ครั้งแรกแห่งการเฉือนบทบาทที่ผู้ชมชาวไทยต้องตื่นตะลึงระหว่างซูเปอร์สตาร์แห่งฮอลลีวู้ด “นิโคลัส เคจ” และการขึ้นจอแห่งความภูมิใจของนักแสดงไทย

ข่าวบันเทิง Tuesday July 29, 2008 09:27 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ก.ค.--สหมงคลฟิล์ม
ครั้งแรกแห่งการเฉือนบทบาทที่ผู้ชมชาวไทยต้องตื่นตะลึงระหว่างซูเปอร์สตาร์แห่งฮอลลีวู้ด
นิโคลัส เคจ” และการขึ้นจอแห่งความภูมิใจของนักแสดงไทย
ชาคริต แย้มนาม” และ “เป้ย ปานวาด
ร่วมด้วยนักแสดงสาวเจ้าฝีมือของฮ่องกง “หยางไฉ่หนี” จาก New Police Story
เรื่อย่อ
ชีวิตของนักฆ่านิรนามคนหนึ่งถึงทางแยกเมื่อเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ประเทศไทย โจ (นิโคลัส เคจ) มือปืนเลือดเย็นจากอเมริกาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อกำจัดเป้าหมาย 4 รายตามใบสั่งของ สุราช มาเฟียไทยสุดเหี้ยม เขาจ้าง ก้อง (ชาคริต แย้มนาม) นักเลงข้างถนนมาเป็นเด็กส่งสารและช่วยปกปิดตัวตนที่แท้จริง โดยวางแผนฆ่าก้องหลังจากเสร็จงาน แต่น่าแปลกที่มือปืนรักสันโดษอย่างโจจะยอมเป็นอาจารย์สอนวิชาการฆ่าให้ก้อง และเปิดใจหลงรักสาวใบ้แสนสวยชาวไทยชื่อ ฝน (หยางไฉ่หนี) เมื่อโจถลำลึกสู่โลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยแสงสีของกรุงเทพฯ เขาก็เริ่มตั้งคำถามกับชีวิตอันโดดเดี่ยวของตัวเอง และเริ่มทลายกำแพงที่ก่อไว้ลง ทว่ามันเป็นเวลาเดียวกับที่สุราชเตรียมจะเก็บเขาเพื่อปิดปาก
รีเมคจากภาพยนตร์แอคชั่นพันธุ์ไทย Bangkok Dangerous “เพชฌฆาตเงียบ อันตราย”
ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านคำวิจารณ์และรายได้
Bangkok Dangerous เปิดฉากขึ้นที่ภาพรถตู้สีดำวิ่งอยู่บนถนนกลางกรุงปรากโดยมีรถตำรวจขนาบข้างคอยคุ้มกัน ภายในนั้นคืออดีตมาเฟียรัสเซียที่กลายเป็นสายลับของตำรวจ จากหอคอยระฆังในโบสถ์แห่งหนึ่ง มือปืนนิรนามชื่อโจ (นิโคลัส เคจ) กำลังจับตามองเหยื่อในขบวนรถผ่านทางช่องเล็งเป้า เมื่อระฆังบนหอคอยดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกเวลา โจก็ลั่นกระสุน 2 นัด เป้าหมายของเขาตายคาที่ โจกลืนหายไปกับฝูงชนชาวเชคบนท้องถนน เขากำจัดอาวุธก่อน จากนั้นก็ผู้ช่วย แล้วจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
โจคือมือปืนรับจากที่โหดเหี้ยม เลือดเย็น และทำงานมีประสิทธิภาพ เป้าหมายต่อไปของเขาอยู่ที่กรุงเทพฯ เมืองแห่งแสงสีและความรุนแรง เขาถูกว่าจ้างโดยมาเฟียใจโหดชาวไทยชื่อ สุราช เพื่อเก็บเป้าหมาย 4 ราย แต่สิ่งแรกที่เขาต้องทำคือหาคนมาคอยช่วยปกปิดตัวตนที่แท้จริง หรือผู้ช่วยที่คอยรับหน้าแทน โดยต้องเป็นคนที่เขากำจัดทิ้งได้เมื่อเสร็จงาน แล้วเขาก็จ้าง ก้อง (ชาคริต แย้มนาม)นักเลงที่ชอบดูหนังแอ๊คชั่นเป็นชีวิตจิตใจมาเป็นเด็กส่งสารให้
หน้าที่แรกของก้องคือไปรับคำสั่งการฆ่าจากสุราช ซึ่งอยู่ในกระเป๋าใส่เอกสารโลหะที่ล็อคอย่างแน่นหนา คนที่ทำหน้าที่ส่งกระเป๋าให้ก้องคือ อ้อม (ปานวาด เหมมณี) นกต่อนักเต้นสุดเซ็กซี่ของสุราช ก้องตกหลุมรักอ้อมทันที และนำของที่ขโมยมาได้มาให้เธอทุกครั้ง แต่ปฏิกิริยาตอบกลับมาของอ้อมมีเพียงการยิ้มเยาะเท่านั้น
บนถนนอันวุ่นวายของกรุงเทพฯ โจลอบสังหารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตามแผนอันแยบยลจนสำเร็จ แต่เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยขณะหนีออกมา เมื่อเข้าไปซื้อผ้าพันแผลที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง เขาก็ได้พบกับเภสัชกรสาวใบ้แสนสวยขี้อายชื่อ ฝน (หยางไฉ่หนี) และตกหลุมรักเธอทันที ฝนเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์มาก เธอพาโจไปที่บ้าน ไปหาย่า แล้วความรักระหว่างโจกับฝนก็ผลิบาน ซึ่งโจรู้สึกแปลกใจตัวเองมาก
เมื่อก้องไปรับใบสั่งงานครั้งต่อไปให้โจ เขาได้ถูกอันธพาลแถวนั้นทำร้าย พวกนั้นทุบกระเป๋าจนพัง ทำให้ก้องรู้ว่าแท้จริงแล้วโจทำอาชีพอะไร ก้องกลับมาพร้อมความยำเกรงนายจ้าง และขอให้โจสอนวิธีต่อสู้ให้ สัญชาติญาณบอกให้โจฆ่าก้องปิดปาก แต่บางอย่างในตัวก้องทำให้เขาทำไม่ลง และยอมรับก้องเป็นลูกศิษย์
เมื่อต้องฝึกก้องอย่างเคร่งครัดทั้งทางร่างกายและจิตใจ โจก็ค่อยๆปล่อยให้ก้องเข้ามาใกล้ชิดตัวเขามากกว่าคนอื่น เขายอมแม้กระทั่งให้ก้องตามติดการปฏิบัติงานของเขา เป้าหมายที่สองของโจคือมาเฟียโหดคู่แข่งของสุราช โจทำให้การฆาตกรรมดูเหมือนอุบัติเหตุโดยจัดฉากให้เหมือนกับเหยื่อจมน้ำตายในสระว่ายน้ำโรงแรม การตามล่าเป้าหมายรายที่สามเหนือความคาดหมายเล็กน้อย เพราะเหยื่อทำให้มือปืนทั้งคู่ต้องเล่นเกมไล่ล่าด้วยความเร็วสูง ทั้งบนเรือไม้และมอเตอร์ไซค์ ผ่านตลาดน้ำดำเนินสะดวกอันเลื่องชื่อของประเทศไทย
เมื่อเรียนรู้วิชาจากโจอย่างต่อเนื่อง ก้องก็มีความมั่นใจมากขึ้น ขณะเดียวกันความรักระหว่างเขากับอ้อมก็ก้าวหน้า ทั้งคู่ใช้งานเป็นข้ออ้างเพื่อนัดพบกัน จนความสัมพันธ์ลึกซึ้ง คู่ของโจและฝนก็เช่นกัน โจใช้เวลาอย่งอิสระมากขึ้น แต่ไม่นานก็ถูกปลุกจากฝันหวาน เมื่อทั้งคู่ถูกโจรจู่โจม และโจฆ่าพวกมันตายในแทบจะทันที เมื่อฝนเห็นตัวจริงของเขา เธอก็กลัวมากและปฏิเสธที่จะพบเขาอีก
โจผิดหวังและเสียใจมากที่ถูกฝนปฏิเสธ เขาไม่ยอมพบหน้าใครแม้กระทั่งก้อง และกลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานเหมือนเดิม โดยวางแผนจะปฏิบัติภารกิจให้เสร็จแล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนที่เคยเป็นมา เขานัดก้องมาพบหลังจากจัดการเหยื่อรายสุดท้ายสำเร็จ โดยสัญญากับก้องว่าจะพาเขาไปด้วยกัน แต่ความจริงแล้วเขาวางแผนจะฆ่าก้องต่างหาก
เมื่อเป้าหมายรายสุดท้ายเป็นฮีโร่ของคนไทย และต้องฆ่าเขาในที่สาธารณะ โจก็เรียกร้องเงินเพิ่มขึ้นจากมาเฟียนายจ้าง จนสุราชเริ่มคิดว่าเขาเป็นภาระ จึงใช้อ้อมเป็นตัวล่อให้ก้องมาที่รังโจรแล้วขู่ว่าจะฆ่าเธอทิ้งถ้าก้องไม่ยอมบอกความจริงว่าโจเป็นใคร อยู่ที่ไหน
ขณะปฏิบัติภารกิจสุดท้าย โจสังเกตเห็นแววตาเปี่ยมความหวังของผู้คนบนท้องถนน แล้วภาพเหยื่อจำนวนนับไม่ถ้วนของเขาก็ปรากฏขึ้นในใจ รวมถึงภาพของฝนตอนที่ได้รู้ว่าเขาเป็นใคร และปีศาจในตัวเขา เมื่อนึกย้อนถึงวันแรกที่ฆ่าคน โจก็ไม่อาจเหนี่ยวไกได้ และเมื่อเขาลังเล ตำรวจก็สังเกตเห็นกระบอกปืนของเขา และระดมกระสุนใส่เขาทันที
โจหนีรอดมาได้ แต่ก็พบว่าตัวเองถูกทั้งตำรวจและสุราชตามล่า แต่ก่อนตัดสินใจหลบหนีออกจากกรุงเทพฯ เขาก็สำนึกได้ว่ามีภารกิจที่สำคัญกว่าต้องทำ นั่นก็คือ การช่วยชีวิตก้องและอ้อม และโค่นล้มสุราช แม้ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองก็ตาม
BANGKOK DANGEROUS
ไม่มีใครรู้ว่าผมคือใคร ไม่มีใครรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน
- โจ
ย้อนไปเมื่อปี 2005 ขณะที่วิลเลี่ยม ชีรัค (William Sherak) กับ เจสัน ชูแมน (Jason Shuman) คู่หูผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์กำลังเตรียมตัวจะร่วมงานกับอ๊อกไซด์ และ แดนนี่ แปง (Oxide and Danny Pang) นักสร้างภาพยนตร์ชาวฮ่องกง (Hong Kong) สร้างภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องแรกของคู่แฝดเรื่อง The Messengers คนเห็นโคตรผี นั่นเอง ที่พวกเขาตัดสินใจหยิบผลงานเรื่องก่อน ๆ ของดาวรุ่งฝาแฝดมาดูกัน แล้วก็ต้องอึ้งในความสามารถ
