(ต่อ1) สหมงคลฟิล์มภูมิใจเสนอ “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง”(Bite of Love)

ข่าวทั่วไป Monday December 19, 2005 15:46 —ThaiPR.net

เราก็ดีใจมากที่แกยอมเล่น และแกก็บอกว่าอ่านบทแล้วชอบมาก น้ำตาซึมเลย มีบางส่วนที่คล้ายกับชีวิตจริงของแกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความผูกผันกับเด็กขายพวงมาลัยที่สี่แยกพระราม 9 ซึ่งเหมือนกับเหตุการณ์ในเรื่องเลย แก เป็นนักแสดงทุ่มเทให้กับการแสดงอย่างมากค่ะ แกจะบอกว่าจะให้ทำอะไรก็บอก เต็มที่เลย ไม่ต้องเกรงใจ และที่สำคัญพี่ดาเป็นคนที่รักหมาด้วยค่ะ ที่บ้านก็จะมีหมาหลายตัว บทคุณนายสายป่านก็เป็นบทคนรักหมา สำหรับวันแรกที่ถ่ายกับพี่ดา แกก็สร้างความประทับใจให้กับผู้กำกับไว้เลยค่ะ คือเป็นฉากที่ต้องก้มลงไปเก็บลูกหมาออกมาจากใต้ท้องรถ ก็จะเป็นฉากตลกๆค่ะ เราก็บอกพี่ดาประมาณหนึ่ง คือจริงๆอยากได้มากกว่านั้นแต่เกรงใจแก แต่แกเสนอออกมาว่า เอางี้มั้ย แบบว่าพี่ดาจะมุดเข้าไปลึกๆ แล้วออกมาผมไปติดใต้ท้องรถ ออกมากระเซอะกระเซิงเลย เราก็ยิ้มเลยสิ อยากจะบอกว่าแบบนั้นแหละค่ะ ที่อยากได้ แต่พอเล่นจริงไม่ขำแล้วนะ โหดมาก เพราะว่าแกมุดเข้าไปหลายรอบมาก แล้วพื้นถนนตอนนั้นหน้าร้อนด้วย แถมยังเป็นเวลาบ่ายโมง แขนกับลำตัวแกจะต้องทาบกับพื้นซึ่งร้อนจี๋เลยค่ะ ออกมานี่แขนถลอกเลยค่ะ ทีมงานแบบว่าเกรงใจมาก ผู้ช่วยพี่หันมาบอกพี่ว่า พี่เทคเดียวเถอะ สงสารพี่ดา เราก็มาเช็คภาพกันที่มอนิเตอร์ คือภาพออกมาดีมาก แต่ตามธรรมเนียมนะคะ พี่ไม่เคยถ่ายอะไรเทคเดียว เพราะว่าอุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ พี่จะถ่ายสำรองไว้อีกเทคเสมอ ดังนั้นจึงต้องจำใจโหด ขอพี่ดาอีกหนึ่งเทค ซึ่งพี่ดาก็ใจดีมาก จัดให้ ก็เป็นการแสดงที่เยี่ยมมากค่ะ สปิริตดีมาก พี่ดีใจที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงตั้งใจทำงานแบบนี้ แล้วทุกคนที่พี่เจอในหนังเรื่องนี้ก็เป็นแบบนี้หมดเลยค่ะ
วิญญู จันทร์เจ้า
พอได้ชื่อว่า ถ้าเป็นยายของแจ๊คต้องเจ็บพอกัน เพราะบทยายเจือที่หาเลี้ยงแจ๊คเพียงลำพังด้วยการร้อยพวงมาลัย จะต้องมีบทที่ยายหลานต้องโต้ตอบกัน ต้องทันกัน ถ้าได้นักแสดงที่ไม่ถึงบทบาท จะดูไม่สมจริง ซึ่งการได้ป้าวิญญูมาถือว่าใช่เลย เพราะบทนี้ต้องการนักแสดงที่มีทักษะมาก ๆ แล้วป้าวิญญูเองตลอดชีวิตแกผ่านการบ่มเพาะความสามารถการแสดงมาอย่างแท้จริง เพราะถ้ายังจำกันได้สมัยการรายการรวมดาวสาวสยามไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นรายการวาไรตี้ที่ถ่ายทอดสด เพราะฉะนั้นความสามารถในการแสดง ลิเก หรือละครป้าวิญญูแก่เจ๋งๆ จริงๆ
