กรุงเทพฯ--15 ก.ย.--ปตท.
เชื่อราคายังคงผันผวน เน้นประชาชนช่วยกันประหยัดต่อเนื่อง
นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลดลง ล่าสุดในวันนี้ (15 ก.ย.49) น้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ระดับ 60.06 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูป เบนซินสิงคโปร์ 95 อยู่ที่ระดับ 65.17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 74.49 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ ปตท.สามารถพิจารณา ปรับลดราคาขายปลีกในประเทศกลุ่มน้ำมันดีเซล (รวมทั้งน้ำมันพีทีทีไบโอดีเซลและดีเซล-ปาล์ม บริสุทธิ์) ลงให้ผู้บริโภคได้อีกเป็นครั้งที่ 4 ลิตรละ 50 สตางค์ ตามลำดับ ทำให้ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.49) ตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ราคาน้ำมันในเขต กทม. และปริมณฑล เป็นดังนี้
หน่วย : บาท/ลิตร
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 95 26.39
น้ำมันเบนซิน พีทีที แก๊สโซฮอล์ 95 พลัส 24.89
น้ำมันเบนซิน พีทีที อัลฟา เอ็กซ์ 91 25.59
น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว พีทีที เดลต้า เอ็กซ์ ยูโร ทรี 25.74
น้ำมันพีทีทีไบโอดีเซล/น้ำมันดีเซล-ปาล์มบริสุทธิ์ 25.24
รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฯ ปตท. กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ ปตท. ได้เป็นผู้นำลดราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ ที่ผ่านมา โดยการปรับลดราคาดีเซลครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 4 รวมลดลงแล้ว 1.80 บาท/ลิตร (5,9,14 ก.ย.49 และในครั้งนี้) และได้ปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินไปแล้วถึง 9 ครั้ง รวม 3.80 บาท/ลิตร สำหรับสาเหตุของการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันเนื่องจากการเจรจาระหว่างสหประชาชาติและอิหร่านเพื่อให้อิหร่านหยุดโครงการพัฒนาศักยภาพยูเรเนี่ยมมีแนวโน้มสันติวิธี ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันในช่วง 1 - 2 เดือนจากนี้ไปอาจปรับลดลง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูกาลท่องเที่ยวในสหรัฐฯ และในช่วงนี้ปริมาณน้ำมันในตลาดยังคงมีมาก ส่งผลให้ประเทศในกลุ่ม OECD และเอเชียมีปริมาณสำรองน้ำมันทั้งน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ในระดับสูง โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (DOE) ประกาศปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันเบนซินในประเทศปรับเพิ่มขึ้น 4.7 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับ 144.6 ล้านบาร์เรล และ 100,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 207 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ โดยเฉพาะน้ำมันสำเร็จรูปปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ถึง 1.56 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตามเชื่อว่าราคาน้ำมันยังคงมีปัจจัยเสี่ยงทำให้อาจสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากปริมาณสำรองน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ได้ปรับลดลง 2.9 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 327.7 ล้านบาร์เรล จากข่าวสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเสนอต่อสหประชาชาติให้คว่ำบาตรอิหร่าน รวมทั้งข่าวการประท้วงของคนงานในไนจีเรียที่ส่งผลให้การขนถ่ายน้ำมันล่าช้า และความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐฯ และจีนยังมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ช่วงนี้ต้องจับตามองสถานการณ์ต่างๆ ต่อไป ซึ่งไม่ควรประมาทหรือละเลยในเรื่องของการประหยัดเลือกใช้พลังงานให้เหมาะสมที่สุด นายชัยวัฒน์ กล่าว
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่ด
ส่วนประชาสัมพันธ์ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน ปตท.
โทรศัพท์ 0 2537 2537, 2538 โทรสาร 0 2537 2572, 2517