ภาพยนตร์เรื่องที่ทั้งชีรัคและชูแมนสนใจเป็นพิเศษคือ Bangkok Dangerous เพชฌฆาตเงียบ อันตราย ซึ่งต้นฉบับเป็นภาษาไทย ผลงานลุ้นระทึกที่ตีแผ่ด้านมืดและสร้างความประหลาดใจได้ตลอดทั้งเรื่อง ว่าด้วยมือปืนรับจ้างที่ทั้งหูหนวกและเป็นใบ้กับผู้ช่วยมือใหม่ของเขา ซึ่งออกฉายตั้งแต่ปี 1999 และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เชิงบวกอย่างกว้างขวางเมื่อออกฉายในต่างประเทศ อีกทั้งยังร่วมฉายตามเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมากมาย และคว้ารางวัล International Critics Award (FIPRESCI) ที่ Toronto International Film Festival เมื่อปี 2000 ด้วย
ชีรัคเล่าว่า เขากับคู่หูรู้ทันทีเลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะได้ถูกถ่ายทอดใหม่โดยสร้างเป็นผลงานภาษาอังกฤษได้อย่างเฉียบคม “เราคลั่งไคล้ Bangkok Dangerous เพชฌฆาตเงียบ อันตราย กันมากเลยนะ แล้วยิ่งเมื่อสนิทกับฝาแฝดแปงด้วยแล้ว เจสันกับผมก็เลยบอกพวกเขาว่า เราคิดว่าเรื่องราวของหนังน่าสนใจมากจนอยากจะนำมาสร้างใหม่เป็นหนังพูดอังกฤษน่ะ”
สองพี่น้องแปงเองก็สนใจเช่นกัน ฝาแฝดเหมือนที่เกิดในฮ่องกง (Hong Kong) คู่นี้เคยสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง รวมทั้ง The Eye คนเห็นผี ผลงานระทึกขวัญวิญญาณสยองที่เพิ่งสร้างใหม่เป็นฉบับภาษาอังกฤษและนำแสดงโดยเจสสิก้า อัลบ้า (Jessica Alba) และอำนวยการสร้างภาพยนตร์โดยทอม ครู้ซ (Tom Cruise)
แต่ครั้งนี้ พี่น้องแปงรับข้อเสนอที่หาได้ยากยิ่ง นั่นคือ โอกาสที่จะได้สร้างผลงานของตัวเองขึ้นมาใหม่ “เราคิดว่ามันเป็นงานที่ท้าทายความสามารถของพวกเราอย่างน่าสนใจยิ่งนัก เพราะจะต้องปรับให้แนวคิดของพวกเราทันสมัยขึ้น หลังจากที่สร้างผลงานต้นฉบับไว้นานกว่า 6 ปีแล้ว” อ๊อกไซด์ แปง (Oxide Pang) กล่าว “เราจะต้องนำเอาแนวคิดเดิม, โครงเรื่องเดิม, มารับปรับแต่งให้เหมาะสม และสอดแทรกเรื่องราวที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมที่กว้างขึ้น”
ชีรัคกับชูแมนยังดึงเจสัน ริชแมน (Jason Richman) เข้ามาช่วยปรับเกลาบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ริชแมนเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่มีผลงานดัง ๆ อย่าง Bad Company คู่เดือด แสบเกินพิกัด ภาพยนตร์ตลกร้ายกาจปนแอ็คชั่นสุดระห่ำที่นำแสดงโดยคริส ร็อค (Chris Rock) กับแอนโธนี่ ฮ็อพกิ้น (Anthony Hopkins) นอกจากจะปรับเรื่องราวให้ร่วมสมัยแล้ว ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ทั้งสองคนยังอยากให้ริชแมนสะท้อนภาพของวัฒนธรรมไทยอย่างตรงไปตรงมา จึงส่งเขามาศึกษาวิถีชีวิตของผู้คนและบ้านเมืองในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งได้รับประสบการณ์ตรง
“เรามาขลุกอยู่ในประเทศไทย (Thailand) เพื่อทำการบ้านกันราว ๆ หนึ่งสัปดาห์” ริชแมนเล่า “ตอนอยู่ที่นั่น รายละเอียดต่าง ๆ ที่จะใส่ไว้ในบทหนังเรื่องนี้ก็มีแยะมาก ใช้เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับหนังเรื่องก่อน ๆ ผมคิดว่าการที่ผมได้ไปพบปะผู้คน และเที่ยวชมเมืองแบบเจาะลึกกว่าที่นักท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไปจะได้เห็น ซึ่งนั่นให้แรงบันดาลใจกับผมเกินกว่าที่คาดแยะทีเดียว”
“การไปศึกษาสถานที่จริงช่วยเปิดโลกทัศน์ของผม ทำให้ได้สัมผัสความงดงามของคนไทยและวัฒนธรรมที่อัดแน่นอยู่เต็มแผ่นดินไทย (Thailand) การผสมผสานความงามตามธรรมชาติของประเทศอันแสนสงบสุข เข้ากับ บทบาทบู๊สุดระห่ำของมือปืนรับจ้าง เป็นการทำงานที่ผมประทับใจมาก"เขากล่าว
ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ทั้งคู่ก็ปลื้มกับบทภาพยนตร์เป็นอย่างยิ่ง “เรื่อวราวง่าย ๆ แต่บอกเล่าได้อย่างยอดเยี่ยม” ชีรัคกล่าว “ทุกวันนี้เราเห็นแต่หนังที่พยายามทำตัวให้ซับซ้อนสับสนจนขาดความใส่ใจในตัวละครอย่างเห็นได้ชัด เจสันเขียนบทให้เข้าใจง่าย ติดตามไปเรื่อย ๆ และเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ศึกาตัวละครที่น่าสนใจเหล่านี้ ลึกซึ้งลงไปถึงวิถีชีวิตของพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้นไปจนกระทั้งเรื่องราวทั้งหมดจบลงนั่นเลย”
พี่น้องฝาแฝดแปง (The Pang Brothers) ก็ประทับใจกับการปรับแต่งบทภาพยนตร์จากผลงานต้นฉบับของพวกเขาเป็นอย่างมาก “ผมเคยได้ยินว่า บทหนังฮอลลีวู้ด (Hollywood) มักจะใช้ผู้เขียนบทหลาย ๆ คนมาร่วมงานกัน” แดนนี่กล่าว “เจสันฉายเดี่ยวตั้งแต่บทร่างฉบับแรกจนถึงบทฉบับสุดท้ายที่ขัดเกลาเรียบร้อย ซึ่งเราอ่านแล้วก็พบว่า มันคงความสมบูรณ์ของต้นฉบับไว้ได้อย่างน่าทึ่งมากครับ”
ตั้งแต่เริ่มคิดสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วที่ทั้ง ริชแมน, ชีรัค, และชูแมนมั่นใจเหลือเกินว่า จะมีนักแสดงหนุ่มใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะกับบทโจเป็นที่สุด “เราต่างก็มองว่านิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) จะมาเป็น โจ (Joe) ตลอดกระบวนการขัดเกลาบทหนังเรื่องนี้” ชีรัคเล่า “โจไม่ค่อยมีบทพูดมากนัก เราจึงจำเป็นต้องได้นักแสดงที่มีพลังและกร้านโลกมาถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครอย่างครบถ้วน นิคจึงเป็นเหมาะกับบทนี้เป็นที่สุด”
เคจชื่นชอบภาพยนตร์เอเชีย (Asian cinema) และเคยร่วมงานกับจอห์น วู (John Woo) เจ้าพ่อหนังแอ็คชั่นฮ่องกง (Hong Kong) ใน Face/Off สลับหน้า ล่าล้างโลก ก็ชื่นชมภาพยนตร์หลาย ๆ เรื่องของฝาแฝดแปง โดยเฉพาะเรื่อง Bangkok Dangerous เพชฌฆาตเงียบ อันตราย
“ผมชอบหนังต้นฉบับตรงสไตล์กับการตัดต่อ แล้วก็การเดินเรื่อง ตอนที่อ่านบทฉบับใหม่นี่ ผมประทับใจความสัมพันธ์แบบครูกับศิษย์ระหว่าง โจ เอนเดอร์ (Joe Ender) ที่ผมแสดงกับ ก้อง (Kong) ที่ชาคริตแสดง ซึ่งพัฒนาไปเป็นมิตรภาพในที่สุด ผมว่ามันน่าสนใจที่จะได้เห็นความแตกต่างกันเชิงวัฒนธรรมที่ทำให้เราต้องปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกัน และเข้ากับมันให้ได้” เคจกล่าว
นอร์ม โกไล้ท์ลี่ (Norm Golightly) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และประธานบริษัท Saturn Films ของเคจกล่าวเสริมว่า “เราคิดว่ามันยอดเยี่ยมมาก ๆ ที่จะได้เห็นดาราแถวหน้าของฮอลลีวู้ด (Hollywood) ร่วมเป็นส่วหนนึ่งในกระบวนการทำงานแบบเอเชีย นี่เป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับทั้งนิคและผมที่จะได้ทำงานในโลกที่แตกต่าง เราทำงานตามวิธีการของพวกเขา ทุกอย่างทุกขั้นตอนเช่นเดียวกับที่พวกเขาเคยสร้างความเกรียงไกรกับผลงานเรื่องก่อน ๆ น่ะ”
แม้การได้ นิค มาเป็นตัวชูธงให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็ยังทำให้เกิดคำถามที่น่าสนใจตามมาอีกหลายข้อว่า จะต้องปรับแต่งบทภาพยนตร์อย่างไรจึงจะลงตัวเหมาะสมที่สุด เพราะบทภาพยนตร์ต้นฉบับกำหนดให้ โจ เป็นใบ้และหูหนวก อันเป็นความพิการที่ผลักดันให้เขาแยกตัวจากสังคมไปใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ “เราดูหนังหลาย ๆ เรื่องที่นักฆ่ามักมัวแต่เสียเวลาพูดพล่ามไม่เข้าท่า” อ๊อกไซด์กล่าว “เราก็คิดว่า จริง ๆ แล้วนักฆ่าไม่ควรช่างเจรจา เขาน่าจะทุ่มเทเวลาและความตั้งใจทั้งหมดไปที่เป้าหมายของภารกิจมากกว่าไง พอคิดได้อย่างนี้เราก็เลยให้มือปืนรับจ้างของเราเป็นใบ้และหูหนวกเสียเลย”