นอกจากนี้ก็จะมีนักแสดงรับเชิญระดับฝีมือกันอีกหลายคนมาร่วมกันสร้างสีสันให้กับ “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง” ซึ่งกล่าวได้ว่าส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นเคยที่เคยร่วมงานกันในผลงานก่อนหน้า
อย่างพี่เปี๊ยก ดีเจสยาม นี่เป็น guest เจ้าประจำของหนังเราไปแล้ว เพราะแกเริ่มมาแจมเล่นสนุกๆ ตั้งแต่ เอ็กซ์แมน, เดอะสเปิร์ม มาจนถึง ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ซึ่งมีบทมากขึ้นอีกนิด แถมคราวนี้ไม่ตลกแล้ว ออกจะใจร้ายด้วยซ้ำ สันติ แต้พานิช และ ทวีวัฒน์ วันทารับบทเป็น “คนจับหมา”คุณสันตินี่ก่อนเข้าฉาก ต้องไปเวิร์กช็อพกับ เจ้าวิกกี้ หมาของคนจับหมาที่จะเดินทางไปด้วยตลอด เพื่อให้ทั้งสองสนิทสนมกัน สันติต้องมาเจอวิกกี้อยู่ 2-3 วัน แล้ววิกกี้เป็นหมาช่างจูบ แต่ปรากฏว่าตอนถ่ายวิกกี้ไม่จูบเลย สันติต้องลงทุนเอาอาหารหมาทาหน้าตัวเองก็แล้ว วิกกี้ก็ไม่จูบ สุดท้ายสันติต้องลงทุนจูบปากวิกกี้ก่อน เรียกว่าเป็นคนที่ช่างทุ่มเทให้การแสดงอย่างมาก ฟักกลิ้ง ฮีโร่ หรือ คุณณัฐวุฒิ ศรีหมอก รับบท “คนขายหมูปิ้ง”ส่วนตัวก็ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับฟักกลิ้งอยู่แล้ว เป็นแฟนเพลงของเขาด้วย เลยชวนมาเล่นเรื่อง “เดอะสเปิร์ม” คิดว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะชวนฟักกลิ้งมาเล่นหนังต่อ เพราะว่าเขาเล่นเก่งมากกว่าที่คิดไว้เยอะจะมีก็พิธีกรสาวเก่งอีกคนหนึ่งที่โดดเด่นทางหน้าจอทีวีที่ร่วมงานกันครั้งแรกกับผู้กำกับนั่นคือ พรหมพร ยูวะเวส
จริงๆ แล้วบท“เพื่อนคุณนายสายป่าน”ในหนังที่ต้องมาเล่นเป็นเพื่อนของ พี่ดา ดารุณี กฤตบุญญาลัย ยังไม่รู้ว่าจะให้ใครมาเล่น รู้แต่ว่าน่าจะเป็นไฮโซด้วยกันนี่แหละ คนธรรมดาเล่นบทไฮโซคงไม่มีทางเหมือน ก็ลองถามๆพี่ดาดู พี่ดาก็แนะนำว่าสนใจ เอิ๊ก มั้ย เราก็ชอบเอิ๊กอยู่แล้ว ตอนที่เขาเล่น ตะลุมพุก ก็ชอบมาก คิดว่าอยากจะร่วมงานกันสักเรื่องหนึ่ง พอติดต่อไปทางเอิ๊ก เอิ๊กก็ตอบตกลงทันทีค่ะ เอิ๊กก็เล่นได้เนียนมาก บทสนทนาที่เราเขียนไปเป็นเพียงไกด์แล้วเราก็ลองปรับเปลี่ยน ซ้อมกันดูจนกว่าจะเข้าที่แล้วถึงถ่ายค่ะ เอิ๊กก็เล่นเป็นเอิ๊กนี่ละค่ะ
