นชอบเธอได้ชมกัน โดยอาศัยความช่วยเหลือจากสไตล์ลิสส่วนตัวขื่อ โจเอล (Diedrich Bader ไดดริช เบเดอร์) เพื่อขัดเกลาความกระโดกกระเดกของเธอ
แรกๆเกรซี่ก็ขัดขืนไม่พอใจ แต่ต่อมาเธอก็ปรับตัวเข้ากับความสนใจรอบๆข้างได้อย่างดี ซึ่งถึงแม้เวลาจะผ่านไปไม่นานก็รู้สึกว่าเธอนั้นจะตีบทแตกมากไปนิดหนึ่ง คู่หูคนใหม่ของเธอคือ แซม ฟูลเลอร์ (Regina King เรจิน่า คิง) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทรหด ทะเยอทะยาน แล้วเธอก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเกรซี่งสักเท่าไหร่ ฟูลเลอร์เป็นคนแรกที่เอ่ยปากออกมาว่าดาวประจำกรมตำรวจคนนี้กำลังจะกลายเป็น บาร์บี้แห่งเอฟบีไอไปแล้ว
แต่เมื่อเพื่อนรักของเกรซี่ นางงามเชอร์ริล เฟรพเซอร์ (เฮเธอร์ เบิร์นส์ Heather Burns) กับโฆษกสแตน ฟิลด์ส (วิลเลี่ยม แชทเนอร์ William Shatner) (ซึ่งทั้งคู่กลับมารับบทเดิมจากภาคแรก Miss Congeniality) โดนจับตัวเรียกค่าไถ่ที่ลาส เวกัส สัญชาติญาณการต่อสู้อาชญากรรมก็กลับมาเข้าสิงเกรซี่ทันที
เพราะม่ต้องการให้ตัวเชิดหน้าชูตาขององค์กรเสียชื่อ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอระดับสูงจึงสั่งการให้เธอไปงานแถลงข่าวที่ลาส เวกัส โดยส่งแซมไปประกบด้วย และปล่อยให้หน้าที่การช่วยเหลือตัวประกันอยู่ในมือของหัวหน้าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอท้องถิ่น คอลลินส์ (ทรีท วิลเลี่ยมส์ Treat Williams) ในขณะที่เจ้าหน้าที่เจ ฟอร์แมน (เอ็นริเก้ เมอร์เซียโน Enrique Murciano) ต้องทำหน้าที่สกัดกั้นเกรซี่และทีมของเธอไม่ให้เข้ามาเกะกะการทำงาน
แคสเซิล ร็อค เอนเทอร์เทนเมนท์ (Castle Rock Entertainment) ร่วมกับ วิลเลจ โรดโชว์ พิคเจอร์ (Village Roadshow Pictures) ผลงานการผลิตภาพยนตร์ของ ฟอร์ทิส ฟิลม์ โปรดักชั่น (Fortis Film Production) ภูมิใจเสนอ Miss Congeniality 2: Armed and Fabulous นำแสดงโดย แซนดร้า บูลล็อค (Sandra Bullock) และ เรจิน่า คิง (Regina King) เอ็นริเก้ เมอร์เซียโน (Enrique Murciano) วิลเลี่ยม แชทเนอร์ (William Shatner) เออร์นี่ ฮัดสัน (Ernie Hudson) เฮเธอร์ เบิร์นส์ (Heather Burns) ไดดริช เบเดอร์ (Diedrich Bader) และ ทรีท วิลเลี่ยมส์ (Treat Williams)
กำกับการแสดงโดย จอห์น พาสคิน (John Pasquin)
อำนวยการผลิตโดย แซนดร้า บูลล็อค (Sandra Bullock)
ผลิตและเขียนโดย มาร์ค ลอเรนซ์ (Mark Lawrence)
ผู้อำนวยการผลิต แมรี่ แม็คเลกเลน (Mary McLaglen) จอห์น เคอร์บี้ (John Kirby) และ บรู๊ซ เบอร์แมน (Bruce Berman) ผู้ช่วยผู้อำนวยการผลิต เจซิน บูลล็อค พราโด้ (Gesine Bullock-Prado)
กำกับภาพโดย ปีเตอร์ แมนซี่ส์ (Peter Menzies) , Jr., A.C.S. ออกแบบการผลิตโดย มาเฮอร์ อาร์มาด (Maher Ahmad) ตัดต่อโดย การ์ธ เครเวน (Garth Craven) ควบคุมดนตรีโดย จอห์น ฮูลิฮาน (John Houlihan) เสื้อผ้าเครื่องแต่งการออกแบบโดย ดีน่า แอปเพล (Deena Appel) เพลงประกอบภาพยนตร์เป็นลิขสิทธิ์ของ วอร์เนอร์ ซันเซท เรคอร์ด (Warner Sunset Record)
Miss Congeniality 2: Armed and Fabulous จะจัดจำหน่ายโดย วอร์เนอร์ บราเธอร์ส พิคเจอร์ส (Warner Bros. Pictures) ซึ่งเป็นบริษัทของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส เอนเทอร์เทนเมนท์ (Warner Bros. Entertainment Company) และบางพื้นที่จัดจำหน่ายโดย วิลเลจ โรดโชว์ พิคเจอร์ส (Village Roadshow Pictures)
แล้วเธอก็กลับมา......
ผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลกให้กับต้อนรับ Miss Congeniality ภาพยนตร์ตลกยอดฮิตเมื่อปี 2002 เป็นอย่างดี ซึ่งแซนดร้า บูลล็อค (Sandra Bullock) แสดงเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจอมเฉิ่ม ปลอมตัวเข้าร่วมประกวดนางงามเพื่อสืบสวนคดีขู่ฆ่าในการประกวดนางงามสหรัฐอเมริกา นอกจากเธอจะได้เรียนรู้การเดินบนร้องเท้าส้นสูงเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอยังกอบกู้สถานการณ์ได้อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะกู้ระเบิด หรือได้รับตำแหน่งในการประกวด เธอจึงดังเป็นพลุแตกในช่วงข้ามคืน และกลายเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาของเอฟบีไอ
บูลล็อคทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ภาคแรกก็กลับมาผลิตอีกครั้งในเรื่อง Miss Congeniality 2: Armed and Fabulous เช่นเดียวกันกับมาร์ค ลอเรนซ์ ซึ่งเขียนและอำนวยการผลิตภาคแรก ก็กลับมาทำหน้าที่เขียนและผลิตในภาคนี้ ทั้งคู่พูดถึงยอดหญิงที่ซุ่มซ่าม หยาบกระด้างของเขาอย่างภาคภูมิใจ
แซนดร้าผู้ที่รับแสดงบทเจ้าหน้าที่ผู้ซุ่มซ่ามนี้ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโกลด์เดน โกลบและได้รับรางวัลบล็อคบัสเตอร์ เอนเทอร์เทนเมนท์ “เหตุผลที่ต้องมีภาคสองก็เพราะ...” “หลายๆครั้งที่มาร์คกับฉันนึกอยู่เสมอๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเกรซี่หลังจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งนั้นในการประกวดนางงามและชื่อเสียงจะมีผลกระทบกับเธออย่างไรบ้าง เราเคยคุยกันว่าสัมพันธภาพที่เธอได้สร้างไว้ตอนประกวดนางงามจะเปลี่ยนชีวิตเธอหรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนการมองโลกของเธอ มันมีหลายๆสถานการณ์รวมกัน ฉันเลยอยากทำให้เรื่องราวมันดำเนินไปจนจบ”
ภาพยนตร์ภาคแรกเกี่ยวกับตัวละครล้วนๆ” ลอร์เรนซ์เสริม “ที่สำคัญเลยความมีเสน่ห์และอารมณ์ขันของภาพยนตร์จะฝังอยู่ในตัวละครต่างๆ --- ไม่ใช่เพียงเกรซี่แต่รวมไปถึงเชอร์ริลผู้ที่เป็นม้ามืดในการประกวดและสแตนซึ่งเป็นโฆษกรุ่นเก๋า บทของตัวละครส่งกันอย่างลงตัว ผมเชื่อว่าหลายๆคนน่าจะสนใจว่าเกรซี่จะมีพัฒนาการอย่างไร ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่”
บูลล็อคและลอว์เรนซ์มีความคิดสร้างสรรค์คล้ายๆกันซึ่งเกื้อกูลกันได้อย่างน่าอิจฉา ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มขึ้นเมื่อลอว์เรนซ์นักเขียนบทพบกับนักแสดงใหม่ไฟแรงในภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้ของเขาเรื่อง Forces of Nature ทั้งสองทำงานร่วมกันต่อในเรื่อง Miss Congeniality และในปี 2002 ในภาพยนตร์โรแมนติคคอมเมดี้เรื่อง Two Weeks Notice ซึ่งลอว์เรนซ์เป็นผู้กำกับและบูลล็อคเป็นผู้ผลิต เรื่อง Miss Congeniality 2: Armed and Fabulous นี้เป็นการร่วมงานกันครั้งที่สี่แล้ว
เมื่อเราถามลอว์เรนซ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขาทั้งสอง เขาตอบอย่างตลกขบขันว่า “เราคบกันที่อาหาร ผมจะนำอาหารมาที่กองและเธอก็เป็นคนทานเพราะไม่ว่าถึงแม้เธอกำลังอยู่ระหว่างคอร์ส ลดน้ำหนัก ถึงแม้ว่าจะต้องเคร่งครัดเพียงใด เธอจะไม่รู้สึกผิดถ้าเธอทานอาหารของผม ผมว่าเธอถูกใจผมก็ตรงนี้แหล่ะ”
“จริงๆแล้ว” เขาเล่าต่อไป “เรารู้ใจกันและกัน ผมรู้ว่าอะไรทำให้เธอหัวเราะขำและสิ่งที่เธอทำส่วนมากก็ทำให้ผมขำ เธอเป็นตลกที่ออกท่าออกทางได้เป็นธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ถ้าคุณไม่ให้บทที่มีการออกท่าออกทางเธอก็จะคิดมุขขึ้นมาเอง ทำให้มันสมดุลกับบท นอกจากนั้นเธอมีพรสวรรค์ที่จะทำให้ตัวละครนั้นน่าเชื่อถือซึ่งทำให้ผมสามารถเพิ่มเสริมอะไรได้อีก ใช้การแสดงของเธอวัดได้เลยว่าอะไรเหมือนจริงไม่เหมือนจริง เธอจะคุณถ้ามีอะไรรู้สึกขัดๆ เราทั้งสองแตกต่างกันในหลายๆมุม เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี กระตือรือร้น และเป็นคนค่อนข้างบวกแต่ ผมไม่เป็นแบบนั้น...”
