เจ.ดี. เพาเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก รายงาน ฟอร์ด ครองตำแหน่งการให้บริการการขายที่สร้างความพึงพอใจสูงสุด ในตลาดยานยนต์ไทยติดต่อกันเป็นปีที่สอง

ข่าวยานยนต์ Tuesday August 5, 2008 14:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 ส.ค.--Jigsaw Communications
ผลการศึกษาวิจัยดัชนีความพึงพอใจด้านบริการการขายในประเทศไทย ซึ่งจัดทำโดย เจ. ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก ประจำปี 2551 (Sales Satisfaction Index Study — SSI) ที่เผยแพร่วันนี้ ชี้ ฟอร์ด ครองตำแหน่งการให้บริการการขายที่สร้างความพึงพอใจโดยรวมสูงสุดให้กับลูกค้าในกลุ่มตลาดรถยนต์ใหม่ในประเทศไทยต่อเนื่องกันเป็นปีที่สอง
ปีพ.ศ. 2551 นับเป็นปีที่ 9 ของการศึกษานี้ซึ่งมีการดัดแปลงเพื่อสำรวจ 7 ปัจจัยหลักที่มีผลต่อความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้า ด้านประสบการณ์การซื้อรถ ซึ่งเรียงตามลำดับความสำคัญได้ดังนี้ กระบวนการส่งมอบ พนักงานขาย สิ่งอำนวยความสะดวกของดีลเลอร์ การเริ่มต้นการขาย การจัดเตรียมเอกสาร ระยะเวลาในการส่งมอบ และการเจรจาตกลง ค่าดัชนีดังกล่าวคำนวณจากการให้คะแนนความพึงพอใจโดยมีคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ฉะนั้นค่าดัชนีที่สูงขึ้นก็เป็นตัวชี้วัดความพึงพอใจที่เพิ่มมากขึ้นกับขั้นตอนการขายรถใหม่และกระบวนการส่งมอบ
ระดับความพึงพอใจโดยรวมของตลาดยานยนต์ประจำปี 2551 มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 879 คะแนน ในการศึกษานี้ พบว่าฟอร์ดทำคะแนนได้สูงที่สุดในบรรดาค่ายรถทั้งแปดค่ายที่เข้าร่วมการสำรวจ และสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับดัชนีความพึงพอใจด้านบริการการขายในประเทศไทยด้วยคะแนนรวมที่ 901 คะแนน นอกจากนี้ ฟอร์ดยังทำคะแนนได้ดีเป็นพิเศษ ในทั้งเจ็ดปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีความ พึงพอใจด้านบริการการขายอีกด้วย โดยมีมาสด้า ตามหลังมาด้วยคะแนน 885 คะแนน และโตโยต้าตามมาเป็นอันดับที่สาม ด้วยคะแนน 882 คะแนน
จากการศึกษาวิจัยดังกล่าวพบว่า ความพึงพอใจโดยรวมกับขั้นตอนการขายและการส่งมอบส่งผลถึงความตั้งใจของลูกค้าที่จะแนะนำยี่ห้อรถของพวกเขาเป็นอย่างมาก ลูกค้าที่ให้คะแนนความพึงพอใจเท่ากันหรือสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของทั้งภาคอุตสาหกรรม มีแนวโน้มสูงเกินกว่าร้อยละ 50 ที่จะแนะนำค่ายรถที่ตนเป็นลูกค้าอยู่ให้แก่ผู้อื่น เมื่อเทียบกับลูกค้าที่ให้คะแนนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยดังกล่าว
“ระดับความพึงพอใจกับขั้นตอนการขายและกระบวนการส่งมอบที่อยู่ในระดับสูง สามารถทำให้เกิดการแนะนำแบบปากต่อปากในแง่ดีมากขึ้น และส่งผลให้จำนวนของลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ย่อมส่งผลกระทบที่ดีต่อยอดกำไรของตัวแทนจำหน่าย ยานยนต์” โลอิค เปอ็อง ผู้จัดการประจำประเทศไทย เจ. ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก สิงคโปร์ กล่าว
การศึกษาวิจัยนี้พบอีกว่า คนส่วนใหญ่ที่กำลังมองหารถใหม่มักพิจารณาถึง คำแนะนำจากดีลเลอร์ หรือพนักงานขาย หรือจากเพื่อนและญาติพี่น้อง (ร้อยละ 54 และ ร้อยละ 52 ตามลำดับ) เพื่อทำการเปรียบเทียบยี่ห้อและรุ่นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้ลูกค้ากว่าหนึ่งในสองยังระบุว่าคำแนะนำจากเพื่อน และญาติ เป็นแรงจูงใจหลักในการตัดสินใจซื้อรถใหม่ด้วย
การศึกษานี้ยังพบอีกว่ามีลูกค้าร้อยละ 40 ที่แจ้งถึงปัญหาที่พวกเขาประสบในระหว่างขั้นตอนการขาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของจำนวนพนักงานที่ไม่เพียงพอ หรือความยากลำบากของพนักงานขายในการตอบคำถาม ทั้งนี้การประสบปัญหาในขั้นตอนการขายและกระบวนการส่งมอบดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อความพึงพอใจโดยรวมของลูกค้า ดังจะเห็นได้จากการที่บรรดาลูกค้าซึ่งพบความลำบากในการที่จะได้คำตอบภายหลังที่ถามคำถามให้คะแนนความพึงพอใจโดยรวมต่ำกว่าคะแนนที่ลูกค้าผู้ซึ่งได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วทันใจถึง 141 คะแนน นอกจากนี้ ลูกค้าร้อยละ 13 ยังระบุอีกว่าพนักงานขายมิได้ถามถึงพฤติกรรมการใช้รถและความต้องการของผู้ซื้อระหว่างช่วงเจรจาซื้อขายเลยแม้แต่น้อย