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้การทำงานในภาพยนตร์เรื่อง“ข้าวเหนียวหมูปิ้ง”ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจ จนคาดว่าน่าจะกระทบใจความรู้สึกคนดูโดยเฉพาะคนที่มีความรักความผูกพันกับสุนัข นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานของภาพยนตร์ทุกคนล้วนต่างมีประสบการณ์แห่งความทรงจำร่วมพิเศษอยู่ที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต ทุกคนล้วนเคยมี “เพื่อนแท้ 4 ขา” กันมาแทบทั้งสิ้น
“นอกจากตัวผู้กำกับแล้วที่ชีวิตจริงผูกพันกับ ขาว ด่าง เป็นที่น่าประหลาดใจและสร้างเซอร์ไพรส์ที่ส่งผลที่ดีมากๆ ต่อตัวนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องข้าวเหนียวหมูปิ้ง นั่นคือ ไม่ว่าจะเป็นน้องเกรซเองที่ชีวิตจริงก็เคยมีความทรงจำกับหมาตัวหนึ่งที่ชื่อว่าไอ้เขียวที่เกรซเคยเจออยู่ที่สยามเกือบปี และทุกครั้งที่เจอก็ซื้อหมูปิ้งให้มัน หรืออย่างพี่ดา เองตลอดทั้งชีวิตเลี้ยงหมามาตลอด และเป็นคนรักหมามากมีความทรงจำผูกพันกับหมาเยอะมาก รวมไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สี่แยกพระรามเก้าเกี่ยวกับเด็กขายพวงมาลัยซึ่งในหนังเรื่องข้าวเหนียวหมูปิ้งพี่ดาจะเป็นคนที่รักสุนัขและก็จะมาเจอน้องเกรซและแจ๊คขายพวงมาลัยที่สี่แยกพระราม 9 ในขณะที่พี่แหม่มเองก็เคยมีประสบการณ์ที่ว่าลูกสาวอยากเลี้ยงสุนัขซึ่งคล้ายกับตัวละครข้าวเหนียว หรือแม้แต่นุ่นเองชีวิตจริงนุ่นก็รักสุนัขมากๆ เลี้ยงไว้ 2 ตัว เชื่อว่าความผูกพันเหล่านี้ทรงผลต่อผลลัพธ์ของการเกิดเป็นภาพยนตร์เรื่องข้าวเหนียวหมูปิ้ง ที่เชื่อว่าน่าจะกระทบความรู้สึกของทุกคนที่รักสุนัขและมีสุนัขเป็นเพื่อน”
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง” ทางสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนลวางโปรแกรมเข้าฉายในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2549 รับโปรแกรมวันเด็กที่จะถึงนี้ทุกโรงทั่วประเทศ
ประวัติผู้กำกับ “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
ศิวาภรณ์ พงษ์สุวรรณ
เริ่มต้นจากการเป็นนักดูหนัง ที่มีความใฝ่ฝันตั้งแต่อายุ 19-20ปีว่าสักวันจะเป็นผู้กำกับ เพื่อที่จะได้เล่าเรื่องหรือถ่ายทอดเรื่องราวที่ตัวเองอยากจะนำเสนอให้คนอื่นได้ดูกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตระเวนดูหนังที่เข้าฉายตามโรงปกติ ไปจนถึงหนังที่หาดูยากตามเทศกาลหรือจากศูนย์วัฒนธรรมหรือสมาคมต่าง ๆเช่น เกอเธ่, ศูนย์วัฒนธรรมญี่ปุ่น, สมาคมฝรั่งเศส, บริติชเคาน์ซิล, เอยูเอ, โรงหนังอลังการ หอภาพยนตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของนักดูหนังตัวยงที่ปัจจุบันเพื่อนนักดูหนังตามสถาบันหลายคนกลายมาเป็นผู้กำกับหรือนักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน อาทิ มโนธรรม เทียมเทียบรัตน์, สิทธิรักษ์ ตุลาพิทักษ์, นรา, ธันว์ บำรุงสุข, บก.