สิ่งหนึ่งที่สองคนเห็นตรงกันก็คือการทาบทามผู้กำกับจอห์น พาสคิน ซึ่งเคยได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอมมี่มากำกับการผจญภัยของเกรซี่ ฮาทครั้งใหม่นี้ เมื่อพูดถึงประวัติการทำงานด้านละครเวทีและด้านโทรทัศน์ของพาสคิน จบพบว่ามีรายการที่โด่งดังของยุคมากมาย (Growing Pains, thirtysomething, L.A. Law, Roseanne, Home Improvement), ลอว์เรนซ์กล่าวว่า “เขาจะให้ความสำคัญกับนักแสดง แรงบันดาลใจและความเป็นจริงของฉาก น้อยมากที่จะพบคนที่เข้าใจทั้งเรื่องนี้และเรื่องของมุมกล้องที่สามารถให้ภาพที่ออกมาสวยมากๆ”
พาสคินสนใจโครงการนี้ด้วยเหตุผลสามอย่างคือ อย่างแรก เขาตอบว่า “โอกาสที่จะได้ทำงานกับแซนดร้า บูลล็อค” เราพบเธอขณะทำการผลิตและกำกับรายการคอมเมดี้ยอดฮิต ของ ABC เรื่อง George Lopez เป็นเรื่องตอนๆที่แซนดร้าทำหน้าที่อำนวยการผลิตผ่านบริษัทฟอร์ทิส ฟิลม์ (Fortis Film)ของเธอ “ผมว่าเธอกล้ามากๆ ซึ่งเป็นความฝันของผู้กำกับเลยที่จะทำงานกับนักแสดงแบบนี้ มีนักแสดงแนวหน้าของโลกไม่กี่ท่านหรอกที่จะกล้ามาเต้นแร้งเต้นกาหน้ากล้อง ซึ่งเธอก็ทำไปแล้ว และผมต้องการร่วมงานกับมาร์ค ลอว์เรนซ์คนที่ผมรู้จักมาเกือบ 20 ปี ตั้งแต่เรื่อง Family Ties ตอนนั้นเราเป็นคนเขียนบท/ผู้ผลิตและผมเป็นผู้กำกับ เขาเป็นคนเขียนบทที่เก่งมาก”
สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเรื่องนี่เองที่ทำให้พาสคินยอมรับงาน เขาหวังไว้ว่าจะนำเรื่องไปทิศทางใหม่ๆ ไม่ต้องตรงเผงมากนัก และไม่จำเป็นต้องทำตามทุกๆอย่างในภาคแรกแต่พยายามเก็บรักษาความสัตย์ของหนังไว้เพื่อไม่ให้คนที่ชอบหนังเรื่องนี้หายไป
ตามแนวทางนี้ การทำภาพยนตร์แบบไม่ตรงเผงตามสูตรก็คือ การให้เกรซี่จัดการคดีที่ชี้เป็นชี้ตายและหนำซ้ำต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัวเข้ากับคู่หูคู่ใหม่ที่น่ากลัว (เรจิน่า คิง แสดงเป็น เจ้าหน้าที่ แซม ฟูลเลอร์) ที่มีปัญหาอารมณ์โกรธรุนแรงเหมือนกันที่เกรซี่เคยเป็น สองสาวนี้มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องเรียนรู้จากกัน แต่ก่อนอื่นทั้งคู่คงต้องคุยกันก่อน
ตัวละครแซมมาจากความคิดของแซนดร้า “ฉันคิดว่าฉันอยากเป็นอะไรในภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ แล้วสิ่งที่ผุดขึ้นมาเสมอก็คือ คู่หูคนใหม่ --- และต้องเป็นคู่หูผู้หญิงด้วย ทำไมหนังที่เกี่ยวกับคู่หูต้องเป็นเรื่องผู้ชายอย่างเดียวด้วย ทำไมผู้ชายจะได้รับแต่บทคู่หูคอมเมดี้ขำๆ เราอยากเห็นผู้หญิงแสดงบทแบบนี้บ้าง อีกทั้งโครงเรื่องนั้นเกี่ยวกับความเป็นเพื่อน ว่าเพื่อนจะโผล่ขึ้นในที่ๆไม่คาดคิดมาก่อน ในรูปแบบที่ไม่คาดคิดมาก่อน เป็นพวกที่เจอครั้งแรกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ บางครั้งคุณอาจจะอยากบีบคอเขาแต่ในที่สุดเขาก็กลายมาเป็นเพื่อนของเรา
เมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเกรซี่และแซม พาสคินกล่าวว่า “ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับสัมพัธภาพระหว่างคู่หูผู้หญิง ในกรณีนี้เรากำลังพูดถึงความสัมพันธ์ที่คล้ายกันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่คนละขั้วกันเหมือนกับที่เห็นกันบ่อยๆ แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงสองคนมีความทะเยอทะยานทั้งคู่มีลักษณะที่คล้ายกันมาก เราโชคดีที่ได้เจอเรจิน่า คิง ซึ่งเข้ากันได้ดีกับแซนดี้ (แซนดร้า บูลล็อค) ปฎิสัมพันธ์ของคู่นี้ทำให้ภาพยนตร์มีพลังและส่งผลดีต่อมุขตลก พัฒนาการของสัมพัธภาพของพวกเขาเป็นหัวใจของเรื่อง”
