กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--พี อาร์ โซลูชั่น
ไบโอ คอนซูเมอร์ ประสบผลสำเร็จอย่างสูงในการเจาะกลุ่ม Niche Market ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์ Personal Care และ Household ใช้กลยุทธ์สร้างเสน่ห์และจุดเด่นให้สินค้ามีความโดดเด่นผ่าน Vision ผสาน Innovative ทำให้มีสัดส่วนการเติบโตทั้งกลุ่มในปีที่แล้วมากกว่า 10 % อีกทั้ง สามารถขยายฐานลูกค้าได้ครบทุก Segment อย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าสร้างทุก Brand ในกลุ่มให้แข็งแกร่ง เพื่อก้าวเป็นผู้นำตลาดในแต่ละแคทิกอรี่ มั่นใจปลายปีนี้ทำยอดขายทะลุเป้า 3 พันล้าน
นายสุทธิเดช ถกลศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ คอนซูเมอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ไบโอฯ เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันมีสินค้าที่วางจัดจำหน่ายในตลาดมากถึง 8 Brand ทั้งในกลุ่ม Personal Care และ Household ได้แก่ เอเวอร์เซ้นส์ (Eversense), ทรอส (Tros), ไฟน์ไลน์ (Fineline), สมาร์ท (Smart), บีไนซ์ (BeNice), วีไวต์ (ViVite), ดีนี่ (D-nee) และจีนี่ (Genie) ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จ ก็คือ Vision ในการมองตลาดผ่านความใส่ใจในทุกรายละเอียดและนโยบายในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการและความสะดวกของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมา ไบโอฯ มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็น Niche Market แต่สามารถขยายฐานให้เพิ่มมากขึ้น กระทั่งกลายเป็นสินค้าที่มีความต้องการอย่างแพร่หลาย เช่น สินค้ากลุ่มไวท์เทนนิ่ง ซึ่งไบโอฯ นับเป็นรายแรกๆที่เข้ามาทำตลาด สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นจาก Vision ที่มองเห็น แล้วนำมาผสมผสานกับ Innovation โดยต้องดูว่าคู่แข่งรายอื่นเป็นอย่างไร และเราเพิ่ม Value เข้าไป จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ไบโอฯ ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในทุก Segment และมีอัตราการเติบโตทั้งกลุ่มจากปีที่แล้วเพิ่มขึ้นกว่า 10 % คาดว่าสิ้นปี จะสามารถสร้างยอดขายกว่า 3 พันล้านบาท
“ นโยบายในการผลิตสินค้าของไบโอฯ คือ ผลิตภัณฑ์ต้องมีคุณภาพสูง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่หยุดนิ่ง มี Innovative ใหม่ๆ มาให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ในสิ่งที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มากที่สุด ซึ่งไบโอฯ จะได้เปรียบกว่าคู่แข่ง เนื่องจากเป็นบริษัทขนาดกลาง การปรับปรุงสินค้าและแนวทางการตลาดจะทำได้เร็วกว่า ไบโอฯ ให้ความสำคัญและทุ่มเทในการวิจัยมากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นด้านงบประมาณด้านบุคลากร รวมถึงด้านเวลา ซึ่งไม่สามารถตีเป็นมูลค่าได้ เพื่อให้ได้มาซึ่งการรับรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคและการพัฒนาคิดค้นผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ๆ ที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุด ทั้งนี้ ไบโอฯ ได้มีการลงทุนสร้างศูนย์ R&D Center และขยายในส่วนของ Logistic ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นอีกเท่าตัว บนพื้นที่ขนาด 5 ไร่ ในเขตมีนบุรี เพื่อรองรับการเติบโตของไบโอฯ ที่มีอัตราการขยายตัวสูง
สำหรับ ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในแต่ละ Brand ในปีที่ผ่านมามีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลาด ในกลุ่ม Household บริษัทฯ มี ไฟน์ไลน์ (Fineline) เป็น Brand ที่มียอดขายมากที่สุดอยู่ในตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่ม โดยในส่วนของตลาดน้ำน้ำยาปรับผ้านุ่มรวมมีอัตราการเติบโตเกือบ 20% ขณะที่กลุ่ม Personal Care ทรอส (Tros) ยังคงเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มวัยรุ่นชาย โดยผลิตภัณฑ์ประเภท โคโลญผู้ชาย มีส่วนแบ่งในตลาดผู้ชายเป็นอันดับหนึ่งสูงกว่า 70% นอกจากนี้ ในกลางเดือนกันยายนนี้ ทรอส (Tros) จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดสู่ตลาด คือ ทรอส ไวท์ โรออน (Tros White Roll on) ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ใต้วงแขนขาว เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรม หรือ Innovative ที่คิดค้นมาเพื่อผู้ชายโดยเฉพาะ
