กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--ก.ล.ต.
ก.ล.ต. ผลักดันการประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การกำกับดูแลตลาดทุนระหว่าง องค์กรกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนของประเทศสมาชิกในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกหรือ IOSCO-APRC (International Organization of Securities Commissions — Asia-Pacific Regional Committee)
ในการประชุมประจำปี และได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MoU) กับ ก.ล.ต. เวียดนาม (State Securities Commission of Vietnam) ที่เมืองฮอยอัน ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549
การประชุม IOSCO-APRC ที่ประเทศเวียดนาม ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงนี้ เป็นการประชุมผู้แทนจาก ก.ล.ต. ประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิกทั้งหมด 21 ประเทศ โดยมีวาระสำคัญ คือ การผลักดันให้ประเทศสมาชิกเข้าร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจเพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือกันในระดับพหุภาคี (IOSCO MMoU) มากขึ้น กระตุ้นให้ประเทศสมาชิกดำเนินการให้การกำกับดูแลตลาดทุนของตนเป็นไปตามมาตรฐาน IOSCO ประสานความร่วมมือระหว่างกันเพื่อการพัฒนาบุคลากรในหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุน รวมทั้ง ศึกษาแนวทางที่จะทำให้ประเทศสมาชิกยอมรับกฎเกณฑ์ซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่โอกาสในการระดมทุนและลงทุนในหลักทรัพย์ข้ามประเทศได้
ในการประชุมครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการริเริ่มจัดอภิปรายโต๊ะกลม (Roundtable Discussion) เพื่อให้สมาชิกได้มีโอกาสปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดและได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศมี ซึ่งมีความหลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อประเทศอื่นในการเตรียมตัวและรับมือหากประสบเหตุการณ์เดียวกัน
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ของไทยเป็นผู้ผลักดันให้มีการจัดอภิปรายโต๊ะกลมขึ้นระหว่างประเทศสมาชิก ได้มีการอภิปรายในเชิงลึกในประเด็นสำคัญ ๆ เช่น แนวโน้มการแปรรูปและควบรวมตลาดหลักทรัพย์ การตรวจสอบการกระทำความผิดในตลาดทุน หลักเกณฑ์และปัจจัยที่ส่งเสริมธุรกรรมชอร์ตเซล เป็นต้น ซึ่งสมาชิกได้มีโอกาสแบ่งปันประสบการณ์กันอย่างกว้างขวาง ทำให้ได้แนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาตลาดทุนของแต่ละประเทศ และในการประชุม IOSCO-APRC ในครั้งต่อ ๆ ไป ก.ล.ต. จะเสนอให้มีการอภิปรายโต๊ะกลมเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศสมาชิกได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่”
ในการไปร่วมประชุมครั้งนี้ ก.ล.ต. ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ ก.ล.ต. เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการพัฒนาตลาดทุนของทั้งสองประเทศอีกด้วย โดยประเทศเวียดนาม เป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) เติบโตในอัตรา 7-8% ในช่วงปี 5 ปีที่ผ่านมา และในปี 2548 มีอัตราการเติบโตของ GDP สูงเป็นอันดับ 2 ในเอเชียรองจากประเทศจีน
“การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง ก.ล.ต. และ ก.ล.ต. เวียดนาม เป็นอีกก้าวหนึ่งของความร่วมมือระหว่างไทยและเวียดนาม ที่ผ่านมา ก.ล.ต. เวียดนามกับไทยมีความใกล้ชิดกันมาก เจ้าหน้าที่ของเวียดนามได้มาเยี่ยมเยียนและชมการทำงานของ ก.ล.ต. อย่างสม่ำเสมอ ถือได้ว่าประสบการณ์ในการกำกับดูแลตลาดทุนไทยมีประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนของประเทศเวียดนาม ในขณะเดียวกันความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามทำให้ประเทศเวียดนามมีความน่าสนใจอย่างมากในการลงทุน ความร่วมมือนี้จึงจะนำไปสู่โอกาสในการระดมทุนและการขยายการลงทุนไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ของเวียดนามต่อไป” นายธีระชัย กล่าว