กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--กรมศุลกากร วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2551 เวลา 11.00 น. นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมศุลกากร แถลงข่าวผลการจับกุมไม้พะยูงลักลอบส่งออกของกรมศุลกากร ณ บริเวณลานวางตู้คอนเทนเนอร์ขาออก (โกดัง1-2) การท่าเรือแห่งประเทศไทย คลองเตยอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตามนโยบายกระทรวงการคลังให้กรมศุลกากรเฝ้าระวังการลักลอบส่งออกไม้พะยูง เพื่อคุ้มครองและรักษาทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จ- พระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในการดูแลพื้นที่ป่า กรมศุลกากรจึงได้เข้มงวดกวดขันการลักลอบส่งออกไม้พะยูง ซึ่งมีผลการจับกุมไม้พะยูงลักลอบส่งออกโดยระบบคอนเทนเนอร์ไปจำหน่ายยังประเทศจีนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2548 จนถึงปัจจุบัน จำนวนคดี 237 ราย เป็นจำนวน 568 ตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 113,600 ท่อน คิดเป็นปริมาตร 9,324 ลูกบาศ์กเมตร มูลค่าประมาณ 568 ล้านบาท สำหรับไม้ของกลางดังกล่าวได้มีการเก็บรักษาที่ท่าเรือต่าง ๆ รวมทั้งที่ท่าเรือคลองเตย ซึ่งมีข่าวว่าอาจมีการลักลอบขนย้ายออกจากสถานที่เก็บรักษาได้นั้น จากการตรวจสอบสถานที่จัดเก็บไม้ของกลางที่เก็บรักษาไว้ภายในท่าเรือคลองเตย พบว่ามีรั้วรอบขอบชิด และมีการจัดเจ้าหน้าที่ศุลกากรควบคุมดูแลตลอดเวลา การจะถูกขโมยหรือสับเปลี่ยนนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากต้องอาศัยเครื่องมือทุ่นแรงในการยกตู้คอนเทนเนอร์ นอกจากนี้ กรมศุลกากรและการท่าเรือแห่งประเทศไทยยังมีระบบการควบคุมตู้คอนเทนเนอร์ การเข้า-ออกของแต่ละท่าเรือต่างๆที่เข้มงวด การเคลื่อนย้ายไม้ของกลางต้องได้รับการอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่การท่าเรือฯ จึงจะสามารถดำเนินการต่อตู้สินค้านั้นได้ อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมศุลกากรได้กำชับให้สำนักงานศุลกากรที่รับผิดชอบเก็บรักษาไม้ของกลาง เพิ่มความเข้มงวดและความระมัดระวังในการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด อธิบดีกรมศุลกากรกล่าวว่า เนื่องจากไม้ของกลางเหล่านี้ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาที่ต้อง ขอความเห็นจากพนักงานสอบสวน และอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจวัดจำนวนปริมาณร่วมกันระหว่างกรมศุลกากรและกรมป่าไม้ รวมทั้งต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการกับไม้ของกลาง ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหากมีการแอบอ้างว่าจะนำไม้ของกลางไปจำหน่ายให้ เพราะต้องรอมติครม.ก่อนดำเนินการกับไม้ของกลางดังกล่าวสำหรับปัญหาที่ผู้ประกอบการผู้เป็นเจ้าของตู้คอนเทนเนอร์ร้องเรียนขอคืนตู้คอนเทนเนอร์นั้น กรมศุลกากรยังไม่สามารถดำเนินการคืนตู้ได้ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงาน ข้อมูลเพิ่มเติม ไม้พะยูงที่กรมศุลกากรจับมาได้นั้น เป็นการสำแดงชนิดสินค้าในเอกสารการส่งออกเป็นเท็จ และส่วนใหญ่แอบอ้างใช้ชื่อผู้ส่งออกรายอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อันเป็นความผิดตามกฎหมายศุลกากรในการสำแดงชนิดสินค้าเป็นเท็จและพยายามส่งของต้องกำกัดออกไปนอกราชอาณาจักร ตามมาตรา 99,27 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ พ.