แต่ในภาพยนตร์ฉบับล่าสุดนี่ ความแปลกแยกแตกต่างไปจากสังคมคนส่วนใหญ่ ไม่เกิดจากการความพิการทางกาย หากแต่เป็นเพราะพระเอกของเราพูดภาษาไทยไม่ได้ แล้วก็ไม่คุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมของท้องถิ่นเอาเสียเลย “เราคิดว่าการที่ชาวตะวันตกสักคนเข้ามาอยู่กรุงเทพและไม่สามารถพูดภาษาไทยได้นี่ ก็ทำให้โจแปลกแยกไปจากสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเขาเช่นกัน ภาษาไทยเป็นภาษาที่ไม่อาจทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ เลยนะ คุณมืดแปดด้านแน่ ๆ ถ้าพูดไม่ได้ ฟังไม่เข้าใจน่ะ”
ริชแมนพยายามคงแนวคิดของภาพยนตร์ต้นฉบับไว้ด้วยการสร้าง ฝน (Fon) ให้เป็นใบ้และหูหนวก ฝนเป็นสาวงามที่สร้างสัมพันธภาพแนบแน่นกับ โจ เพราะต่างคนก็ต่างไม่อาจจะสื่อสารกับคนอื่นให้เข้าใจได้โดยง่าย “ผมชอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของนิคกับฝนมากนะ” ผู้เขียนบทภาพยนตร์กล่าว “มันเป็นความสัมพันธ์ของคนคู่นี้พิเศษมาก ๆ - เป็นความรักที่บริสุทธิ์แสนจริงใจ — แล้วก็ทำให้งานเกลาบทของผมสนุกสนานขึ้นอีกแยะ”
แววตาจะเผยความในใจทุกอย่างให้คุณรู้
- โจ
หลังจากสร้างภาพยนตร์มาหลายสิบเรื่องแล้ว ผู้กำกับสองพี่น้องฝาแฝดอ๊อกไซด์กับแดนนี่ แปง (Oxide and Danny Pang) พัฒนาวิธีการร่วมงานให้เข้าขากันได้ดีชนิดที่นักสร้างภาพยนตร์คนไหน ๆ ก็ไม่มีทางทำได้ยอดเยี่ยมเท่ากับคู่ที่มีดีเอ็นเอร่วมกันสองคนนี้
“เราทำงานเหมือนกับประสานสองพลังเป็นหนึ่งเดียว” อ๊อกไซด์กล่าว “เราเขียนบทด้วยกันก่อน แล้วพอร่างภาพสตอรี่บอร์ดนี่ก็จะทำไปพร้อม ๆ กันทั้งสองคนครับ”
“พอสองขั้นตอนสำคัญในช่วงแรกเริ่มเสร็จลงแล้วนั่นแหละ เราถึงจะแยกกันทำงาน เพราะถึงตอนนั้นเราก็จะเข้าใจตรงกันแล้วว่าแต่ละขั้นตอนถัด ๆ ไปจะทำอะไรกันบ้าง” แดนนี่กล่าวเสริม “บางวันนี่ผมก็จะเข้าไปกองถ่าย ในขระที่อ๊อกไซด์อาจจะมาเปลี่ยนเวรถ่ายในวันถัดไป ถ้าไม่ใช่ฉากใหญ่ ๆ หรือฉากสำคัญ ๆ นี่เราก็แยกกันถ่ายทำได้ครับ”
ชีรัคประหลาดใจมากที่ฝาแฝดคู่นี้ทำงานร่วมกันราวกับอ่านใจของอีกคนได้ แม้จะไม่ได้เข้ามายังกองถ่ายทำในวันเดียวกันหรือประชุมส่งต่องานกันด้วยซ้ำ “ทุกคนในกองต่างก็ประทับใจกับการทำงานร่วมกันแบบแดนนี่กับอ๊อกไซด์มากเลยนะ ถ้าคุณกับคนหนึ่งในวันจันทร์ แล้วไปคุยกับอีกคนในวันอังคาร คุณก็จะเห็นชัดเลยว่า งานดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่มีสะดุดราวกับคุยงานอยู่กับคน ๆ เดียวกันเป๊ะอย่างไงอย่างงั้นเลย มันแปลกไหมล่ะ แต่นั่นก็ทำให้กองถ่ายทำงานง่ายขึ้นแยะ เพราะทั้งคู่จะสลับสับเปลี่ยนกันเข้ามาในกองถ่าย และต่องานกันได้อย่างราบรื่น แม้ว่าฝาแฝดคู่นี้จะมีบุคลิกที่แตกต่างกัน แต่เขาจะคิดไปในแนวทางเดียวกันเมื่อมาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ”
เจมส์ นิวพอร์ท (James Newport) ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ฉากก็เห็นพ้องต้องกันว่า การร่วมงานกับผู้กำกับภาพยนตร์สองคนนี้เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างไปจากทุกกองถ่ายก่อน ๆ โดยสิ้นเชิง “พวกเขามีพลังจิตสื่อสารถึงกันแน่ ๆ ก็ถามคนหนึ่งอีกคนหนึ่งก็ตอบได้ราวกับเป็นคน ๆ เดียวกัน เรียกว่าถ้าไม่เจออ๊อกไซด์ก็ถามแดนนี่ได้ ต่างคนต่างจะมีคำตอบเตรียมไว้พร้อมแม้จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผมเคยคุยกับอีกคนหนึ่งค้างไว้ถึงตรงไหนแล้ว ทั้งคู่เข้าใจงานที่กำลังทำอยู่อย่างลึกซึ้ง และแบ่งหน้าที่กับรับผิดชอบราวกับคนละครึ่งเป๊ะ ๆ เลยทีเดียว”
สิ่งหนึ่งที่สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลแปงเห็นพ้องต้องกันก็คือ ทั้งคู่ต่างตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับนิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) นักแสดงหนุ่มใหญ่ที่แดนนี่ยกย่องให้เป็น “หนึ่งในไอดอลแห่งโลกภาพยนตร์ของพวกเรา”
“ผมชอบฝีไม้ลายมือของเคจตั้งแต่ Birdy ที่กำกับโดยอลัน ปาร์คเกอร์ (Alan Parker) แล้ว ผมไม่แน่ใจนักนะว่าหนังเรื่องนี้จะผ่านตาผู้ชมมากแค่ไหน แต่ผมจำได้แม่นเลยว่าได้ดูเขาเล่นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก” แดนนี่กล่าว
อ๊อกไซด์กล่าวเสริมว่าการได้ร่วมงานกับเคจจทำให้ความฝันของเขาเป็นจริง “เราก็เปลี่ยนเรื่องราวปรับไปเรื่อย ๆ ในระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งนิคก็เปิดใจกว้างมาก ๆ ที่ยอมรับฟังแนวคิดและทำตามการกำกับของพวกเราอย่างเคร่งครัด” เขาเล่า “ภาษาอังกฤษของเราทั้งคู่ก็ใช่ว่าจะดีนัก แต่เขาก็ตั้งอกตั้งใจฟังและพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราคุยกัน เราแทบไม่รู้สึกเลยว่ากำลังกำกับ ‘ซูเปอร์สตาร์’ น่ะครับ”
“นิค เคจ ก็ยังคงเป็น นิค เคจ วันยันค่ำ” ชีรัคกล่าว “เขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมาก ๆ เขาสามารถเสริมสร้างให้ตัวละครโลดแล่นไปตามบทบาทได้อย่างมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น เขายังช่วยเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านสีหน้า แววตา และอากัปกิริยาได้อย่างแยบยล เขาต้องแสดงประกบกับตัวละครที่ทั้งหูหนวกและเป็นใบ้ได้ชินดตีบทแตกเลยจริง ๆ”
เคจประทับใจตัวละครนำแสดงของเขาตรงที่ เป็นคนซับซ้อน และต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติหลาย ๆ อย่างในชีวิตที่ประเดประดังเข้ามาพร้อม ๆ กัน “โจเป็นคนที่เคยใช้ชีวิตในกองทัพมาก่อน แต่ตอนนี้เขารับจ้างฆ่า เป็นทหารรับจ้างไปแล้ว เขามีปัญหาครอบครัวรุมเร้ามาตลอดชีวิต ถ้าจะต้องฟันธงว่าเขาเป็นอะไร ผมก็คงมองว่าเขาเป็นมัจจุราชพันธุ์แท้ แต่เขาก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะถีบตัวเองให้หลุดพ้นจากสถานภาพนั้นอยู่นะครับ”
“เขาหลีกหนีความรุนแรง, ความชั่วร้ายที่สั่งสมอยู่ในตัวของเขา ทั้งนี้ก็เพราะเขาพบกับ ฝน (Fon) หญิงสาวที่เต็มไปด้วยความน่าเสน่หา, ความอ่อนโยน, แล้วก็คงเป็นเพราะประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพด้วยแหละครับ เขาหันหน้าเข้าพึ่งทางสงบมากขึ้น และจุดนั้นเองที่ผลักดันให้เขาเข้าสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรง เพราะมันขัดกับสันดานของเขาชนิดหักดิบเลยทีเดียว เขาไม่มีทางจะอยู่อย่างสงบได้ก็เพราะปูมหลังตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กของเขานั่นเลยล่ะครับ” เคจเล่า
เคจชื่นชมหยังไฉ่หนี (Charlie Young) นักแสดงหญิงที่รับบทฝน (Fon) สาวที่เขาหลงรักว่า “ไฉ่หนีแสดงได้เข้าขากับผมเป็นอย่างดี เธอเป็นกุลสตรี, อ่อนโยน, เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่, และเป็นนักแสดงหญิงที่สุดยอดมาก ๆ ด้วย” เคจกล่าว “ผมมั่นใจว่าเราสร้างสรรค์คู่รักที่จะโดดเด่นมาก ๆ แล้วก็มั่นใจด้วยว่าคุณจะคู่รักต่างวัฒนธรรมที่มาลงเอยแบบนี้จากหนังเรื่องไหน ๆ แน่ครับ”
ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ประทับใจ ฝีไม้ลายมือการแสดงของนักแสดงสาวชาวฮ่องกง (Hong Kong) เช่นกัน “หยังไฉ่หนีทุ่มสุดตัวเลย” ชีรัคเล่า “ผมเห็นหลายฉากที่พระ-นางเข้าขากันได้อย่างน่าทึ่งมาก ๆ ครับ”