เช่นเดียวกับภาคแรก Miss Congeniality 2: Armed and Fabulous ภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลง บางเรื่องเป็นเรื่องดีแต่บางเรื่องก็อาจจะย้อนกลับมาทำร้ายได้ สารที่ซ่อนอยู่ ดังที่ แซนดร้ากล่าวไว้คือ “มันดีที่สุดถ้าคนเราจะทำตามที่สัญชาติญาณบอกไม่ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไร เมื่อคุณเริ่มเขวเมื่อไหร่คุณอาจจะพบกับปัญหาได้ และเป็นที่โชคดีของเราและผู้ชมที่ความสนุกสนานจะเกิดขึ้นเมื่อมันเกิดปัญหา”
สำหรับแฟนๆที่กลัวว่าการที่เกรซี่เริ่มรู้จักตัวเองมาขึ้นจะทำให้เธอสงบเสงี่ยมและอารมณ์เย็นลง หรืออ่อนโยนขึ้นละก็ ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นเช่นนั้นเลย
บางสิ่งบางอย่างก็ไม่เคยเปลี่ยน
“ฉันเพิ่งผ่านการประกวดนางงามมาแหม่บๆ พอกันที่กับการเล่นแต่งตัวเนี่ย!”
ถึงแม้ว่าเกรซี่ ฮาทจะประสบความสำเร็จบนเวทีนางงาม หรือแม้แต่การที่เธอได้เพื่อนใหม่ หรือการที่เธอพิสูจน์ว่าเธอก็สวยเริดเชิดไม่แพ้ใครบนเวที ความเป็นจริงคือเธอต้องผ่านการขัดเกลา การฝึกฝน และต้องโดนขู่ให้ทำแต่ละอย่างไม่รู้เท่าไหร่ เมื่อตอนนี้เธอรู้แล้วว่าชื่อเสียงของเธอชั่วข้ามคืนได้จบลงแล้วและบททดสอบอันยากเย็นแสนเข็ญที่ต้องโพสท่าบนร้องเท้าส้นสูงในชุดราตรีของเธอได้จบลง เธอดีใจมากที่จะได้กลับมาใส่ชุดทำงานเอฟบีไอและกลับมาทำงานที่เธอรัก ได้กลับมาซุ่มดักจับผู้ร้าย ได้ซ้อมยิงปืน และได้กลับมาอยู่กับพวกพ้องทั้งหลาย เธอมีความหวังที่จะได้กลับมาใช้เวลาอยู่กับคนที่คล้ายๆจะเป็นแฟนอย่างลำพังเงียบๆซึ่งหลังๆก็หายๆไป ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ
แม้แต่บูลล็อคเองยังยอมรับว่า “โล่งใจที่ได้กลับมาใส่ชุดสูทสีน้ำเงินอีกครั้ง ชุดติดกระดุม ใส่ร้องเท้าเทอะทะเพื่อสุขภาพ ได้ยืนแบบผู้ชายแคะฟันได้ตามอำเพอใจ รู้สึกได้ปลดปล่อยมากๆ นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ฉันชอบในตัวเกรซี่ --- เธอไม่สนว่าใครจะคิดยังไง”
แต่โชคร้ายที่ความคิดเห็นของคนอื่นนี่เองที่กำลังจะทำให้ชีวิตเธอเปลี่ยนไป
ความดังของเกรซี่หลังจากเวทีการประกวดนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีท่าทีว่าจะลดลงเอาซะเลย ถึงจะแต่งตัวธรรมดาๆอย่างไร คนในเมืองก็รู้จักเธอไปทั่ว ซึ่งเธอหงุดหงิดเมื่อพบว่าเธอไม่สามารถออกไปซุ่มดักจับผู้ร้ายได้อีกต่อไป สถานการณ์การปล้นธนาคารเกือบจะกลายเป็นวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เมื่อมีแฟนตัวยงของเธอเผยให้คนร้ายรู้ว่าเธออยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เกรซี่ต้องยอมรับความจริงว่าเธอได้กลายเป็นสินค้าของทีมงานไปแล้วและไม่สามารถทำงานที่เธอรักได้อีกต่อไป
ในขณะเดียวกันที่บ้าน เธอต้องเผชิญกับข่าวที่ร้ายแรงไปกว่านั้น ความรักซึ่งเธอเชื่อว่ากำลังไปได้สวยระหว่างเธอและผู้ร่วมงานเก่า อีริค แมทธิวส์ จบลงอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก่อนที่มันจะเริ่มขึ้นเสียอีก เธอโดนยกเลิกนัด มีโทรศัพท์มาแปลกๆ และเธอก็พบว่าเธอโดนหลอกเข้าจังเบ้อเร้อ