นิตยสารBIOSCOPEอย่าง สุภาพ หริมฯ บ้างก็กลายมาเป็นผุ้กำกับภาพยนตร์ อาทิ ดุลยสิทธิ์ นิยมกุล, สมเกียรติ วิทุรานิช ตลอดหนึ่งสัปดาห์ก็จะตระเวนดูตามสถาบันเหล่านี้ทุกเย็น พอหนังจบก็มีพูดคุยกันเรื่องหนังบ้าง โดยผู้กำกับในดวงใจอย่าง ฟรังซัว ทรุฟโฟต์, ลีโอ การากซ์ ,ไฉ้หมิงเหลียง, ตู้ฉีฟ่ง
หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสเข้ามาจับงานที่เข้าใกล้ฝันของตัวเองมากขึ้น โดยเริ่มจากการเข้ามาเป็น 1 ในทีมเขียนบทภาพยนตร์รุ่นแรกของอาร์เอสฟิล์มเมื่อทศวรรษที่แล้ว ตั้งแต่ “โลกทั้งใบ...ให้นายคนเดียว”, “ เด็กระเบิด ยืดแล้วยึด” จนกระทั่งได้รู้จักประไพพรรณ เหล่ายนตร์ บก.นิตยสารภาพยนตร์ชื่อดังอย่างซีเนแม็ก จนได้มีโอกาสเป็นนักเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์อยู่ในกองบรรณาธิการนิตยสารซีเนแม็ก รับผิดชอบเกี่ยวกับสกู๊ปหนังไทย ทำให้ได้รู้จักกับคนในวงการหนังไทยหลายคนเพิ่มมากขึ้น และที่นี่เองที่ทำให้ ศิวาภรณ์ พงษ์สุวรรณได้เริ่มต้นกลายเป็นคนทำหนังอาชีพ(Filmmaker) เมื่อนิตยสาร ซีเนแม็ก ได้จัดประกวดบทหนังสั้นขึ้น จนเป็นที่มาของการเริ่มต้นงานในตำแหน่งโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ไทยเมื่อบทหนังเรื่อง “สยิว” ที่ คงเดช จาตุรันต์รัศมี และเกียรติ ศงสนันท์โดนใจประไพพรรณสนใจที่จะซื้อเรื่องมาทำเป็นหนังยาว แต่ยังไม่รู้ว่าจะให้ใครกำกับจึง มอบหมายให้ศิวาภรณ์พัฒนาต่อ จึงได้จับมือกับคงเดช และ เกียรติ (ผู้กำกับ สยิว) ถึงแนวทางและไอเดียที่น่าสนใจในการปลุกปั้นโปรเจ็กต์ “สยิว” ให้เป็นหนังใหญ่ขึ้นมา ก่อนที่ในท้ายที่สุดจะเข้าจะเข้าตาปรัชญา ปิ่นแก้ว และเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐประธานบริษัทสหมงคลฟิล์มและกลายเป็นภาพยนตร์ขึ้นมา หลังจากนั้นเส้นทางการเป็นนักทำหนังอาชีพของศิวาภรณ์ในฐานะโปรดิวเซอร์เริ่มต้นขึ้นอย่างต่อเนื่องไปพร้อมกับอีกหนึ่งทางเลือกของภาพยนตร์ไทยในอีกแง่มุมหนึ่งที่กล่าวได้ว่าแตกต่างจากภาพยนตร์ไทยที่ถูกสร้างในขณะนั้น และเกิดของผู้กำกับหน้าใหม่อย่างธนกร พงษ์สุวรรณในภาพยนตร์ที่สะท้อนเรื่องราวของคนเมืองอย่าง “เฟก..โกหกทั้งเพ”, “เอ็กซ์แมน...แฟนพันธุ์เอ็กซ์”, ตามมาด้วยผลงานการกำกับครั้งที่ 2 ของคงเดช จาตุรันต์รัศมีอย่าง”เฉิ่ม” รวมไปถึงภาพยตร์ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการทำโพสต์โปรดักชั่นจากการเขียนบทของเกียรติ ศงสนันท์ที่ได้ทวีวัฒน์ วันทาผู้กำกับเจ้าของรางวัลหนังสั้นอย่างขุนกระบี่กับการกำกับหนังใหญ่เรื่องที่ 2 ในชีวิตอย่าง“เดอะสเปิร์ม”
