การแก้ไขปัญหาในการชำระเงินเพื่อส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซีย

ข่าวทั่วไป Wednesday September 10, 2008 15:10 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า รัสเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกและเครือรัฐเอกราช (Commonwealth of Independent States : CIS) ในระหว่างปี 2541-2550 รัสเซียมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเฉลี่ย ร้อยละ 7 ต่อปี ขณะที่ไทยส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในรัสเซียมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ 15,700 ล้านบาท ในปี 2550 มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 19,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งมีมูลค่าการส่งออก 14,660 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34 สินค้าไทยหลายประเภทมีลู่ทางขยายการส่งออกได้อีกมาก แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้การค้าขายระหว่างไทยกับรัสเซียไม่ขยายตัวเท่าที่ควร ได้แก่ ปัญหาการชำระเงิน เนื่องจากผู้นำเข้ารัสเซียไม่นิยมเปิด Letter of credit (L/C) โดยเฉพาะผู้นำเข้ารายย่อยที่ไม่มีประวัติในการทำการค้า ต้องวางเงินไว้กับธนาคารของรัสเซียเท่ากับมูลค่าสินค้าเต็มจำนวน ทำให้ผู้นำเข้ารายย่อยไม่ต้องการเปิด L/C และมักจะขอเครดิต 60-90 วัน เพื่อให้สินค้าไปถึงรัสเซียก่อนและอาจจะครอบคลุมถึงระยะเวลาที่นำเข้าสินค้าส่วนหนึ่งไปจำหน่ายก่อนแล้วจึงชำระเงินภายหลัง ขณะที่ฝ่ายไทยก็ไม่ไว้วางใจที่จะส่งสินค้าไปก่อนโดยไม่มีหลักประกัน ทำให้การค้าขายระหว่างสองฝ่ายไม่สอดคล้องกับศักยภาพทางการค้าระหว่างกัน ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวหน่วยงาน Thai Exim International Co.,Ltd (Moscow Branch) ภายใต้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) จะทำหน้าที่อำนวยความสะดวก (facilitator) ในการชำระเงินสำหรับการส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซีย ซึ่งผู้นำเข้ารัสเซียต้องวางเงินมัดจำค่าสินค้าประมาณร้อยละ 30-50 ของมูลค่าสินค้าเพื่อแลกกับ Letter of Guarantee ที่ออกโดย Exim Bank และชำระเงินส่วนที่เหลือทาง T/T (Telegraphic money transfer) ภายหลังจากได้รับสินค้าแล้ว ซึ่งวิธีดังกล่าวจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ทั้งผู้ส่งออกไทยและผู้นำเข้ารัสเซีย โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มปริมาณการค้าระหว่าง สองฝ่ายต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