กรุงเทพฯ--26 ธ.ค.--สอท. นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกล่าวว่าสอท. ได้ประเมินผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกรายได้ หายไปแล้วกว่า 600,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในเดือนพฤศจิกายนที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นผิดปกติ รายได้หายไปกว่า300,000ล้านบาท ดังนั้นผู้ประกอบการเห็นด้วยกับมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาทแบงก์ชาติ เนื่องจากหากไม่ออกมาตรการก็จะทำให้เงินบาทอาจจะแข็งค่าขึ้นไปถึงระดับ 30 บาทต่อดอลล์ล่าสหรัฐ ได้ “การที่แบงก์ชาติออกมาตรการมา คงไม่คิดการจะกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์มาก แต่เมื่อมีผลกระทบก็ปรับเปลี่ยนมาตรการทำให้เงินไหลกลับเข้ามาแล้วแต่หากแบงก์ชาติไม่ช่วยภาคส่งออก รายได้ที่ผู้ประกอบการลดลง มันจะไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ และยังกระทบทุกภาคส่วนของประเทศทั้งการจ้างงานผู้ประกอบการและภาควัตถุดิบและภาคการเกษตร ” ประธานสภาอุตสาหกรรมกล่าวอีกว่าผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมต้องกาให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าไปที่ระดับ 37 -38 บาทต่อดอลล่าสหรัฐ เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่าเงินบาทเราแข็งค่าขึ้นกว่าร้อยละ 14 ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านแข็งค่าขึ้นเพียง ร้อยละ 6 — 7 เท่านั้น