และในปีพ.ศ. 2548 ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของศิวาภรณ์ พงษ์สุวรรณที่ถ่ายทอดจากบางส่วนในชีวิตจริงเกี่ยวกับความผูกผันระหว่างเจ้าหมาน้อยและสุนัขจึงได้เกิดขึ้นในโปรเจ็คต์ที่มีชื่อน่ากินว่า “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
ประวัติน้องเกรซ
ด.ญ. นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ
หลายคนรู้จักในฐานะของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้อำนวยการสร้างที่คร่ำหวอดและมีส่วนสำคัญกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยมากที่สุดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะประธานบริษัทสหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล และนายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ
แต่ถ้าในฐานะนักแสดง เกรซ แจ้งเกิดจากผลงานภาพยนตร์ที่ทำรายได้ 50 ล้านบาทเมื่อต้นปี 48 อย่าง “เอ๋อเหรอ” ที่เชื่อว่าคอหนังไทยอาจคุ้นเคยเป็นอย่างดีจากบทบาท “ลูกแก้ว” เด็กผู้หญิงที่แก่นแก้วไม่ต่างจากเด็กผู้ชายซึ่งมีเพื่อนสนิทเป็นเด็กพิเศษอย่าง ต๋อง ที่ร่วมเดินทางผจญภัยไปด้วยกันจากผลงานของพจน์ อานนท์
น้องเกรซเป็นเด็กผู้หญิงวัย 9 ขวบที่มีความพิเศษหลายอย่างอยู่ในตัว อาทิสามารถทำลิ้นสามแฉก(ลิ้นห่อหมก) ,ลิ้นสองแฉก,ยกขาพาดคอ ชอบร้องเพลงและเต้นเก่ง (ถ้ายังจำกันได้ว่าเกรซเองเคยโชว์เสียงมาแล้วจากเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องเอ๋อเหรอนั่นเอง)
หลายคนที่ได้คลุกคลีหรือรู้จักน้องเกรซ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเกรซคือ “เด็กมหัศจรรย์สุดไฮเปอร์” ที่อารมณ์ดี ขี้เล่น อยู่เฉยไม่เป็น ฉลาด ช่างคิดเกินเด็กธรรมดา มีความรับผิดชอบสูงรักการแสดง พอๆ กับรักเรียนและชอบไปวัดไปมาหมดแล้วทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะวัดจากอยุธยา
ชื่อนวรัตน์ มีความหมายคือ แก้ว 9 ประการ เกิดวันที่ 9 เดือน 9 (กันยายน) ปี2539 ตอน 9โมง 39 นาทีที่โรงพยาบาลพระราม9 ห้องคลอดเบอร์ 9 พร้อมน้ำหนัก 3.69 กิโลกรัม ว่ากันว่าเกรซเกิดมา พร้อมกับเลขประจำตัวคือเลข 9 ปีนี้เกรซอายุ 9 ขวบแล้ว ปัจจุบันเกรซเรียนอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติRIS(ร่วมฤดี อินเตอร์เนชั่นแนล สคูล) เกรด4 เทียบได้กับชั้น ป.4