“ด้วยความที่ตลาดยานยนต์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และการที่บรรดาลูกค้าต่างมีความระมัดระวังในการ ใช้จ่ายมากขึ้น ทั้งผู้ผลิตรถยนต์และดีลเลอร์เองต่างต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเผชิญหน้ากับสภาพความกดดันที่สูงขึ้น” เปอ็องกล่าว “กลุ่มผู้ค้าที่ให้การแนะนำที่ชัดเจน ตอบคำถามและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเร็วทันใจ ย่อมมีโอกาสที่จะได้รับผล ตอบรับเป็นอย่างดีในแง่ของความภักดีต่อตรายี่ห้อและการบอกต่อให้ผู้อื่น ซึ่งย่อมหมายถึงโอกาสที่จะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มอีกด้วย เพราะเป็นการเปลี่ยนบรรดาคนที่กำลังมองหารถใหม่ให้กลายเป็นผู้ซื้อได้”
การศึกษาวิจัยดัชนีความพึงพอใจด้านบริการการขายในประเทศไทย ประจำปี 2551 นี้ จัดทำขึ้นโดยทำการประเมินผลจากเจ้าของรถยนต์ใหม่จำนวน 3,076 ราย ที่ซื้อรถยนต์ในช่วงเดือนสิงหาคม 2550 ถึงเดือนมีนาคม 2551 โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลในภาค สนามในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคม 2551
การศึกษาวิจัยดัชนีความพึงพอใจด้านบริการการขายเป็น 1 ใน 4 ของการวิจัยด้านพฤติกรรมของลูกค้าที่ เจ.ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก จัดทำขึ้นในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัยดัชนีการวัดความพึงพอใจของลูกค้า ประจำปี 2551 (Customer Satisfaction Index: CSI) ซึ่งเป็นการวัดความพึงพอใจของลูกค้าต่อศูนย์บริการมาตรฐานในประเทศไทย ได้เผยแพร่ไปแล้วในเดือนมิถุนายน ส่วนการศึกษาวิจัยคุณภาพรถใหม่ ประจำปี 2551 (Initial Quality Study: IQS) ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยถึงปัญหาที่เจ้าของรถพบจากรถใหม่ จะเผยแพร่ผลในเดือนตุลาคม รวมทั้งการศึกษาวิจัยเรื่องสมรรถนะ ระบบการทำงาน และรูปลักษณ์ ประจำปี 2551 (Automotive Performance, Execution and Layout: APEAL) ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของผู้ซื้อรถใหม่ถึงปัจจัยที่สร้างความรู้สึกตื่นตาต่อ
สมรรถนะ รูปลักษณ์ และการออกแบบของรถยนต์คันใหม่ จะเผยแพร่ผลในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
เกี่ยวกับ เจ.ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก (J.D. Power Asia Pacific)
เจ.ดี.พาวเวอร์ ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มีสถานที่ทำการในกรุงโตเกียว สิงคโปร์ และจีน โดยจัดทำบทวิจัยความพึงพอใจของลูกค้าและให้บริการคำปรึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการเงิน ผลงานจากสามประเทศนี้คือความเข้าใจในความพึงพอใจของลูกค้า ที่ช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจ ต่าง ๆ ใน จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และประเทศไทย เข้าใจถึงสิ่งที่ทำให้ผู้บริโภคได้รับความพึงพอใจ สามารถเข้าเยี่ยมชมข้อมูลที่มาจาก เจ.ดี. พาวเวอร์ เอเชีย แปซิฟิก และสินค้าของบริษัท ได้ที่ www.jdpower.com.
เกี่ยวกับ เจ.ดี. พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ (J.D. Power and Associates)
สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เวสต์เลค วิลเลจ, แคลิฟอเนียร์ โดย เจ. ดี.พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ เป็นบริษัทจดทะเบียนระดับโลกที่ให้ บริการด้านข้อมูลทางการตลาดโดยมีการดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจหลักอันรวมถึงการวิจัยทางการตลาด การคาดการณ์ การปรับปรุงผลงาน การฝึกอบรม และการวัดความพึงพอใจของลูกค้า การวัดคุณภาพและความพึงพอใจของบริษัทอ้างอิงมาจากคำตอบจากผู้บริโภคหลายล้านคนในแต่ละปี ทั้งนี้เจ.ดี. พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ เป็นบริษัทหนึ่งของ เดอะ แม็คโกรว—ฮิลล์ คอมพานีส์
เกี่ยวกับ เดอะ แม็คโกรว—ฮิลล์ คอมพานีส์ (The McGraw-Hill Companies)
ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2431 โดย เดอะ แม็คโกรว-ฮิลล์ คอมพานีส์ (NYSE: MHP) เป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลชั้นนำระดับโลกที่ ตอบสนองความต้องการจากทั่วโลก ในด้านบริการทางการเงิน การศึกษา และอุตสาหกรรมเกี่ยวกับข้อมูลด้านธุรกิจ ผ่านแบรนด์ชั้นนำ เช่น สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (Standard & Poor’s), แม็คโกรว-ฮิลล์ เอดูเคชั่น (McGraw-Hill Education), บิสิเนสวีค (BusinessWeek) และ เจ.ดี. พาวเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ ทั้งนี้ บริษัทมีสำนักงานมากกว่า 280 แห่งใน 40 ประเทศ และมียอดขายใน พ.ศ. 2550 ประมาณ 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้จาก http://www.mcgraw-hill.com
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
วรลักษณ์ องค์รัตนะคณา
Jigsaw Communications
02-253-2793
www.jigsaw-communications.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