ซึ่งมั่นใจว่าจะติดตลาดอย่างรวดเร็วเช่นเคย อย่างไรก็ตาม ไบโอฯ มั่นใจและมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้ สินค้าแต่ละ Brand มีความแข็งแกร่ง และเข้าถึงใจผู้บริโภคอย่างแท้จริงบนปรัชญา " ผลิตภัณฑ์ที่ดี เพื่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น " ทั้งนี้ ภายในระยะเวลา 3 ปี มีเป้าหมายว่า ผลิตภัณฑ์แต่ละ Brand ในไบโอฯ จะครอบคลุม Segment ในตลาดให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น และมียอดขายติดอันดับ 1-3 ในแต่ละแคทิกอรี่ เมื่อเทียบกับคู่แข่งใน Segment เดียวกัน
นายสุทธิเดชกล่าวเพิ่มเติมว่า “ เสน่ห์ของผลิตภัณฑ์แต่ละ Brand ของไบโอฯ ทั้งหมดจะเริ่มจาก Vision ที่ต้องการเป็น 1 ใน 3 บริษัทผู้พัฒนาและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคชั้นนำ ดังนั้น การจะตอบโจทย์ดังกล่าวได้ ต้องเริ่มจากการนำเสนอสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอย่างแท้จริง จากนั้น ก็จะมีการวิจัยค้นคว้าอย่างละเอียด จนในท้ายที่สุดก็เกิด Innovative product ที่โดนใจ โดยในปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Innovative แทบทุกตัว อาทิ วีไวต์ เลสเชฟ โรลออน สูตรช่วยชะลอการเกิดใหม่ของเส้นขน, เอเวอร์เซ้นส์ เอ็กซ์ตร้า ไวท์ โรลออน สูตรโยเกิร์ต , ดีนี่ เบบี้วอช สูตรอ่อนโยนจากธรรมชาติเพื่อลูกน้อย,น้ำยารีดผ้าเรียบและน้ำยาอัดกลีบไฟน์ไลน์ สูตรใหม่ Extra Neat , ทรอส แฮร์เจล / โรลออน สูตรเย็น - เฟเชียลโฟม สูตร Energy Boost, ครีมอาบน้ำบีไนซ์ ด้วย Wheat Protein เพื่อการกระชับผิว และบีไนซ์ เพื่อจุดซ่อนเร้น จากน้ำแร่ธรรมชาติ , จีนี่ ยังแคร์ เจลลี่ โคโลญ และสมาร์ท สูตร Ultra Soft เป็นต้น โดย Innovative เหล่านี้ เข้ามามีบทบาทในการทำตลาดอย่างมาก เนื่องจากช่วง 4 — 5 ปีที่ผ่านมา สภาพแวดล้อมในการดำเนินชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี สังคม และเศรษฐกิจ ส่งผลให้ Lifestyle ของผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ปรับเปลี่ยนไป ดังนั้น การมองเทรนด์ใหม่ๆ และการค้นคว้าวิจัย จึงทำให้ สามารถเข้าถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละ Segment ได้ดี ในที่สุดก็ช่วยสร้าง Brand Loyalty ให้เกิดขึ้น อันเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้สินค้าทุก Brand ของไบโอฯ ประสบกับความสำเร็จและเติบโตขึ้นทุกปีอย่างรวดเร็ว”
ในด้านงบประมาณส่งเสริมการตลาดที่เราใช้ต่อปี อยู่ที่ประมาณ 25% ของยอดขาย ซึ่งถือว่าไม่น้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แบ่งเป็นสัดส่วนครึ่งๆ ระหว่าง Below the Line และ Above the line เท่าๆ กัน โดยในครึ่งปีแรกของปี 2549 นี้ ไบโอฯ ได้ใช้งบทั้งการซื้อสื่อโฆษณาและจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ประมาณ 370 ล้านบาท ในส่วนของครึ่งปีหลังก็คาดว่าจะใช้งบอีกประมาณเกือบ 400 ล้านบาท แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในสภาวะที่ไม่ดีนัก แต่ไบโอฯ เห็นว่าเป็นอีกโอกาสที่ดีในการสร้าง Brand ให้ผู้บริโภคจดจำได้ดียิ่งขึ้น โดยจะยังคงให้ความสำคัญกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดแบบ Below the line ที่แบ่งเขตซอยย่อยลงไปในแต่ละภูมิภาคของประเทศมากขึ้น รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับร้านค้าหลักๆ ในจังหวัดต่างๆ เพื่อการกระจายสินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึง ในปัจจุบัน ไบโอฯ ทำหน้าที่กระจายสินค้าผ่านช่องทางจัดจำหน่ายเอง โดยมีร้านค้ากระจายอยู่ประมาณ 40,000 แห่งทั่วประเทศ นายสุทธิเดชกล่าวในที่สุด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท พี อาร์ โซลูชั่น จำกัด : โทรศัพท์ 0-2656-8059 www.prsolution.co.th
คุณประภาส จรสรัมย์ คุณจิตฤทัย ทัดเสรีวิบูลย์ คุณสิทธิกร รัตนะเศรษฐี
โทรศัพท์ 0-81827-7354 โทรศัพท์ 0-81613-1865 โทรศัพท์ 0-89155-5095
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net