“เด็กมหัศจรรย์” น่าจะเป็นคำจำกัดความของเกรซได้เป็นอย่างดีเมื่อตอน 2 ขวบเคยถ่ายโฆษณาปลาทับทิมของบ.ซีพี เกรซเป็นเด็กผู้หญิงที่หลายคนคิดว่าเป็นเด็กผู้ชาย อาจจะเป็นเพราะอุปนิสัย ท่าทาง โดยเฉพาะทรงผม ซึ่งมีที่มา ก่อนหน้านี้ผมของเกรซยาวสลวยเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่เป็นเพราะการที่ตัวเกรซเองมีโรคประจำตัวคือเป็นโรคภูมิแพ้ ชนิดไม่ธรรมดา ตั้งแต่แพ้อากาศ ,น้ำยาซักผ้า,ดอกไม้,ขนสัตว์,ขนพรม,ฝุ่น,อากาศร้อน,น้ำยาโกรกผม,น้ำยาไฮไลท์ , สบู่,แชมพู ถึงขนาดที่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่แพ้แชมพู จนทำให้เกรซเองต้องสกินเฮด มาแล้ว เพราะผมร่วงเป็นกระจุกๆ จนทำให้หลายคนคิดว่าเกรซเป็นเด็กผู้ชาย หลังจากนั้นเป็นต้นมาเกรซก็เลยไว้ผมสั้นมาตลอดและที่สำคัญ กิจกรรมส่วนใหญ่ที่เกรซชอบเล่นก็ดันเป็นพวกเกมต่อสู้ เกมยิง หรือไม่ก็เล่นปืน โดยเฉพาะฟุตบอลที่เป็นกีฬาสุดโปรด โดยตำแหน่งแรกที่เล่นคือ ผู้รักษาประตู หรือโกล์ แต่หลังๆ โดนคำสั่งห้ามเล่นโดยเด็ดขาดแล้วเพราะไม่งั้นกระดูกขาของเกรซต้องงอกปูด ๆ จนเท้าเสียทรงอย่างแน่นอน รวมไปถึงการแพ้นมวัว จึงต้องหันไปดื่มนมถั่วเหลือง และนมถั่วเหลืองนี่เองที่ทำให้น้องเกรซกลายเป็นเด็กไฮเปอร์ในสายตาของใครอีกหลายคน เนื่องจากปกติแล้วเด็กไทยจะไม่มีเอนไซม์ในการย่อยโปรตีนจากนมถั่วเหลืองเท่าที่ควร ซึ่งมีอยู่ปริมาณสูง ทำให้การเผาผลาญแคลลอรี่ในร่างกายมันจะทำไม่ทัน ความร้อนในตัวก็จะเกิดตัวขึ้น ก่อให้เป็นพลังทำให้เด็กอยู่ไม่สุข นั่งนิ่งไม่เป็น คิดโน้น ทำนี่ตลอดเวลา
ตอนนี้เกรซใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนหนังสือและการถ่ายภาพยนตร์หลังจากปิดกล้อง “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง” แล้ว เกรซยังมีผลงานการแสดงอีกใน “ไฉไล” ตามด้วย “POWER KIDS” , “นเรศวร” และ “ส้มตำ” โดยที่จะเลือกถ่ายหนังเฉพาะวันเสาร์และอาทิตย์เท่านั้น
ใครเป็นใครใน “ข้าวเหนียวหมูปิ้ง
ข้าวเหนียว น้องเกรซ ด.ญ. นวรัตน์ เตชะรัตนประเสริฐ
