กรุงเทพฯ--12 ก.ย.--คต.
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ค้าปลีกในยุโรป ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับการผลิตสินค้าเกษตร (GlobalGAP) หากผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหาร ทั้งในยุโรป และจากประเทศที่สาม รวมทั้งประเทศไทย ต้องการส่งสินค้าไปจำหน่ายในยุโรปที่เป็นเครือข่ายของ GlobalGAP เช่น TESCO, MARKS & SPENCER และ DELHAIZE จะต้องผ่านการรับรองมาตรฐานดังกล่าว
GlobalGAP เดิมคือ EurepGAP ซึ่งให้การรับรองคุณภาพมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรอย่างครบวงจร ตั้งแต่การคัดเมล็ดพันธ์ การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และการใช้สารเคมี สำหรับสินค้าเกษตร 3 รายการ ได้แก่ ผักและผลไม้ ปศุสัตว์และประมง โดยมุ่งเน้นลดการใช้สารเคมีที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คำนึงถึงสวัสดิภาพความปลอดภัยของแรงงานและสัตว์
GlobalGAP ไม่ใช่ระเบียบของสหภาพยุโรป แต่เป็นมาตรฐานที่จัดทำโดยภาคเอกชนยุโรปซึ่งได้อ้างอิงถึงข้อกำหนดส่วนใหญ่ของอียู แต่มีข้อกำหนดบางอย่างเข้มงวดกว่า เช่น การกำหนดระดับสูงสุดของสารเคมีตกค้างในอาหาร (MRLs) อีกทั้ง ข้อกำหนดบางอย่างไม่มีในระเบียบอียู เช่นมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก GlobalGAP ยังต้องผ่านขบวนการตรวจสอบที่ด่านนำเข้าจากอียูเป็นปกติ
นางอภิรดี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การกำหนดมาตรฐาน GlobalGAP ของภาคเอกชนยุโรปดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้มีการเทียบเคียงกับมาตรฐานของประเทศอื่นๆ (benchmarking) ซึ่งหากเทียบเคียงได้ ก็สามารถใช้มาตรฐาน GAP ของประเทศนั้นๆ ในการรับรองสินค้าและส่งไปจำหน่ายยังร้านค้าปลีกในยุโรปได้เช่นกัน สำหรับประเทศไทย ภาคเอกชนกำลังจัดทำมาตรฐาน ThaiGAP เพื่อเทียบเคียง GlobalGAP หากสำเร็จ จะเป็นการช่วยขยายตลาดในยุโรปให้แก่เกษตรกรไทย อีกทั้งเป็นการลดอุปสรรคในการขอรับรองมาตรฐาน GlobalGAP ลง ซึ่งคาดว่าการเทียบเคียงมาตรฐานดังกล่าว จะเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2551
(รายละเอียดสามารถดูได้ที่ www.globalgap.org )