กรุงเทพฯ--9 ก.พ.--บลจ.ทหารไทย
บลจ.ทหารไทยประกาศนโยบายปี 49 เน้นแข่งด้านบริการ ชูกลยุทธ์ CRM ขยายฐานลูกค้า พร้อมออกกองทุนใหม่ทั้งตราสารหนี้ — หุ้น มั่นใจสิ้นปีมูลค่าทรัพย์สินทะลุ 7.4 หมื่นล้าน
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด เปิดเผยถึงนโยบายของบริษัทฯ ในปีนี้ว่า จะมุ่งเน้นการพัฒนาด้านการบริการอย่างเต็มรูปแบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนมากที่สุด เพื่อตอบสนองลูกค้าที่มีเพิ่มมากขึ้นโดยมีการเตรียมพร้อมทั้งระบบและบุคลากร และในปีนี้ตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้น 12,000 ล้านบาท “ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เร่งพัฒนารูปแบบการบริการตลอดมาเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาที่เกี่ยวกับการบริการหรือการพัฒนาทางระบบ เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการรายการซื้อกองทุนที่อยู่ในช่วงเสนอขายครั้งแรก (IPO) ผ่านทั้งทางโทรศัพท์ และ อินเทอร์เน็ตได้แล้ว รวมทั้งได้พัฒนาการบริการที่เกี่ยวกับการรับเงินค่าขายคืนหรือที่เรียกว่า “Direct Credit” เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้บัญชีเงินฝากของ 4 แบงก์ใหญ่ คือ ธ.กรุงเทพฯ ธ. กรุงศรีฯ ธ.ไทยพาณิชย์ และ ธ. กสิกรไทย เป็นบัญชีรับเงินค่าขายคืนนั้น จะสามารถเบิกเงินสดที่ได้จากการขายคืนกองทุนได้เร็วขึ้นกว่าเดิมอีก 1 วัน ” นางโชติกากล่าว
สำหรับแผนงานในปี 2549 นี้ บริษัทฯ วางแผนงานที่จะพัฒนาออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ การพัฒนาทางด้านการบริการเพื่อเสริมสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า กับอีกส่วนก็จะเป็นเรื่องของแผนการออกกองทุนใหม่ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนได้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นในการลงทุน ในด้านการบริการ บริษัทฯได้เร่งพัฒนาเรื่องการบริการในรูปแบบต่างๆให้กับลูกค้า โดยในระหว่างนี้ บลจ. ทหารไทยอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ Call Center อย่างครบวงจร โดยได้ร่วมมือกับ DST System Inc.จากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาระบบ CRM ซึ่งจะเป็นการจัดเก็บข้อมูลและพัฒนาระบบ Call Center อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในเดือนตุลาคม 2549 นี้ “เรามั่นใจว่าการมุ่งเน้นด้านการให้บริการจะเป็นการสร้าง value added ให้ลูกค้า เป็นการอำนวยความสะดวกสบายทุกๆด้านเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ละเลยที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่เราให้ความสำคัญมาตั้งแต่เปิดบริษัทฯ เพราะเราเชื่อว่า Call Center เป็นด่านแรกที่จะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราได้ ดังนั้น นอกจากจะรักษาลูกค้าเก่าได้แล้วยังช่วยขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงอยู่ในขณะนี้” นางโชติกากล่าว
สำหรับเป้าหมายการออกกองทุนใหม่ในปี 49 ยังคงมุ่งเน้นที่กองทุนตราสารหนี้ โดยการออกกองทุนพันธบัตรระยะ 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ประมาณทุกวันศุกร์สุดท้ายของทุกเดือน และสำหรับเดือนกุมภาพันธ์นี้จะเสนอขายครั้งแรกวันที่ 17-24 ก.พ. นี้ ซึ่งคาดว่ากองทุนดังกล่าวยังคงได้รับผลตอบรับที่ดีจากนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน ส่วนกองทุนพันธบัตรระยะยาว 3-5 ปี คาดว่าจะออกในช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งการออกกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพหรือ RMF อีก1 กองทุน ที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล จากที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้และกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นไปแล้ว ตอนนี้ บริษัทฯยังสนใจออกกองทุนหุ้นอีก 1 กองทุน โดยจะออก Infrastructure Index Fund มูลค่า 2,000 ล้านบาทซึ่งจะลงทุนในบริษัทฯที่ได้รับผลพวงจากการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ ซึ่งมีทั้งกลุ่มก่อสร้าง สื่อสาร พลังงาน และขนส่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการเพื่อขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเสนอขายให้แก่ประชาชนได้ภายเดือนพฤษภาคมนี้
“นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะกระตุ้นการขายกองทุนต่างๆ ตลอดปีทั้งกองทุนทองคำ กองทุนรวม RMF, LTF ที่มียอดขายกระจุกตัวเฉพาะช่วงสิ้นปี โดยบริษัทฯตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเพิ่มเป็น 74,000 ล้านบาทในสิ้นปี 49 คิดเป็นอัตราการขยายตัวประมาณ 20 % จากปี 48 ที่มีทรัพย์สินสุทธิ 61,970 ล้านบาท” นางโชติกากล่าวในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
คุณลัคคณา ขวัญงาม และคุณสุจิรา วิโรจนะ
PR Consultant
Tel. 0 2953-8633, 0 2954-2476 หรือ 09-488-1777, 01-629-1821--จบ--