กรุงเทพฯ--17 ต.ค.--สสว.
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ผนึก สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สสวท.) จัดงาน “การจับคู่นวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์2551 (Inno-Matching 2008)” สนับสนุนนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยที่มีความสามารถในการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมไทยในด้านต่างๆ ได้นำเสนอผลงานให้แก่ผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม เพื่อนำผลงานนั้นมาพัฒนาสู่การเป็นผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ในอนาคต
นายภักดิ์ ทองส้ม รองผู้อำนวยการรักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า จากการที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเป็นองค์กรที่ส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ทั้งด้านการวางแผนที่สอดรับกับนโยบายระดับประเทศ และด้านการส่งเสริมนวัตกรรมโดยให้การสนับสนุนหน่วยงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของ SMEs ไทยในด้านนวัตกรรม
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราจะเห็นได้ชัดเจนว่าผลงานวิจัย และเทคโนโลยีของสถาบันวิจัย และมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งแนวคิดและผลงานจากนักนวัตกรรมในภาคเอกชน เป็นแหล่งความรู้ที่มีศักยภาพในเชิงเศรษฐกิจและธุรกิจ และเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการพัฒนา SMEs ไทยให้เติบโตด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมภายในประเทศเอง หากแต่ยังขาดการสนับสนุน การเชื่อมโยงสู่ผู้ประกอบการเพื่อมุ่งสู่เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุด ทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จึงได้ร่วมมือกับ สมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สสวท.) จัดงาน “การจับคู่นวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์2551 (Inno-Matching 2008)” ที่ได้นำ Supply Side ได้แก่ หน่วยงาน/ผู้ประกอบการ SMEs ไทย ที่มีศักยภาพด้านนวัตกรรมและDemand Side ได้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่ต้องการนวัตกรรม มาร่วมกันทำการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 2 แห่ง คือ จังหวัดขอนแก่น และ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการจุดประกายและสร้างความตื่นตัวในการทำธุรกิจนวัตกรรมทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาค
“การจัดงานดังกล่าวนั่นเนื่องจากเราเล็งเห็นถึงความความสำคัญของการนำผลงานวิจัย เทคโนโลยี รวมทั้งนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ที่มีศักยภาพไปสู่เชิงพาณิชย์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันการจับคู่ธุรกิจนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จจะเกิดการขยายตัวธุรกิจนวัตกรรมและเป็นต้นแบบแนวทางการบริหารจัดการส่งเสริมนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ในอนาคตต่อไป ” นายภักดิ์ กล่าว
ด้าน นายวิเชียร เชิดชูตระกูลทอง นายกสมาคมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าร่วมจัดงานครั้งนี้เพื่อต้องการเชื่อมโยงและบูรณาการงานวิจัย สิทธิบัตร และแผนธุรกิจนวัตกรรมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ของสถาบันการศึกษา และหน่วยงานวิจัยต่างๆ มาคัดกรอง และนำเสนอให้ผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม หรือนำความรู้ที่ได้มาสร้างมูลค่าเพิ่มกับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมของตนเอง อีกทั้งให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจจากการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากงานวิจัยและนวัตกรรมและแผนธุรกิจนวัตกรรมที่มีอยู่เดิม และยังเป็นการเสาะหาผลงานนวัตกรรมของผู้ประกอบการไทยที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจนวัตกรรม ในการนำเสนอแบบอย่างความสำเร็จของการลงทุนในธุรกิจนวัตกรรม
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดเวทีการจับคู่ธุรกิจนวัตกรรมที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ และผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนธุรกิจนวัตกรรมองค์ประกอบที่เอื้อประโยชน์มากขึ้น เช่น การมีแผนธุรกิจนวัตกรรม การมีผลิตภัณฑ์ต้นแบบการประเมินค่าเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพที่สำคัญเพื่อนำเสนอแหล่งสนับสนุนการลงทุนด้านธุรกิจนวัตกรรม รวมทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน
"การจัดงานครั้งนี้เราหวังว่าจะทำให้กลุ่มผู้ประกอบการไทยที่เข้ามาร่วมงานมีความเข้าใจที่จะลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมที่มีศักยภาพ จนใช้เป็นจุดแข็งในกระบวนการทางธุรกิจ รวมไปถึงผู้ที่สนใจลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมจะได้เห็นถึงความสำคัญและ มีทักษะในการนำนวัตกรรมไปเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเชิงธุรกิจ จนผลักดันสินค้าเข้าสู่ตลาดอย่างเข้มแข็ง พร้อมทั้งนักวิจัยและนักนวัตกรรมที่ได้นำนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ขึ้นมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ร่วมกับนักธุรกิจที่ลงทุนใช้เป็นอาวุธที่ผลักดันสินค้าสู่ตลาดได้อย่างยั่งยืน และเติบโตขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกลุ่มนักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยและผู้ประกอบการได้นำเสนอผลงานของตัวเอง และได้รับทราบความต้อง การของตลาด และทำให้เกิดความเข้าใจและมีทักษะขั้นพื้นฐานในด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงงานวิจัยให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญทางด้านกลุ่มผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ SMEs เองที่มีแผนธุรกิจและการตลาดที่จะนำเอาทรัพย์สินทางปัญญามาผนวกไว้กับสินค้าของตนเอง เพื่อนำเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูง“ นายวิเชียร กล่าวสรุป