“เพราะสิ่งเหล่านี้เองเธอรู้สึกว่าเธอไม่มีอะไรเหลือแล้วในชีวิต” บูลล็อคอธิบาย ซึ่งทำให้เกรซี่นั้นยอมที่ได้รับความคิดบ้าๆของสำนักงานเสนอที่มาให้เธอเป็นทูตตัวแทนองค์กรอย่างเป็นทางการ
ถึงแม้ว่าความดังของเกรซี่จะน่ารำคาญสำหรับเธอ แต่ชื่อเสียงของเธอก็ทำประโยชน์ให้กับสำนักงานเอฟบีไอและผู้บังคับบัญชาของเธอได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ต้องเกณฑ์คนมาทำงาน ภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยจะได้เรื่องเท่าไหร่ก็กลับสดใสขึ้น ซึ่งก็มีเหตุผลมาจากเธอทั้งนั้น ประชาชนรักเธอเอามากๆ จดหมายจากแฟนๆที่มีเธอเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวและจัดการกับชีวิตชองตน หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายทุกๆวัน ด้วยเหตุผลที่เธอไม่สามารถปฏิบัติงานเก่าของเธอได้ หัวหน้าแม็คโดนัล (เออร์นี้ ฮัดสัน) เลยเสนอว่าควรใช้ความโด่งดังของเธอให้เป็นประโยชน์โดยการเป็นโฆษกประจำองค์กรเรื่อง “ดาวรุ่งแห่งเอฟบีไอ” และด้วยความช่วยเหลือของสไตล์ลิสท์ส่วนตัว โจเอล (ไดดริช เอเดอร์) ซึ่งต้องทำให้ประชาชนเห็นภาพเกรซี่ที่คนชื่นชอบ สวยเริ่ด สง่างาม พร้อมสำหรับหน้ากล้องเสมอ พวกเขาต้องการยืดเวลาเพื่อส่งเธอไปทัวร์พบปะสาธารณชน
ทำไมจะไม่รับล่ะ เพราะมันจะทำให้เธอยังได้ทำงานที่เธอรักซึ่งก็คือการเป็น เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ และเธอก็จะได้ไม่มีเวลาฟุ้งซ่านกับวิกฤตชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ เกรซี่ยอมรับว่าจดหมายบางฉบับนั้นซึ้งเหลือเกินซึ่งทำให้เธอปลื้มที่จะได้ช่วยเหลือผู้อื่น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่พอใจเท่าไหร่ เธอก็ตัดสินใจที่จะลองทำดูสักตั้ง
แต่ก็ไม่นาน ตัวตนใหม่คนใหม่ของเธอก็เริ่มรูปเป็นร่างขึ้น
ด้วยอาวุธอัตชีวประวัติเกี่ยวกับชีวิตการทำงานต่อสู้อาชญากรรม “จากผ้าขี้ริ้วสู่เจ้าหญิง” ทำให้เกรซี่ต้องผ่านการสัมภาษณ์ การถ่ายภาพที่นับไม่ถ้วน (แถมยังต้องโดนหมั่นไส้จากผู้ร่วมงานเก่าด้วย) ไม่นานให้หลังเธอก็เริ่มที่จะดีใจกับความสนใจจากผู้อื่นที่เธอได้รับและเริ่มจริงจังกับบทบาทใหม่นี้เกินไป “มันกลายเป็นที่ระบายของเธอไป กับความผิดหวังที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือว่าการที่จะต้องมาเป็นตัวแทนของเอฟบีไอ” ลอว์เรนซ์เล่า “เธอรับมันเสมือนกับคนที่จะเริ่มเปิดรับศาสนาใหม่ เมื่อเราเห็นเธออีกครั้งเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ลึกๆแล้ว มันไม่ใช้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ”
ไม่นานเกรซี่ก็เริ่มแต่งตัวเป็น มีสายตรงต่อช่างทำเล็บและเดินทางโดยการนั่งรถลิโม การปรับตัวเข้ากับแสงสีชื่อเสียงและการมีคนมารับใช้แบบชั้นหนึ่งนั้นคงไม่ยากเกิน “สิ่งที่ลำบาก” บูลล็อคเตือน “คือการพยายามเป็นตัวของตัวเองเมื่อหมอกของความดังบดบังมุมมองโลกของตัวคุณเอง และการที่เราต้องรู้ว่าเพื่อนแท้ของเราคือใคร” ความท้าทายเหล่านี้ พร้อมกับจุดตกต่ำของเรื่องทั้งหลาย สำคัญพอๆกับแก่นเรื่องสนุกๆทั้งหลาย การไล่ล่า และมุขตลกขำที่ต้องเผชิญ