ศ.2549 กรมศุลกากรได้ส่งให้พนักงานสอบสวนพิจารณาความผิดตามกฎหมายป่าไม้ ซึ่งเป็นไปตามมติ ค.ร.ม. วันที่ 30 เมษายน 2534 ที่ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกตัวบทกฎหมาย จากจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่มีจำนวนมากถึง 568 ตู้ ส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนต่อผู้ประกอบการที่สุจริตขนสินค้าระหว่างประเทศที่เป็นเจ้าของตู้ ซึ่งได้มีการร้องเรียนต่อรัฐบาลในสมัยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายสมัคร สุนทรเวช เพื่อขอคืนตู้คอนเทนเนอร์โดยอ้างความเสียหายในค่าเสียโอกาสดำเนินธุรกิจโดยเฉลี่ยเป็นจำนวน 11,100 บาท ต่อตู้ /เดือน โดยในส่วนของกรมศุลกากรไม่สามารถดำเนินการคืนตู้ได้เพียงลำพังเพราะอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวนสำหรับในส่วนของการจำหน่ายของกลางซึ่งกฤษฎีกาได้แจ้งว่า เป็นอำนาจของกรมศุลกากรแต่เนื่องจากของกลางมีจำนวนมากและมีผลกระทบต่อหลายหน่วยงาน กรมศุลกากรจึงได้ดำเนินการขอมติ ค.ร.ม. ในการดำเนินการเพื่อให้เกิดความรอบคอบและรัดกุมต่อไป กระบวนการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง กระบวนการ 1. มีการลักลอบตัดไม้พะยูง ในพื้นที่จังหวัดทางภาคอีสานและจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน 2. การขนส่ง - นำตู้คอนเทนเนอร์ไปบรรจุบริเวณที่ตัดไม้ - นำรถบรรทุกไปบรรทุกแล้วนำมารวมบริเวณจุดรวมหมอนไม้ตามโกดังหรือพื้นที่รอบกทม./ ปริมณฑล เช่นจังหวัด ปทุมธานี อยุธยา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ฯลฯ - นำตู้เข้าท่าเรือต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการส่งออก จะเห็นว่าในกระบวนการดังกล่าว ในส่วนของกรมศุลกากรมีการเกี่ยวข้องในขั้นตอนสุดท้ายคือนำตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาในท่าเรือและปฏิบัติพิธีการศุลกากร ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 1. ผู้ส่งออกตามเอกสารใบขนสินค้าขาออก 2. ตัวแทนเรือ 3. ตัวแทนรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ หรือ forwarder 4. ผู้ขนส่ง (บริษัทผู้รับขนส่ง / คนขับรถ) 5. ตัวแทนออกของหรือชิปปิ้ง 6. จุดบริการรับส่งข้อมูลใบขนสินค้า (เคาน์เตอร์เซอร์วิส) การเก็บรักษาของกลาง ตู้คอนเทนเนอร์ของกลางเก็บรักษาและอยู่ในความดูแลของสำนักงานศุลกากรหรือด่านศุลกากรที่มีการจับกุม โดยส่วนใหญ่เก็บรักษาไว้ที่ท่าเรือต่าง ๆ ซึ่งมีท่าเรือกรุงเทพ , ท่าเรือแหลมฉบัง , ท่าเรือเอกชนต่าง ๆ แยกรายละเอียดดังนี้- สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ จำนวน 121 ราย 308 ตู้ - สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 61 ราย 113 ตู้ - ด่านศุลกากรสมุทรปราการ สกท. จำนวน 15 ราย 55 ตู้ - ด่านศุลกากรลาดกระบัง สกท. จำนวน 2 ราย 3 ตู้ - ด่านศุลกากรพระประแดง สกท. จำนวน 4 ราย 10 ตู้ - ด่านศุลกากรสำโรงใต้ สกท. จำนวน 21 ราย 36 ตู้ - ด่านศุลกากรฉะเชิงเทรา ศภ.1 จำนวน 8 ราย 33 ตู้ - ด่านศุลกากรพระสมุทรเจดีย์ สกท. จำนวน 2 ราย 2 ตู้ - ด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ศภ.4 จำนวน 2 ราย 7 ตู้ - ด่านศุลกากรสะเดา จำนวน 1 ราย 1 ตู้ จำนวน 237 ราย 568 ตู้