หยังไฉ่หนียังเรียนภาษามือกับคุณกนิษฐา รัตนสินธุ์ (Katitha Rattanasin) จากสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย (National Association of the Deaf) ที่ยังกล่าวชมนักแสดงสาวว่า “เธอเรียนรู้ได้เร็วมาก และตั้งอกตั้งใจมากค่ะ แถมยังบันทึกเทปบทเรียนต่าง ๆ ไปฝึกเองด้วยนะ เธอสามารถสื่อสารกับคนหูหนวกในสถานการณ์จริงได้อย่างไม่เคอะเขินเลยล่ะค่ะ”
นอกจากภาษามือแล้ว หยังไฉ่หนียังเรียนรำไทยด้วย “รำไทยนี่ท้าทายความสามารถมากเลยนะคะ” เธอเล่า “ฉันมีเวลาฝึกซ้อมแค่ 7 วันเท่านั้นเอง แล้วก็ต้องร่ายรำกับกลุ่มนางรำมืออาชีพด้วย ขอบคุณครูที่เก่งฉกาจมากมาย เธอเคี่ยวเข็ญจนฉันรำคล่องเชียวล่ะค่ะ”
“ตอนมาถึงกองถ่ายวันแรกนี่ ฉันประหม่ามากเพราะฉันฝึกมานิดเดียวแล้วก็ไม่อยากให้ใครต่อใครผิดหวังน่ะ ครูบอกกับฉันเป็นภาษาไทยว่า ‘ครูจะคอยช่วยตลอดนะ พยายามให้เต็มที่ ไม่ยากหรอกน่า’ ตอนนั้นฉันแทบจะร้องไห้ออกมาเลยค่ะ ฉันรู้ดีว่าฉันจะต้องพยายามให้ดีที่สุด”
หยังไฉ่หนีตั้งใจที่จะไม่เตรียมสวมวิญญาณเป็นตัวละครสาวคนนี้เต็มที่จนถึงขั้นเกร็ง “ฉันว่าบางครั้งอ่านบทแล้วก็ไม่ควรคิดมากน่ะค่ะ เข้าฉากแล้วรู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้นเลยน่าจะดีกว่า ฉันอยากให้ฝนแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติให้ได้มากที่สุดค่ะ”
ในทางกลับกันชาคริต แย้มนาม (Shahkrit Yamnarm) ที่รับบทก้อง (Kong) ไปฝึกซ้อมก่อนเข้ากล้องอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นผู้ช่วยมือปืนได้อย่างสมบทบาท “ผมศึกษาบทโดยละเอียด อ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หลายเที่ยวจนจำบทได้ขึ้นใจ และพยายามรู้จักก้องให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนผมกับก้องกลายเป็นคน ๆ เดียวกันเลยนะครับ ผมยังไปฝึกขี่จักรยานยนต์ผาดโผน และลีลาการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซึ่งก็สนุกมาก ๆ เลยครับ”
ชีรัคประทับใจการแสดงของชาคริต แย้มนามมากเช่นกัน “ชาคริตนี่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ตีบทแตกกระจาย” ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เอ่ยปากชม “เขามีศักยภาพที่จะเป็นดาราดังระดับโลกได้เลยนะครับ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะแจ้งเกิดเร็ว ๆ นี้ เพราะเขาเป็นนักแสดงที่สุดยอดและมีพรสวรรค์แยะมาก”
ชาคริต แย้มนามเล่าถึงบทของเขาว่าเป็นเด็กข้างถนน, คนเชียร์แขก, และค้าขายนาฬิการาคาถูกให้กับนักท่องเที่ยว “เขาก็เก่งเอาเรื่องอยู่นะ แต่การที่จะเอาตัวรอดในโลกกว้างสุดโหดร้ายนี่ผมไม่คิดว่าเขาจะเก่งกาจขนาดนั้นหรอก เขาไม่ได้เป็นมือปืนรับจ้างในสายเลือดไง เป็นได้ก็แค่ผู้ช่วยเสียมากกว่า เขาไม่ได้ยิงใครเลยนะ แต่เขาก็เรียนรู้จากโจไปแยะเชียวล่ะ คุณจะได้เห็นการถ่ายทอดอารมณ์ และความเข้าอกเข้าใจกันระหว่างผู้ชายสองคนที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วแยะมาก แต่ต่างก็เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต่างก็เป็นคนที่แปลกแยกจากสังคม อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยวไง ทั้งคู่ต่างก็เป็นลูกผู้ชายที่ต้องต่อสู้เอาตัวรอดให้ได้เหมือน ๆ กันไงล่ะครับ”
เขายังเจตนาไม่หยิบ Bangkok Dangerous เพชฌฆาตเงียบ อันตราย ต้นฉบับมาดูก่อนเข้ากล้องด้วย “ผมเกรงว่าถ้าดูแล้วจะทำให้ผมเกร็งน่ะครับ ผมอยากให้ก้องเป็นบทบาทที่ออกมาจากตัวตนของผมเอง ผมตั้งใจว่าจะหยิบมาดูสักรอบหนึ่งหลังจากปิดกล้องแล้วครับ”
ในขณะที่ก้องรับหน้าที่ช่วยจัดหาอาวุธให้กับโจอย่างลับ ๆ เขาก็ตกหลุมรักอ้อม (Aom) นักเต้นสาวโคโยตี้ที่ทำงานในย่านโลกีย์กลางกรุงเทพ ปานวาด เหมณี (Panward Hemmanee) นักแสดงสาวจากแวดวงโทรทัศน์ของไทยก้าวขึ้นจอเงินเป็นครั้งแรกด้วยบทอ้อมนี่เอง ซึ่งจะเป็นหญิงสาวคนกลางที่ประสานงานระหว่างโจกับนายจ้างของเขา “ฉันไปทดสอบหน้ากล้องพร้อมกับนักแสดงสาว ๆ อีกหลายคนเลยนะคะ” เธอเล่า “ต้องเต้นโคโยตี้ด้วยนะ อายจะตาย แต่ก็ทำได้ค่ะ”
“อ้อมเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนแต่ลึก ๆ ลงไปแล้วเธอเข้มแข็งมากค่ะ” เธอกล่าวต่อ “เวลาทำงานนี่เธอจะแกร่งมาก ๆ แต่ลึก ๆ ลงไปแล้วเธอก็ปรารถนาที่จะมีใครสักคนมารักเธอเหมือนผู้หญิงทั่ว ๆ ไปนั่นแหละ อ้อมนี่เซ็กซี่มากเลยนะคะ อย่างฉากเต้นโคโยตี้นี่ ฉันยังกลัวเลยว่า สาวโคโยตี้คนอื่น ๆ จะขโมยซีนไปเสียหมด ฉันเลยคิดอยู่ตลอดเวลาเลยว่า ทำอย่างไรถึงจะเซ็กซี่แซงหน้าให้เด่นเด้งกว่าทุก ๆ คน”
นิรัตติศัย กัลย์จาฤก (Nirattisai Kaljareuk) นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ไทยชื่อดังมารับบทเป็น สุรัต (Surat) หัวหน้าแก๊งค์จอมโหดที่ว่าจ้างโจ (Joe) ให้กำจัดศัตรูของเขาโดยไม่เคยประจัญหน้ากับลูกจ้างเลยแม้สักครั้งเดียว “ผมทำการบ้านก่อนเข้าดล้องด้วยการดูหนังมาเฟียหลาย ๆ เรื่อง สุรัตนี่แตกต่างจากตัวตนของผมชนิดคนละขั้วเลยนะครับ ก็สนุกดีที่ได้แสดงบทชั่วชั้นเซียนขนาดนี้”
วิธีป้องกันตัวที่ดีที่สุดก็คือ
รู้เขา รู้เรา รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
- โจ
ตัวละครสำคัญที่สุดท้าย และอาจจะเป็นตัวละครที่สำคัญที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้ คือ ประเทศไทย นั่นเอง วิลเลี่ยม ชีรัค (William Sherak) ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์กล่าวว่า “ในหนังของเรา กรุงเทพไม่ได้เป็นแค่เพียงสถานที่ถ่ายทำนะ เพราะในที่สุดแล้วมหานครแห่งนี้ และผู้คนในเมืองใหญ่ปรับวิถีความคิดของนักฆ่าให้ยุติ บทบาทมัจจุราช ที่ยึดเป็นทางทำกินได้เชียวนะ วัฒนธรรมที่ปรับเปลี่ยนเขาละทิ้งวิถีแห่งความรุนแรง และผู้คนที่พบปะก็ทำให้เขาได้ตระหนักถึงความบกพร่องที่อยากจะแก้ไขและเติมเต็ม เขาค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่เราทุกคนจะรู้ได้แทบจะในทันทีที่ก้าวเท้ามาเหยียบกรุงเทพเป็นครั้งแรก — ที่นี่เป็นดินแดนมหัศจรรย์โดยแท้”
นิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) ยังจำประสบการณ์ก้าวแรกที่เขาย่างเท้าออกจากเครื่องบินได้เป็นอย่างดี “ผมรู้สึกว่าอากาศมันแปลกแตกต่าง แล้วก็คิดว่าทำไมเมืองนี้จึงสวยงามขนาดนี้ ช่างเป็นเมืองที่เปี่ยมล้นด้วยพลังสร้างสรรค์ เต็มไปด้วยอิสระเสรี ก็คำว่า ‘ไท’ แปลว่า ‘อิสรภาพ’ มิใช่หรือ ผมสัมผัสได้ถึงอิสระเสรีที่พัดพามากับสายลม แล้วผู้คนก็ยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตัวที่ผมชื่นชมเหลือเกิน”
สองพี่นอ้งฝาแฝดตระกูลแปงพยายามทุกวิถีทางที่จะนำเสนอ ภาพสมัยใหม่ของประเทศไทย อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เคลือบฉาบด้วยความโรแมนติค หรือเสริมแต่งให้ดราม่าจนเกินงาม “บางครั้งผู้กำกับชาวต่างชาติมักจะมีจินตนาการว่าเมืองแห่งนี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็พยายามเสริมแต่งเมืองให้ไปในทิศทางที่พวกเขาจินตนาการภาพในหัว พวกเราพยายามถ่ายหนังเรื่องนี้กันในสภาพบ้านเมืองแบบที่มันเป็นอยู่จริง ๆ เพื่อที่ผู้ชมจะได้สัมผัสศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทยอย่างแท้จริง และวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยกันอยู่ในบ้านนี้เมืองนี้จริง ๆ น่ะครับ”
คณะผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ยังพยายามสอดแทรกสัญลักษณ์ของความเป็นไทย รวมทั้ง ช้าง ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์สำคัญของดินแดนที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นพุทธศาสนิกชน เคจยังประทับใจช้างที่เข้าฉากร่วมแสดงกับเขาตัวหนึ่งด้วย มันเป็นช้างน้อยที่เป็นมิตรกับผู้คนมาก
“ผมประทับใจฉากนี้มากเลยครับ” นักแสดงหนุ่มใหญ่กล่าว “มันยังเป็นลูกช้างอยู่เลย แล้วก็น่ารักมาก ๆ มันจะทำท่ายิ้มแย้มเวลาผมป้อนอาหารให้ด้วยนะ ผมไม่ค่อยมีโอกาสใกล้ชิดกับช้างมากขนาดนั้นมาก่อนน่ะครับ เป็นประสบการณ์สุดยอดของผมเลยนะนั่น”
การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้สถานที่จริงทั้งในกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงถึง 47 แห่ง รวมทั้งย่านโลกีย์, สวนสาธารณะ, ลานกีฬา, ย่านธุรกิจ, ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา, และห้องสวีทสุดหรูหราในโรงแรมระดับห้าดาวด้วย แอนดรู เพอร์รี่ (Andrew Perry) ผู้จัดหาสถานที่ถ่ายทำที่ทำมาหากินในกรุงเทพมานานกว่า 10 ปีมั่นใจเหลือเกินว่า เขาไม่เคยเห็นกองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใดใช้สถานที่เหล่านี้มาก่อน “การจราจรของเมืองนี้ที่ติดขัดจนขึ้นชื่อ และถนนหนทางที่คับแคบมากก็เป็นอุปสรรคในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้มาก” เขากล่าว
“ผู้กำกับเจาะจงเลยว่า จะต้องยกกองไปถ่ายทำกันที่วัดเขาหลวง (Kao Luang Temple) จังหวัดเพชรบุรี (Petchburi) ซึ่งห่างจากกรุงเทพไปทางใต้ราวสองชั่วโมง” เพอร์รี่เล่า “ตามท้องเรื่องนี่จะเป็นตอนที่ ฝนพาโจไปวัด ซึ่งในบริเวณวัดแห่งนี้มีถ้ำที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูป แล้วก็มีเพียงแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาทางปล่องช่องเปิดตรงยอดเขาเท่านั้น เป็นถ้ำที่สวยเหลือเกิน”
ระหว่างที่กองถ่ายทำงานอยู่ในประเทศไทยก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เมื่อกองทัพก่อการรัฐประหารโค่นล้มนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น, ยุติบทบาทของสภาผู้แทนราษฎร, และยั้บยั้งการบังคับใช้รัฐธรรมนูญเป็นการชั่วคราว นับว่าโชคดีมากที่กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างสงบ และไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ หรือยิงปืนเลยแม้แต่นัดเดียว กองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำงานกันต่อได้อย่างราบรื่นในวันรุ่งขึ้นเลยทีเดียว
“สถานทีโทรทัศน์ทุกช่องถูกปิด และกองถ่ายต้องหยุดทำงานกันในค่ำวันนั้น” ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ นอร์ม โกไล้ท์ลี่ (Norm Golightly) เล่า “ผมเห็นรถถังออกมาวิ่งกันตามถนนเพ่นพ่าน ก็คิดว่า เออ เราก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์หน้าสำคัญนะ ใครจะไปรู้ล่ะครับว่า วันไหนจะมีปฏิวัติทำรัฐประหาร นั่นคงจะเป็นเหตุการณ์เหนือความคาดหมายสุด ๆ เท่าที่ผมเคยทำงานมาแล้วล่ะ ไม่ใช่แค่การถ่ายหนังนะ แต่เป็นการทำงานตลอดทั้งชีวิตของผมเลยครับ”
มากรุงเทพเป็นครั้งแรกเหรอ
- ก้อง
เจมส์ นิวพอร์ต (James Newport) ผู้ออกแบบสร้างสรรค์ฉากของ Bangkok Dangerous ยอมรับว่า งานนี้ทำไปด้วยความรักโดยแท้ ความรักที่มีต่อเมืองหลวงของคนไทย และวัฒนธรรมของผู้คนในเมืองใหญ่แห่งนี้ “ประเทศไทยเป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของผม และผมก็อยากสะท้อนภาพของกรุงเทพยุคใหม่ให้ปรากฎในหนัง เชื่อไหมล่ะว่า กรุงเทพเคยถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำแทนบ้านอื่น เมืองอื่นมานักต่อนักแล้ว แต่ทุกวันนี้ มหานครแห่งนี้เป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ซึ่งสามารถให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นงานที่ท้าทายมาก ๆ ของการถ่ายทำหนังเรื่องนี้เลย” นิวพอร์ตกล่าว
การเฟ้นหา บ้านพักชั่วคราว ช่วยเปิดโลกทัศน์ของนิวพอร์ตให้เห็นโอกาสที่จะผสมผสานความเก่าแก่เข้ากับความล้ำสมัยของประเทศไทย “นายจ้างจัดหาที่พักนอกเมืองไว้ต้อนรับ โจ ซึ่งไกลมาก ๆ” เขาเล่า “แม้ว่าสถาปัตยกรรมน่าตื่นตาต่นใจจะมีอยู่เต็มบ้านนี้เมืองนี้ไปหมด แต่เรากลับมองหาศิลปกรรมแบบไทยโบราณ และพยายามผสมผสานเข้าด้วยกัน”
ฉากสำคัญที่น่าตื่นตาตื่นใจอีกแห่งหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก (Damnoen Saduak Floating Market) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย ฉากนี้มีการถ่ายทำที่ซับซ้อนและสวยงามมากโดย โจจะไล่ล่าเหยื่อของเขาไปตามลำคลองสายต่าง ๆ “เราถ่ายทำฉากนี้กันเป็นอาทิตย์เลยครับ” แดนนี่ แปง (Danny Pang) เล่า “ตลาดแห่งนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นอุปสรรคในการถ่ายทำของเขาด้วยเช่นกัน แต่ทั้งพ่อค้าแม่ค้า รวมทั้งผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นก็ต้อนรับกองถ่ายของเราอย่างอบอุ่น เพราะพวกเขาเข้าใจกันเป็นอย่างดีว่า หนังเรื่องนี้จะเปิดโอกาสให้คนทั้งโลกได้สัมผัสเสน่ห์และความงามของวิถีชีวิตที่เรียบง่ายของพวกเขาอย่างลึกซึ้งไงล่ะครับ”
“เราถ่ายทำฉากเรือหางยาวไล่ล่ากัน ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในหนังเรื่องไหน ๆ แล้วนิคก็ยังควบมอเตอร์ไซค์ซิ่งไปหมายไล่กวดให้ทันเรือหางยาว การถ่ายทำฉากนี้เราต้องแบ่งกองออกเพื่อให้ผมถ่ายส่วนของเรือ ส่วนอ๊อกไซด์ก็ถ่ายส่วนของมอเตอร์ไซค์ไป”
“ตลาดน้ำนี่สุดยอดมาก ๆ เป็นฉากแอ็คชั่นที่เกิดขึ้นในสถานที่มหัศจรรย์สุด ๆ” ชีรัคเล่า “ผู้ชมชาวตะวันตกไม่น่าจะเคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน เว้นแต่จะเป็นการจัดฉาก แต่นี่เราถ่ายทำกันในสถานที่จริงโดยไม่ได้ปรับแต่งอะไรเลยด้วยซ้ำ ผู้คนในฉากนี้ก็ค้าขายกันตามปกติ ทั้งของชำ ทั้งเรือลำน้อย และวิถีชีวิตปรกติเยี่ยงที่เขาเป็นอยู่กันทุกวันนี่แหละครับ”
ป้อมปราการของวายร้ายอย่าง สุรัต ก็สะท้อนภาพอีกด้านหนึ่งของประเทศไทยได้อย่างชัดเจน ชีรัคเล่าว่า “ในฉากนี่เราใช้โรงฟอกหนังเป็นสถานที่ถ่ายทำน่ะครับ มันกลิ่นแรงเอาเรื่อง แต่เราก็เห็นว่ามันเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะกับฉากนี้มาก ๆ ผมชอบความขัดแย้งของมัน เพราะในขณะที่ชั้นใต้ดินนี่สุดโทรมซ่อมซ่อ ห้องทำงานของสุรัตที่อยู่ด้านบนกลับสะอาดสะอ้านและเนี้ยบสุด ๆ มันสะท้อนภาพการทำงานของสุรัต ที่ขัดแย้งกับสภาพการทำงานของลูกน้องที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาโดยสิ้นเชิง”
นอกจากนั้น โกไล้ท์ลี่ ยังประทับใจที่บ้านนี้เมืองนี้ช่างมีสถานที่สวยงามให้เลือกใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ได้แยะมาก ๆ “ประเทศไทยไม่ขาดแคลนอะไรที่กองถ่ายทำอยากได้อยากใช้เลยนะครับ สถานที่ถ่ายทำก็เฉียบขาดชนิดหาใครเทียบไม่ได้ การถ่ายทำหนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ผมสร้างหนังมา ไม่ว่าจะเป็น นักแสดงที่ยอดเยี่ยม และคนทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ต้องยอมรับเลยครับว่าตั้งแต่เด็กท้ายกองไปยันดาราหน้ากล้องนี่สุดยอดกันทุกคน”
ความเจ็บปวดคือความอ่อนแอที่เหลือคาใจ
- โจ
