ปภ.แนะวิธีขับรถลุยน้ำท่วมอย่างปลอดภัย

ข่าวทั่วไป Friday September 19, 2008 15:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แนะผู้ขับขี่เรียนรู้วิธีขับรถอย่างปลอดภัยในช่วงฝนตกน้ำท่วม ไม่ควรขับรถเร็วและไม่ขับชิดรถคันหน้ามากเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนบนท้องถนน หลีกเลี่ยงการขับรถผ่านเส้นทางที่มีระดับน้ำท่วมสูง เพิ่มความระมัดระวังการขับรถลุยน้ำผ่านถนนที่มีลักษณะหลังเต่า เพื่อป้องกันการขับรถออกนอกเส้นทาง
นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ช่วงนี้มีฝนตกหนักติดต่อกัน ทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยถนนหลายสายมีระดับน้ำท่วมสูง ซึ่งการขับรถในช่วงฝนตกและน้ำท่วมถนนมีความเสี่ยงสูงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีขับรถอย่างปลอดภัยในช่วงฤดูฝนและน้ำท่วมถนน โดยช่วงที่ฝนตกใหม่ๆ ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะถนนจะลื่นมาก เนื่องจากฝุ่นละอองที่ตกค้างอยู่บนถนนจะผสมกับน้ำฝน ทำให้ถนนมีลักษณะลื่นคล้ายมีฟิล์มเคลือบผิวถนนส่งผลให้ประสิทธิภาพของยางรถในการยึดเกาะผิวถนนลดลง ผู้ขับขี่ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้หยุดรถทัน ไม่ควรเบรกหรือหยุดรถกระทันหัน อาจทำให้รถลื่นไถลหรือพลิกคว่ำ สำหรับผู้ขับผ่านเส้นทางโค้งควรลดความเร็วลง ไม่เหยียบเบรกหรือหยุดรถกระทันหัน เพราะจะเกิดแรงเหวี่ยง ทำให้รถแหกโค้ง รวมทั้งไม่ขับรถชิดขอบถนนมากเกินไป เพราะรถอาจลื่นไถลตกข้างทาง กรณีฝนตกหนักถึงหนักมาก จนไม่สามารถมองเห็นเส้นทาง ควรจอดรถในจุดที่ปลอดภัย เช่น สถานีบริการน้ำมัน สถานีตำรวจ และที่พักรถริมทาง หากจำเป็นต้องเดินทางให้เปิดสัญญาณไฟหน้า -หลังรถ พร้อมไฟตัดหมอก เพื่อให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น แต่ไม่ควรเปิดไฟสูงอย่างเด็ดขาด เพราะแสงไฟจะสะท้อนกับพื้นถนน ทำให้ผู้ขับรถสวนหรือรถคันหน้ามองไม่เห็นเส้นทาง และไม่ควรเปิดไฟกระพริบ เพราะอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้ร่วมใช้เส้นทางอื่นๆ ทำให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ทั้งนี้ ควรเปิดที่ปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงของเม็ดฝน และขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป เพราะทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย กรณีที่รถเกิดอาการเหินน้ำ อย่าเหยียบเบรกกระทันหันควรจับพวงมาลัยให้แน่น เพื่อให้รถสามารถทรงตัวดีขึ้น หากจำเป็นต้องขับรถผ่านเส้นทางที่น้ำท่วม ควรหยุดประเมินสถานการณ์ ถ้าระดับน้ำลึกและมีกระแสน้ำเชี่ยวกราก ควรหลีกเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นจะปลอดภัยมากกว่า เพราะกระแสน้ำอาจพัดรถลอยและจมน้ำได้ กรณีที่น้ำไม่ลึกมากนักให้ขับรถบนถนนส่วนที่ตื้นที่สุด และระวังถนนในลักษณะหลังเต่า รวมทั้งขับรถในแนวเดียวกับรถคันหน้า เพื่อป้องกันการขับรถเฉออกนอกเส้นทางจนถูกกระแสน้ำพัดลอยไปตามน้ำ รวมทั้งระมัดระวังคลื่นน้ำจากรถคันอื่น หากกระแสน้ำพัดเข้าห้องเครื่องจะทำให้เครื่องยนต์ดับ รถลอยและควบคุมยากมากขึ้น หากต้องการหยุดรถ ควรถอนคันเร่งและย้ำเบรกบ่อยๆ กรณีรถเสียหรือเครื่องยนต์มีปัญหาขัดข้อง ควรเปิดไฟกระพริบเพื่อให้สัญญาณเตือนแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนคันอื่นทราบว่ามีรถจอดเสียจะได้เปลี่ยนเส้นทางทัน ซึ่งจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ภายหลังขับรถลุยน้ำ ผู้ขับขี่ควรย้ำเบรกและคลัชท์ประมาณ ๒ — ๓ ครั้ง เพื่อให้ผ้าเบรกและคลัชท์รีดน้ำออก และทดสอบให้แน่ใจว่าระบบเบรกสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้วจึงขับรถทำความเร็วตามปกติ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์
โทรศัพท์ : 02-243-2200 ,02-243-0674

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