เด็กหญิงหน้าตาน่ารักวัย 8 ขวบ อารมณ์ดี ขี้เล่น ถูกแม่นำมาฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านญาติ ถึงแม้ว่าจะน้อยใจแม่ แต่ข้าวเหนียวก็ไม่เคยทำตัวมีปัญหา ถึงแม้จะสนิทกับน้าเล็กที่สุด แต่ก็คงไม่มีสิ่งใดแทนความเหงาและว้าเหว่ที่เกิดขึ้นในความรู้สึกได้ จนกระทั่งข้าวเหนียว ได้เจอกับ “หมูปิ้ง” หมาน้อยที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังเช่นกัน มิตรภาพที่สวยงามระหว่าง ข้าวเหนียวกับหมูปิ้งจึงเริ่มต้นขึ้น โดยที่ข้าวเหนียวเองตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูหมูปิ้งเป็นอย่างดีไม่ให้เหมือนกับที่คนอื่นเลี้ยงดูเธอแบบทิ้งขว้าง
น้าเล็ก รับบทโดยกาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ
น้าเล็ก สาววัย 30 ต้น เป็นสาวขายตรง และขายสินค้าให้กับคนรู้จักในย่านละแวกบ้าน ว่างๆ ชอบเล่นไพ่ ซื้อล็อตเตอรี่ เป็นคนสนุกสนาน ปากร้ายใจดี ตลก ชอบพูดอะไรขำขำ แต่บางทีคนอื่นเขาก็ไม่ขำด้วย ลึกๆเป็นคนจิตใจดีแต่ด้วยความที่เป็นคนช่างพูดเล่น ทำให้คาดไม่ถึงว่าคนอื่นจะคิดเป็นจริงเป็นจัง
คุณนายสายป่าน รับบทโดย ดารุณี กฤตบุญญาลัย
คุณนายสายป่าน เป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วม หน้าตาและท่าทางใจดี เป็นคนรักสุนัขมาก และเลี้ยงไว้หลายตัว โดยมีอเล็กซ์เป็นสุนัขตัวโปรดของคุณนาย
บี รับบทโดย สินิทธา บุณยศักดิ์
บี เป็นหญิงสาววัย 26 ปี เป็นผู้หญิงสวย หน้าตาดี แต่มีความอ่อนไหวและเปราะบางทางอารมณ์ จากวัยของข้าวเหนียว ซึ่งอายุ 8 ขวบ ทำให้คาดเดาได้ว่า บีน่าจะมีลูกตั้งแต่ยังสาวมาก และด้วยความที่เธอยังสวยและสาว ทำให้เดาได้ไม่ยากว่า หลังจากที่นำข้าวเหนียวมาฝากไว้กับบ้านญาติแล้ว บีน่าจะมีครอบครัวใหม่หรือแฟนใหม่ได้ทันที
เขาดิน รับบทโดย เฉลิมพล ฑิฆัมพรวีรวงศ์ ( แจ็ก แฟนฉัน )
เขาดิน เด็กชายวัย 14 ปี ปากเสีย ขี้เล่น แต่จิตใจดี ขายพวงมาลัยหาเลี้ยงยายและตัวเองอยู่ที่สี่แยกพระรามเก้า เอ็นดูและรักข้าวเหนียวเหมือนน้องสาวแม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกันก็ตาม
ป้าเกดรับบทโดยเนาวรัตน์ซื่อสัตย์
ป้าของข้าวเหนียว มีลูกสาว 1 คน ท่าทางดุๆ ดูแสบๆ ปากร้ายนิดๆ ชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย แต่ลึกๆแล้วไม่มีได้ร้ายขนาดนั้น
ยายเจือ รับบทโดย วิญญู จันทร์เจ้า
ยายเจือ เลี้ยงดูเขาดินมาตามลำพัง หาเลี้ยงชีพด้วยการร้อยพวงมาลัยแล้วให้เขาดินเดินขายอยู่ที่สี่แยกพระรามเก้า ยายเจือก็ใจดีเหมือนยายทั่วไป ไม่รังเกียจที่ข้าวเหนียวมาอยู่บ้านด้วย
ยายอุ่น รับบทโดย มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา
ยายอุ่น เป็นแม่ของน้าเล็กและป้าจันทร์ เป็นยายดุๆ ในบ้าน แต่ก็รักลูกรักหลาน น่าเสียดายที่ยายแพ้ขนหมา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