โกไล้ท์ลี่ยังสังเกตอีกว่า ฉากแอ็คชั่น และตัวละครที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของ Bangkok Dangerous ไม่เพียงสร้างความบันเทิงให้กับภาพยนตร์ แต่ยังสื่อความหมายซ่อนเร้นไว้ด้วย “มันบ่งชขี้การไฝ่หาทางล้างบาป และยังเป็นการเปิดช่องให้เห็นโอกาสกลับตัวกลับได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง”
อ๊อกไซด์ แปง (Oxide Pang) ยังเปรียบว่า Bangkok Dangerous เป็นต้มยำกุ้ง อาหารไทยเลื่องชื่อ “มันแซ่บมาก ขนาดคนที่ไม่กินเผ็ดยังน้ำลายส่ออยากขอลิ้มรส พอชิมแค่จิบแรก ๆ แม้ยังไม่ได้กินเต็มปากเต็มคำ แต่ก็พอจะรู้แล้วว่า เปรี้ยวนำ หวานนิด เผ็ดหน่อย เหมือนหนังของเราเรื่องนี้แหละครับ”
แดนนี่กล่าวเสริมว่า “เรารู้ดีว่า เราไม่อาจจะล่วงรู้ปฏิกิริยาของผู้ชมได้ แต่เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากดูหนังเรื่องนี้แล้ว เขาจะรู้เลยว่ามันดีกว่าต้นฉบับมาก”
นิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) ยังรู้ดีว่า ตัวละครของเราไม่ใช้ต้นแบบที่ใครจะพึงยึดถือ แต่เขาก็มองว่า การที่โจ (Joe) พยายามปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเอง จากการเป็นมือปืนรับจ้าง ไปเป็นฮีโร่ นี่ก็น่าจะพอเป็นแรงบันดาลใจเชิงบวกให้กับผู้ชมได้บ้าง “ผู้คนนี่เปลี่ยนกันได้นะครับ” เขาฟันธง “บางคนอาจจะไม่เปชื่อว่า คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ แต่ผมไม่เชื่อแนวคิดนั้นเอาเสียเลย ผมเชื่อมั่นเหลือเกินว่า คนเราตื่นจากความไม่รู้ และมีสติหยั่งรู้ได้ อาจจะด้วยการชี้แนะของครูผู้รู้, หรือความรักเปิดตาเปิดใจ, หรือแม้แต่การก้าวออกจากเครื่องบินแล้วสัมผัสอากาศที่แปลกแตกต่างไปจากที่เคยผ่านมาตลอดชีวิตก็ได้”
ประวัตินักแสดง
นิโคลาส เคจ รับบทเป็น โจ เอนเดอร์ และเป็น ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์
(NICOLAS CAGE: Joe and Producer)
นิโคลาส เคจคว้ารางวัลออสการ์ (Academy Award) มาครองได้สำเร็จจากบทชายติดเหล้าที่ขยันกรอกแอลกอฮอลเข้าปากหวังพ้นทุกข์ไปจากชีวิตสุดเสงเคร็งใน Leaving Las Vegas ตายไม่แคร์แต่ต้องรักเธออีกครั้ง ผลงานดราม่าที่กำกับโดยไมค์ ฟิกกิส (Mike Figgis) เขายังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe) และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Best Actor) จาก New York Film Critics Circle, Los Angeles Film Critics Association, Chicago Film Critics, และ National Board of Review ด้วย
เคจยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (Academy Award), รางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe), รางวัล Screen Actors Guild, และรางวัล BAFTA จากการรับบทบาทสองตัวละครใน Adaptation แฝดนอกบท ของสไปค์ โจนซ์ (Spike Jonze) ที่นำแสดงโดยเมอริล สตรีพ (Meryl Streep) กับคริส คูเปอร์ (Chris Cooper) ด้วย
เคจยังนำแสดงใน Ghost Rider ของ Sony Pictures ที่กำกับโดยมาร์ค สตีเว่น จอห์นสัน (Mark Steven Johnson), World Trade Center ของ Paramount Pictures ที่กำกับโดยโอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone), The Wicker Man สาปอาถรรพณ์ล่าสุดโลก ผลงานลุ้นระทึกสุดลึกลับที่กำกับโดยนีล ลาบิวท์ (Neil LaBute), The Weather Man ผู้ชายมรสุม ของกอร์ เวอร์บินสกี้ (Gore Verbinski) ที่เชือดเฉือนบทบาทกับไมเคิ้ล เคน (Michael Caine), Lord of War นักฆ่าหน้านักบุญ ผลงานอื้อฉาวของแอนดรู นิคโคล (Andrew Niccol), Matchstick Men อัจฉริยะตุ๋น...เรือพ่วง ที่กำกับโดยริดลี่ย์ สก๊อต (Ridley Scott), และ Next นัยน์ตา มหาวิบัติโลก ที่กำกับโดยลี ทามาโฮรี่ (Lee Tamahori)
เคจเพิ่งปิดกล้อง National Treasure: Book of Secret ปฏิบัติการเดือดล่าบันทึกสุดขอบโลก ภาคต่อ National Treasure ปฏิบัติการเดือดล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งเขารับบทเบนจามิน แฟรงคลิน เกทส์ (Benjamin Franklin Gates) เลือดเนื้อเชื้อไขของครอบครัวนักล่าสมบัติที่มุ่งมั่นค้นหาขุมทรัพย์สมัยสงครามที่ถูก Founding Fathers ซุกซ่อนไว้หลังสงคราม)ฏิวัติครั้งใหญ่ (Revolutionary War) ซึ่งกำกับโดยจอน เทอร์เทลทับ (Jon Turteltaub) และ Disney จัดจำหน่ายออกฉายทั่วโลกเมื่อปลายเพือนธันวาคม 2007
เมื่อปี 2002 เคจกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Sonny ที่นำแสดงโดยเจมส์ ฟรังโก้ (James Franco) นักแสดงหนุ่มเจ้าของรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe), เบรนด้า เบล็ทธิน (Brenda Blethyn), มีน่า ซูวารี่ (Mena Suvari), และแฮร์รี่ ดีน สแตนตั้น (Harry Dean Stanton) ที่ฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Deauville Film Festival ในปี 2002 ด้วย
นอกจากนี้ในปี 2002 Saturn Films บริษัทสร้างภาพยนตร์ของเคจก็อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Life of David Gale แกะรอย ปมประหาร ที่นำแสดงโดยเควิน สเปซี่ (Kevin Spacey), เคท วินสเล็ท (Kate Winslet), และลอร่า ลินนี่ (Laura Linney) แล้ว Saturn Films ก็ยังอำนวยการสร้าง Shadow of the Vampire เงาพยาบาท ปิศาจอมตะ ที่วิลเลี่ยม เดโฟ (Willem Dafoe) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (Academy Award) ด้วย
ในปี 2002 เคจ ยังนำแสดงใน Windtalkers สมรภูมิมหากาฬโค้ดสะท้านนรก ภาพยนตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กำกับโดยจอห์น วู (John Woo), Captain Correlli’s Mandolin ลิขิตรัก สงครามไม่อาจพราก, The Family Man สัญญารัก เหนือปาฏิหาริย์, Gone in 60 Seconds 60 วิ รหัสโจรกรมมอันตราย ฉบับสร้างใหม่เมื่อปี 2000 ที่นำแสดงโดยแองเจลิน่า โจลี่ (Angelina Jolie) กับจิออวานนี่ ริบิซี่ (Giovanni Ribisi), Bringing Out the Dead ฉีกชะตา ท้ามัจจุราช ของมาร์ติน สกอร์เซซี่ (Martin Scorsese) ที่นำแสดงร่วมกับแพทริเซีย อาร์เคว็ต (Patricia Arquette) และจอห์น กู้ดแมน (John Goodman), Eight Millimeter 8 มม. ฟิล์มมรณะ ที่นำแสดงกับวาคีน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix), City of Angels สัมผัสรักจากเทพเสพซึ้งถึงวิญญาณ ผลงานรักหวานซึ้งที่ประกบกับเม็ก ไรอั้น (Meg Ryan), Snake Eyes ผ่าปมสังหารมัจจุราช ของไบรอั้น เดอ พัลม่า (Brian De Palma), Face/Off สลับหน้า ล่าล้างโลก ที่เชือดเฉือนบทบาทกับจอห์น ทราโวลต้า (John Travolta) ที่ส่งให้เคจคว้ารางวัล Blockbuster Entertainment Award สาขา Favorite Actor in an Action/Adventure movie และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล MTV Movie Award ถึง 3 สาขาคือ สาขา Best Male Performance, สาขา Best On-Screen Duo (กับทราโวลต้า), และสาขา Best Villain ด้วย
เคจนำแสดง Con Air ปฏิบัติการแหกนรกยึดฟ้า ประกบกับจอห์น คูแซ็ค (John Cusack) และจอห์น มัลโควิช (John Malkovich), The Rock ยึดนรกป้อมทมิฬ ประกบกับฌอน คอนเนอรี่ (Sean Connery) และเอ็ด แฮร์ริส (Ed Harris), Guarding Tess ผมจะปกป้องหัวใจท่านผู้หญิง ประกบกับเชอร์ลี่ แม็คเลน (Shirley MacLaine), ภาพยนตร์แนวฟิล์มนัวร์เรื่อง Red Rock West, It Could Happen to You กับบิรดเจ็ท ฟอนด้า (Bridget Fonda) และโรซี่ เปเรซ (Rosie Perez), และ Kiss of Death โค่นถนนสายอิทธิพล ของบาร์เบ็ท ชโรเดอร์ (Barbet Schroeder)
เคจเปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยบทบาทเครียดเขม็งเป็นทหารผ่านศึกเวียตนามใน Birdy หลังจากนั้นก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe) สาขา Best Actor จากบทคนรักของ Cher ใน Moonstruck พระจันทร์เป็นใจ ก่อนจะนำแสดงใน Wild at Heart โลกีย์ระห่ำ ของเดวิด ลินช์ (David Lynch) ที่เคจประกบกับลอร่า เดิร์น (Laura Dern) และคว้ารางวัล Palme d’Or จาก Cannes Film Festival เมื่อปี 1990 ด้วย เคจได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globe) อีกครั้งจาก Honeymoon in Vegas ฮันนีมูนในลาสเวกัส ผลงานโรแมนติคที่เขานำแสดงกับซาร่าฟ์ เจสสิก้า ปาร์คเกอร์ (Sarah Jessica Parker) และเจมส์ คาน (James Caan)
เคจยังเคยได้รับรางวัลอันทรงเกียรติอย่าง รางวัล Lifetime Achievement Award ของ Montreal World Film Festival, Distinguished Decade in Film Award ที่มอบให้กับเขาเป็นคนแรกใน ShoWest, รางวัล Moving Picture Ball Award จาก American Cinematheque ปี 2001 ที่เคยมอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้ให้กับนักแสดงแถวหน้าอย่าง ฌอน คอนเนอรี่ (Sean Connery), เมล กิ๊บสัน (Mel Gibson), และโจดี้ ฟอสเตอร์ (Jodie Foster) มาแล้ว
ผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ของเคจก็ยังมี Valley Girl, Cotton Club, The Boy in Blue, Racing with the Moon, Peggy Sue Got Married, Raising Arizona ของโจเอลกับอีธาน โคเอ็น (Joel and Ethan Coen), Vampire's Kiss, และ Fire Birds
เคจเติบโตในย่านลอง บีช รัฐแคลิฟอร์เนีย (Long Beach, California) ก่อนจะย้ายไปอยู่ซาน ฟรานซิสโก (San Francisco) ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เขาเริ่มรับงานแสดงตั้งแต่อายุ 15 ปีโดยร่วมแสดงในละครเวทีคณะ San Francisco’s American Conservatory Theatre เรื่อง Golden Boy หลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ลอสแองเจลิส (Los Angeles) และในขณะที่ยังเป็นนักเรียมัธยมนั่นเองที่เขาได้งานแสดงผลงานทางโทรทัศน์เรื่อง The Best of Times จนกระทั่งแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี 1983 ใน Rumble Fish นั่นเอง
ปัจจุบันเคจอาศัยอยู่ในลอสแองเจลิส (Los Angeles) กับอลิซ เคจ (Alice Cage) ภรรยาของเขา
หยางไฉ่หนี รับบทเป็น ฝน
(Charlie Young: Fon)
แมวมองไปพบและปั้นให้ หยางไฉ่หนี (Charlie Young) ได้แจ้งเกิดในวงการบันเทิงเมื่อปี 1993 นับตั้งแต่ผลงานโฆษณาชิ้นแรกของเธอคือ Hong Kong TSL Jewel Product จวบจนปัจจุบันก็มีภาพยนตร์มากกว่า 20 เรื่องแล้ว รวมทั้ง Ashes of Time มังกรหยก ศึกอภิมหายุทธ ของหว่อง กา ไว (Wong Kar Wai), The Lovers ม่านประเพณี รักเรานี้...ชั่วนิรันดร์ ของฉีเคอะ (Tsui Hark), All About Love หัวใจเธอ หัวใจอีกเธอ และความรักเรา ที่ประกบกับหลิวเต๋วหัว (Andy Lau), และ Seven Swords 7 กระบี่เทวดา ของฉีเคอะ (Tsui Hark) ที่ฉายเปิดเทศกาลภาพยนตร์ Venice Film Festival ครั้งที่ 62 ล่าสุดเธอเพิ่งนำแสดงประกบเฉินหลง (Jackie Chan) ใน New Police Story วิ่งสู้ฟัด 5 เหิรสู้ฟัด ที่ส่งให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Best Actress nomination) บนเวที 28th Popular Cinema Movie Awards ในฮ่องกง (Hong Kong) ด้วย หยางไฉ่หนีมีผลงานเพลงเดี่ยวถึง 9 อัลบั้ม และยังคว้ารางวัล Best New Singer Award จาก Hong Kong Top 10 Music Awards, รางวัล Hong Kong TVB Award, และรางวัล Hong Kong Commercial Radio Music Award ด้วย
หยางไฉ่หนีตัดสินใจงดรับงานแสดงชั่วคราวในปี 1997 เพื่อทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ที่มีลูกค้าเป็นศิลปินดัง ๆ อย่าง เหลียงหย่งฉี (GiGi Leung), Leo Ku, เจิ้งอี้เจี้ยน (Ekin Cheung), ลีซินเชท (Lee Hsin Chieh), หยวนหยงอี้ (Anita Yuen), และ ซูฉี (Shu Qi) ด้วย เธอยังเขียนคำแนะนำด้านความงานและสไตล์ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับ และเขียนหนังสือ Non Fashion Image Style, Natural Beauty รวมทั้งงานเขียนเล่มล่าสุดคือ Love, Once Again เล่าถึงประสบการณ์ของเธอในประเทศจีน แผ่นดินใหญ่ (China), ไทย (Thailand), และอินโดนีเซีย (Indonesia) ที่เพิ่งวางแผงเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2006 ด้วย
แม้จะมีธุรกิจรัดตัว แต่หยางไฉ่หนีก็ยังปลีกตัวมาช่วยเหลือกิจกรรมการกุศลเพื่อเด็กและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นทูตให้กับองค์กรการกุศลอย่าง UNICEF และ WWF Hong Kong ด้วย
ชาคริต แย้มนาม รับบทเป็น ก้อง
(Shahkrit Yamnarm: Kong)
ชาคริต แย้มนามเป็นนักแสดงหนุ่มที่จบการศึกษาจากนิวซีแลนด์ (New Zealand) แล้วเมื่อกลับมายังประเทศไทยก็ได้รับการทาบทามให้นำแสดงภาพยนตร์เรื่อง คนป่วนสายฟ้า จากนั้นก็นำแสดงใน รักออกแบบไม่ได้ (O-Negative), เยาวราช, กุมภาพันธ์, หนังสั้นเรื่อง Bicycle and Radios, รวมทั้งละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ก่อนหน้าที่จะมาร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Bangkok Dangerous เขาเคยแสดงบทที่ต้องพูดภาษาอังกฤษ (English-language role) เรื่อง Belly of the Beast ฝ่าล้อมอันตรายข้ามชาติ ที่นำแสดงโดยสตีเว่น ซีกัล (Steven Segal) เป็นเรื่องแรก
ปานวาด เหมณี รับบทเป็น อ้อม
(Panward Hemmanee: Aom)
ปานวาด เหมณี เป็นนักแสดงสาวชื่อดังของไทยก้าวขึ้นจอเงินเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Bangkok Dangerous นี่เอง เธอเริ่มจากงานเดินแบบในปี 2001 ก่อนจะร่วมแสดงละครเรื่อง เพลงผ้า ฟ้าล้อมดาว เป็นงานแสดงชิ้นแรก หลังจากนั้นก็รับบทภรรยาขี้อิจฉาในละครเรื่อง เพลิงพายุ หลังจากนั้นก็ร่วมแสดงละครอีกหลายเรื่อง
นิรัตติศัย กัลย์จาฤก รับบทเป็น สุรัต
(Nirattisai Kaljareuk: Surat)
นิรัตติศัย กัลย์จาฤกเป็นทั้งนักแสดง และผู้กำกับละครโทรทัศน์-ภาพยนตร์ไทยชื่อดังที่เกิดในครอบครัวผู้ก่อตั้งบริษัทสร้างสรรค์ผลงานบันเทิงระดับหัวแถวของไทย เขาร่วมกับบริษัทกันตนา ซึ่งเป็นบริษัทในครอบครัว ก่อตั้งวิทยาลัยนานาชาติแห่งมหาวิทยาลัยมหิดล ( Mahidol University International College at Mahidol University) และยังเป็นอาจารย์รับเชิญที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา (Suan Sunandha Rajabhat University) ด้วย
นิรัตติศัย กัลย์จาฤกยังเป็นผู้อำนวยการบริหาร Kantana Movie Town ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2002, ผู้อำนวยการบริหารบริษัท Kantana Animation Co. Ltd.,และประธานกรรมการบริหารบริษัท Kantana Video Production Co. Ltd. อีกทั้งยังคว้ารางวัลจากผลงานการกำกับของเขามากถึง 29 รางวัลแล้ว
นิรัตติศัย กัลย์จาฤกจบการศึกษาศิลปะศาสตร์มหาบัญฑิตระดับเกียรตินิยม (M.A. with honors) ภาควิชา Thai Classical Dance and Dramatic Arts จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (Suan Dusit Rajabhat University)
ดอม เหตระกูล รับบทเป็น อรัญ
(Dom Hetrakul: Aran)