การเตือนสติครั้งแรกของเกรซี่เริ่มจากที่คู่หูคนใหม่ที่โดนย้ายมาเพราะ “ปัญหาการควบคุมแรมณ์” เจ้าหน้าที่แซม ฟูลเลอร์ ซึ่งรับบทหนักแสดงโดยเรจิน่า คิง ผู้ซึ่งได้รับรางวัลสรรเสริญจากการแสดงของเธอในเรื่อง Ray การแสดงอันสมบทบาทของคิงนั้นเป็นที่รู้จักกันดีจากเรื่อง Legally Blonde 2 และ Jerry Mcguire แซมมาในมาดตามสูตรคือ ทรงผมสั้นเนี้ยบ ปกเสื้อเรียบกริ๊บ ไปจนถึงรองเท้าขัดเงาวับ ด้วยอุปนิสัยที่ฉลาดเฉลียว แข็งแกร่งและทะเยอทะยาน เธอมุ่งมั่นในหน้าที่การงานของเธอมาก เธอไม่ประทับใจกับภาพลักษณ์ดาราของเกรซี่เอาเสียเลย และคิดว่าเกรซี่ได้กลายเป็นบาร์บี้ของเอฟบีไอไปเสียแล้ว ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะบอกให้เกรซี้รู้ว่าเธอคิดอย่างไร
คิงพูดถึงตังละครว่า “แซมนั้นเป็นคนที่ชอบตกอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องพิสูจน์ตัวเองเสมอว่าเธอจัดการกับปัญหาได้ เธอจึงค่อนข้างที่จะปกป้องตัวเองและสร้างกำแพงตลอดเวลา ตั้งแต่ฉากแรกคุณรู้เลยว่าเธออารมณ์รุนแรงขนาดไหนและเธอเก็บกดมากเพียงใด เธอขยะแขยงเกรซี่เอามากๆ คิดว่าเกรซี่นั้นไม่เอาไหนและไม่ได้เรื่องเลย เวลาที่เธอมองเกรซี่คุณจะรู้เลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “ฉันเหนือกว่าเธอ ฉันเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่ดีกว่าเธอ” และที่แน่นอน ในขณะเดียวกันเกรซี่ก็กำลังคิดว่า “ไม่มีทาง”
“แซมนั้นพร้อมระเบิดตลอดเวลา” พาสคินกล่าวถึงบทนี้ “เมื่อโดนมอบหมายให้ประกบเกรซี่ในการปรากฏตัวต่อสาธารณชนทั้งหลาย เธอจึงพยายามดันตัวเองให้เด่นขึ้นมาในสถานการณ์ต่างๆ”
ลอว์เรนซ์อธิบายต่อว่า มุขลึกๆก็คือ “โดยพื้นฐานแล้วแซมนั้นเหมือนเกรซี่ในภาคแรก กระด้าง เข้าสังคมไม่เป็น เวลาไปเที่ยวกับเจ้าหน้าที่คนอื่นเธอก็จะไปนั่งคนเดียว ไม่มีความสง่างามทางสังคมและแก้ปัญหาทุกเรื่องโดยใช้กำลังเข้าว่า วีถีเดียวกับที่เกรซี่กระทำเมื่อปีก่อน มันคล้ายๆกับการนำลักษณะนิสัยของเกรซี่มาแยกจากกันเพื่อนำมาประจันหน้าปะทะกัน มันน่าสนใจที่นำลักษณะของทั้งสองที่เปรียบเทียบกันบนแผ่นกระดาษ และเมื่อการแสดงตกอยู่ในมือของเรจิน่าและแซนดี้ปฏิสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ทำให้น่าสนใจเข้าไปอีก”
วันหนึ่งในขณะที่อยู่ในงานแจกลายเซ็น เกรซี่ตกอกตกใจเมื่อได้รับข่าวว่าเชอร์ริล เฟรเซอร์ (เฮเธอร์ เบิรน์ส) นางงามสหรัฐอเมริกาเพื่อนซี้ของเธอ และพี่เลี้ยงนางงามสแตน ฟิลด์ส (วิลเลี่ยม แชทเนอร์) ถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ที่ลาส เวกัสในขณะที่เดินทางเยี่ยมเยือนพบปะสาธารณชน และทันใดนั้นเอง ลอว์เรนซ์พูดถึงเกรซี่ว่า “สัญชาติญาณทุกอย่างที่เธอมีอยู่ก็กลับเข้าสิงเธออีกครั้ง ทั้งในฐานะเพื่อนและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เธอรู้ว่าเธอจะต้องออกไปช่วยพวกเขาให้ได้”
ผู้บังคับบัญชาของเธอก็เกรงว่าทูตตัวแทนขององค์กรจะได้รับอันตราย จึงมอบหมายให้เกรซี่อยู่ในงานแถลงข่าวทั้งวันที่ลาส เวกัส และเมื่อพิจารณาประวัติความเอาแต่ใจตัวเองของเธอแล้วจึงส่งแซมไปประกบอีกทีหนึ่ง สำหรับแซมนี่เป็นโอกาสสร้างผลงานครั้งสำคัญเพราะฉะนั้นเธอจะไม่มีทางยอมให้เกรซี่บังคับใช้กฎหมายตามวิธีฟรีสไตล์ของเธอเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นคอลลินส์ (ทรีท วิลเลี่ยมส์) มุ่งหน้าไปสืบสวนคดีที่ลาส เวกัสเห็นด้วยกับแซม ถึงแม้ว่าคอลลินส์จะค่อนข้างสุภาพ เขาก็ต้องระมัดระวังเมื่อมีเจ้าหน้าที่ชื่อดังอยู่ในความรับผิดชอบของเขา ด้วยความมุ่งมั่นและการไม่ยอมแพ้ ทำให้เขาไม่ต้องการให้อะไรมาแทรกแซง หรือแย่ไปกว่านั้นเป็นไปได้ที่เกรซี่ ฮาทผู้โด่งดังอาจจะมาแย่งซีนเขาได้
คอลลินส์จึงมอบหมายผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เจ้าหน้าที่ ฟอร์แมน (เอ็นริเก้ เมอร์เซียโน) ผู้ซึ่งสุภาพ ตั้งใจและมีความสามารถ เป็นผู้ดูแลเจ้าหน้าที่ผู้มาเยือนโดยพาไปชมการแสดงและไปงานเลี้ยงต่างๆ เฝ้าพวกเขาไม่ให้คลาดสายตาและพาพวกเขาขึ้นเครื่องบินกลับนิวยอร์คทันทีที่เสร็จธุระ คอลลินส์ไม่ชอบขี้หน้าฟอร์แมนอยู่แล้ว ดังนั้นจะเป็นโอกาสดีที่จำกัดเขาทั้งสามคน
เกรซี่ไม่มีเจตนาที่จะแย่งซีนเขา เธอเพียงต้องการช่วยเพื่อนของเธอด้วยความสัตย์จริง แต่เมื่อคอลลินส์ไม่รับฟังความคิดของเธอ ไม่สนใจหลักฐานที่เธอค้นเจอและเธอยังเห็นว่ายังพยายามนำพาคดีไปทิศทางที่เธอคิดว่าไม่ถูกต้อง ที่แน่ๆมีสิ่งที่เดียวที่เธอทำได้ก็คือการไขคดีนี้ให้ได้และช่วยเหลือเพื่อนของเธอ
และไม่ควรมีใครหน้าไหนมาขัดขวางเธอ
การคัดเลือกนักแสดง: ตอนรับหน้าเก่าๆและบทใหม่ๆ
เอ็นริเก้ เมอร์เซียโน เข้าร่วมแก๊งค์กับแซนดร้า บูลล็อค และ เรจิน่า คิง ที่ลาสเวกัสโดยรับบทเป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีแต่ความหวังดีแต่ไม่ค่อยจะรู้ร้อนรู้หนาวสักเท่าไหร่ เมอร์เซียโนได้รับการเสนอขื่อเข้าชิงรางวัล Screen Actors Guild ปี 2002 จากการแสดงละครโทรทัศน์เรื่อง Without a Trace เขายอมรับว่า “บทเจฟ ฟอร์แมนคงเป็นบทที่น่ารักที่สุดที่เขาเคยได้รับ ผมมักจะได้รับบทที่ค่อนข้างโหดๆ แสดงเป็นคนที่สละชีวิตเพื่อชาติตอนจบ แต่เรื่องนี้กลับได้รับบทที่ตลกฮาๆ อ่อนโยนน่ารักมาก”
“คนที่มีหน้าตาแบบเอ็นริเก้ไม่ควรจะตลกได้ขนาดนั้น” แซนดร้าแกล้งพูดเล่น “พระเจ้าไม่มีทางลิขิตให้เขาเป็นแบบนั้นได้ ท่านจะประทานส่วนหนึ่งให้โดยที่เก็บส่วนหนึ่งเอาไว้ แต่ในกรณีของเอ็นริเก้ โฮ! พระเจ้าประทานให้หมดทุกอย่างเลย”
บูลล็อคอธิบายว่า เกรซี่นั้นให้ความสนใจฟอร์แมนเป็นพิเศษ “เกรซี่และแซมไม่เพียงได้หลอกใช้เขาอย่างเดียวแต่แถมยังเล่นเขาจนกันเหนื่อยไปข้าง เป็นเพราะว่าเธอเห็นศักยภาพในตัวเขาและต้องการจะช่วยเขาจริงๆ เขาทำให้เธอนึกถึงตัวเองสมัยก่อน ซึ่งมีความสามารถและความมั่นใจแต่นำออกมาใช้ไม่เป็น ซึ่งเธอก็รู้ว่าจะต้องพยายามดันเขานิดหนึ่งเพื่อที่เขาจะได้ค้นพบตัวเอง”
ผู้ที่กลับมารับบทเดิมเป็นโฆษกเวทีประกวดนางงามจากภาคแรก Miss Congeniality คือวิลเลี่ยม แชทเนอร์ ผู้ซึ่งเคยได้รับรางวัลเอมมี่ (Emmy Award) รางวัลโกลเด้น โกลบ (Goldern Globe Award) และ รางวัล แซทเทิร์น (Saturn Award) เขาสามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับตัวละครที่ขี้ขลาดไร้ความจริงใจได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว ในเรื่องราวครั้งนี้แสตนเข้ามามีบทบาทในฐานะตัวประกันซึ่งเขาก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เขารู้ตัวสักทีว่าความสามารถในการเอาตัวรอดที่เขาใช้ดำเนินชีวิตมาตลอดนั้นไม่มีประโยชน์เอาเสียเลยในเวลาขับขัน โจรเรียกค่าไถ่ไม่ประทับใจเท่าไหร่เมื่อเขาพยายามแสดงความสามารถในการแสดงละครเวทีต่างๆและปฏิเสธข้อเสนอที่เขาจะแสดงในวีดีโอเรียกค่าไถ่