ดอม เหตระกูลจบการศึกษาด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยมหิดล (Mahidol University) แต่เริ่มสนใจงานแสดงมาตั้งแต่ยังเรียนหนังสือ เขาขึ้นเวทีประกวดนายแบบของนิตยสารฉบับหนึ่ง ก่อนจะได้เป็นนักแสดงรับเชิญทางโทรทัศน์มากมาย หลังจากจบการศึกษาแล้วก็รับบทนำแสดงในละครเรื่อง 5 คม ทางช่อง 3 จากนั้นก็นำแสดงในละครทางโทรทัศน์เรื่อง เขยลิเก, เล่ห์ลับสลับร่าง, ภาพยนตร์ไทยเรื่อง เสือโจรพันธุ์เสือ, ล่าระเบิดเมือง, ทั้งยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด (Hollywood) เรื่อง Sniper นักฆ่าเลือดเย็น, Vampire Returns, และ The King Maker กบฏท้าวศรีสุดาจันทร์ ด้วย
ประวัติคณะผู้สร้างภาพยนตร์ (ABOUT THE FILMMAKERS)
อ๊อกไซด์ แปง เป็น ผู้กำกับภาพยนตร์
(OXIDE PANG: Director)
อ๊อกไซด์ แปงเริ่มทำงานในวงการบันเทิงจากการเป็นผู้คุมคุณภาพสีของฟิล์ม (telecine color grader) ก่อนจะย้ายมาอยู่ประเทศไทยในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 เพื่อถ่ายผลงานโฆษณา นักสร้างภาพยนตร์ที่เกิดในฮ่องกง (Hong Kong-born filmmaker) คนนี้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกคือ Who is Running? ท้าฟ้าลิขิต ที่ออกฉายในปี 1996 หลังจากนั้นก็ร่วมกับแดนนี่ แปง (Danny Pang) ฝาแฝดของเขากำกับภาพยนตร์เรื่อง Bangkok Dangerous เพชฌฆาตเงียบ อันตราย ที่ได้รับการทาบทามไปฉายตามเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลายแห่ง รวมทั้งเทศกาล Toronto International Film Festival ที่คว้ารางวัล International Critics Award เมื่อปี 2000 มาครองด้วย
ต่อมาในปี 2001 สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลแปง (the Pang Brothers) ก็ได้รับการทาบทามจากปีเตอร์ ชาน (Peter Chan) แห่ง Applause Pictures ให้กลับมายังฮ่องกง (Hong Kong) เพื่อกำกับภาพยนตร์ฮ่องกง (Hong Kong) เรื่องแรกคือ The Eye คนเห็นผี ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในจีน (China) และยังได้รับการจัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา (U.S.) จนเป็นโอกาสให้ได้สร้างตอนต่อ The Eye 2 คนเห็นผี 2 ด้วย
อ๊อกไซด์ แปงยังกำกับเดี่ยวภาพยนตร์เรื่อง Abnormal Beauty คนอยากเห็นคนตาย นอกจากนั้นก็ยังกำกับ Re-cycle ผีอยากกลับมาเกิด, และ The Messengers คนเห็นโคตรผี, และยังเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Omen สังหรณ์, มหาอุตม์, และ Tesseract ด้วย
แดนนี่ แปง เป็น ผู้กำกับภาพยนตร์
(DANNY PANG: Director)
แดนนี่ แปงเป็นผู้ตัดต่อภาพยนตร์ และผู้กำกับภาพยนตร์เลือดใหม่ที่สร้างชื่อเสียงจนโด่งดังอย่างรวดเร็วในฐานะนักสร้างภาพยนตร์ระดับหัวแถวของฮ่องกง (Hong Kong) เขาเกิดเมื่อปี 1965 และคว้ารางวัล Best Editing บนเวที Hong Kong Film Awards จาก The Stormriders ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า เมื่อปี 1998 เขาทำงานทั้งในฮ่องกง (Hong Kong) และไทย (Thailand) โดยร่วมกับอ๊อกไซด์ ฝาแฝดของเขากำกับและตัดต่อภาพยนตร์ไทยเรื่อง Bangkok Dangerous เพฌฆาตเงียบ อันตราย ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมายรวมทั้งรางวัล International Critics Award จาก Toronto International Film Festival เมื่อปี 2000 ด้วย
แดนนี่ แปงยังคงทำงานในวงการบันเทิงทั้งฮ่องกงและไทยอย่างสม่ำเสมอ โดยร่วมกำกับภาพยนตร์ฮ่องกงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเรื่อง The Eye คนเห็นผี และ The Eye 2 คนเห็นผี 2, กำกับภาพยนตร์ไทยเรื่อง 1+1 เป็นสูญ (Nothing to Lose) และภาพยนตร์ฮ่องกงแอ๊คชั่นสุดเฮฮาเรื่อง Leave Me Alone 2 คนแสบ แฝดคนละฝา
แดนนี่ยังตัดต่อภาพยนตร์หลายเรื่อง และคว้ารางวัล Best Editing บนเวที Hong Kong Film Awards จาก Infernal Affairs ที่นำแสดงโดยหลิวเต๋อหัว (Andy Lau), ร่วมกับอ๊อกไซด์อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Omen สังหรณ์, มหาอุตม์, Tesseract, และกำกับ Re-cycle ผีอยากกลับมาเกิด, และ The Messengers คนเห็นโคตรผี ด้วย
นอร์ม โกไล้ท์ลี่ เป็น ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์
(NORM GOLIGHTLY: Producer)
นอร์ม โกไล้ท์ลี่เป็นประธานบริหาร Saturn Films บริษัทสร้างภาพยนตร์ของนิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) เขาเติบโตในแคนาดา (Canada) และฟลอริด้า (Florida) โกไล้ท์ลี่จบการศึกษาจาก Wharton School แห่ง University of Pennsylvania และเข้าสู่วงการภาพยนตร์จากการทำงานที่ Creative Artists Agency หลังจากนั้นก็ก้าวขึ้นเป็นผู้ดูแลงานให้เบ็น สติลเลอร์ (Ben Stiller) นักแสดง-นักเขียน-ผู้กำกับภาพยนตร์ เขามาร่วมงานกับ Saturn Films ในตำแหน่งรองประธานบริหารเมื่อปี 1997 และก้าวขึ้นเป็นประธานบริหารในเดือนมกราคมปี 2001
ผลงานการสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกของ Saturn Films คือ Shadow of the Vampire เงาพยาบาท ปิศาจอมตะ ที่ส่งให้วิลเล็ม เดโฟ (Willem Dafoe) ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ (Academy Award nomination) สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Best Supporting Actor) และแอนน์ บูคาแนน (Ann Buchanan) กับแอมเบอร์ สติลี่ (Amber Stiley) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (Academy Award nomination) สาขา Achievement in Make-up ภาพยนตร์เรื่อง Shadow of the Vampire เงาพยาบาท ปิศาจอมตะ ยังเป็นผลงานอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกของเคจ โดยมีโกไล้ท์ลี่เป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ด้วย
โกไล้ท์ลี่และ Saturn Films ยังอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Life of David Gale ที่กำกับโดยอลัน ปาร์คเกอร์ (Alan Parker) นำแสดงโดยเควิน สเปซี่ (Kevin Spacey) กับเคท วินสเล็ต (Kate Winslet), และ Sonny ผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเคจที่นำแสดงโดยเจมส์ ฟรังโก้ (James Franco), กับมีน่า ซูว่ารี่ (Mena Suvari) ด้วย
โกไล้ท์ลี่และ Saturn Films ยังอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Lord of War นักฆ่าหน้านักบุญ ที่กำกับโดยแอนดรู นิคโคล (Andrew Niccol), บริหารงานอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Weather Man ผู้ชายมรสุม ที่กำกับโดยกอร์ เวอร์บินสกี้ (Gore Verbinski) เขายังเป็นผู้บริหารงานอำนวยการสร้างภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น-ผจญภัยที่กวาดรายได้ถล่มทลายเรื่อง Ghost Rider ที่นำแสดงโดยนิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) รวมทั้ง World Trade Center ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของโอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone) ด้วย
ล่าสุดโกไล้ท์ลี่เพิ่งอำนวยการสร้างภาพยนตร์แอ็คชั่นลุ้นระทึกเรื่อง Next นัยน์ตามหาวิบัติ ที่นำแสดงโดยนิโคลาส เคจ (Nicolas Cage) กับเจสสิก้า บีล (Jessica Biel) และจัดจำหน่ายโดย Paramount Pictures ด้วย
-- BANGKOK DANGEROUS --

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