“ฉันว่าคนอื่นไม่ตระหนักเลยว่าวิลเลี่ยม แชทเนอร์นั้นขำขนาดไหน” แซนดร้ากล่าวถึงวิลเลี่ยมซึ่งในกองถ่ายเธอตั้งชื่อเล่นให้เขาใหม่ว่า บับบา “เขาเป็นจอมเปิ่นเลยเวลาเขาอยู่กับพวกเรา เขาเล่นบทแสตนได้เนียนมาก ถึงแม้ว่าบทนี้อาจจะทำให้เข้าดูติ๊งต๊อง คนเก่งเท่านั้นที่จะเล่นบทนี้ได้ คนโง่แสดงเป็นคนโง่ไม่ได้หรอก”
เออร์นี่ ฮัดสัน กลับมาเล่นบทหัวหน้าแม็คโดนัล ผู้ซึ่งถูกกดดันจากคนตำแหน่งระดับสูงอีกที เขาเป็นคนที่หว่านล้อมให้เกรซี่ยอมรับชื่อเสียงและก้าวเข้าไปมีบทบาทต่อสาธารณชนในฐานะโฆษกประจำองค์กรเอฟบีไอ
ฮัดสัน ซึ่งอายุ 25 ปีผ่านประสบการณ์อันโชกโชนทั้งด้านละครเวที จอเงินและจอแก้ว เขาสามารถทำให้ลักษณะของตัวละครแม็คโดนัลออกมาได้เด่นชัด ทำให้เขาดูเจ้ากี้เจ้าการและหว่านล้อมเก่งในเวลาเดียวกัน เขาเป็นคนที่เข้าใจเกรซี่มากที่สุดเลยก็ว่าได้ เขาเป็นทั้งเจ้านาย ผู้สั่งสอน ที่ปรึกษา และเป็นเพื่อนด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาจะภูมิใจทุกครั้งถ้าเกรซี่ประสบความสำเร็จและทุกครั้งที่เกรซีที่ทำพลาดคุณจะเห็นเลยว่าเขาอยากจะเตือนเธอมากแค่ไหน เมื่อเกรซี่กับแซมเกือบทะเลาะกันยกใหญ่ก่อนการประชุมในโรงยิมเอฟบีไอ แม็คโดนัลนั่นเองที่เป็นคนสงบศึกระหว่างทั้งสอง
อีกคนที่กลับมารับบทเดิมก็คือเฮเธอร์ เบิร์นส แสดงเป็นเชอร์ริล เฟรเซอร์ผู้เปราะบาง ในเรื่อง Miss Congeniality หลังจากได้รับตำแหน่งนางงามเธอก็กลายเป็นเพื่อนซี้กับเกรซี่ “ผู้ชมเข้าถึงตัวละครอย่างเชอร์ริลได้” บูลล็อคกล่าวถึงภาพยนตร์ภาคแรก “เธอเป็นพวกม้ารองที่ใจดีและไม่เข้าข่ายตัวเก็งเลยแต่เธอก็กลับชนะการประกวดซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นคนที่คุณอยากให้ชนะจริงๆ คนที่มีอะไรคล้ายๆคุณ คนที่คุณเลียนแบบได้โดยที่ไม่เกินความเป็นจริง”
“เชอร์ริลเป็นตัวละครที่เหมาะกับเกรซี่เป็นอย่างมาก” เบิร์นสอธิบาย “เกรซี่นั่นทรหดและเฉลียวฉลาดส่วนเชอร์ริลนั้นก็ไร้เดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อ เธอมีทัศนะคติที่บวก เป็นผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่งซึ่งอาจจะไม่โดนเด่นเท่าไหร่แต่ฉันว่ามีความฉลาดซ่อนอยู่ซึ่งบางครั้งก็ทำให้คนงงได้เหมือนกัน”
“เฮเธอร์มีความสามารถในการแสดงบทตลกอย่างที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน” บูลล็อคกล่าวถึงเฮเธอร์
เธอทำงานร่วมกันกับเบิร์นมาแล้วเป็นครั้งที่สามหลังจากเรื่อง Miss Congeniality และ Two Weeks Notice “หลายครั้งที่คุณไม่รู้เลยว่าเธอกำลังปล่อยมุขอยู่จนเธอก็พูดอะไรออกมาบางอย่างหน้าตายจนคุณรู้ว่าเธอเพิ่งพูดสิ่งที่ขำมากๆออกมา”
นักแสดงอีกคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงบทตลกคือ ไดดริช เบเดอร์ เป็นที่รู้จักกันจากบทของจอมเปิ่นออสเวลด์ในละครโทรทัศน์ยอดฮิตเรื่อง The Drew Carey Show ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้เขาแสดงเป็นสไตล์ลิสชื่อโจเอลที่ทางการจัดมาให้เกรซี่ “ในการแสดงบทนี้เขาไม่เพียงแต่จะให้ความตลกอย่างไม่สิ้นสุด” บูลล็อคอธิบาย “แต่เขายังใส่ความเห็นอกเห็นใจเข้าไปด้วย”
(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