ทีโอซี เผยผลประกอบการปี 47 พร้อมประกาศแผนขยายธุรกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด ยกระดับองค์กรสู่ World Class

ข่าวทั่วไป Thursday March 3, 2005 16:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์
บริษัท ไทย โอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOC ผู้ผลิตเอทิลีนและโพรพิลีนชั้นนำของไทยประกาศแผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว โดยมีภารกิจสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุดให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทั้งผู้ถือหุ้น ลูกค้า พนักงานและสังคม รวมทั้งกำหนดเป้าหมายเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและพัฒนาระบบงานสู่มาตรฐานระดับโลก
TOC ได้แจ้งผลประกอบการปี 2547 ที่ผ่านมาว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 23,835 ล้านบาท และมีรายได้รวม 24,451 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 6,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 361 จากปี 2546 รายได้จากการขาย และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์และต้นทุนวัตถุดิบมีการปรับตัวสูงขึ้นมาก (High Product to Feed Margin) ราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนและโพรพิลีนถัวเฉลี่ยมาบตาพุดเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 และ 41.3 ตามลำดับจากปี 2546 รวมถึงราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้เช่น ไพโรไลซิสก๊าซโซลีนและมิกซ์ซี4 ที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับภาระจ่ายดอกเบี้ยลดลงเนื่องจากการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อชำระคืนเงินกู้เดิมที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า
นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลประกอบการในปีที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจอย่างมาก คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 3.00 บาท หรือมากกว่า 30% ของกำไรสุทธิ นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายที่จะรักษาอัตราผลกำไรและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยลงทุนในธุรกิจต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและกระจายความเสี่ยง ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ได้มีมติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) สัดส่วนร้อยละ 20 ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของวีนิไทยภายหลังการเพิ่มทุน โดยวีนิไทยจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวจำนวน 237.04 ล้านหน่วยให้กับบริษัทฯ โดยมีราคาการใช้สิทธิ (Exercise Price) 11.50 บาทต่อ 1 หุ้นสามัญ และมีระยะเวลาการใช้สิทธิเดือนสิงหาคม — พฤศจิกายน 2548
การลงทุนใน บมจ.วีนิไทย เป็นการขยายธุรกิจบริษัทฯ สู่การผลิตและจำหน่ายพลาสติกพีวีซี โดยวีนิไทยจะนำเงินทุนที่ได้จากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนนี้ไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตสารวีซีเอ็ม ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตพลาสติกพีวีซี โดยเพิ่มกำลังการผลิตจากปัจจุบัน 200,000 ตันต่อปีเป็น 400,000 ตันต่อปี ซึ่งจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของวีนิไทย ขณะเดียวกันบริษัทฯ จะได้ประโยชน์ในการขายเอทิลีนให้แก่ วีนิไทย สำหรับโรงงานส่วนขยายกำลังการผลิต ที่มีความต้องการเอทิลีนเพิ่มขึ้นอีกประมาณปีละ 90,000 ตัน นอกจากนั้น บริษัทยังสามารถรับรู้ผลกำไรของวีนิไทย ในงบการเงินของบริษัท ทำให้บริษัทมีผลกำไรที่มั่นคงมากขึ้น
บริษัทฯ ดำเนินการลงทุนในธุรกิจต่อเนื่อง ตามเป้าหมายเพื่อให้กิจการเติบโตอย่างมั่นคงรวมทั้งรักษาผลกำไรและผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นอย่างเหมาะสม โดยตั้งแต่ปี 2546 ที่ผ่านมาได้มีการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญ ได้แก่ การตั้งบริษัท ทีโอซี ไกลคอล จำกัด เพื่อดำเนินการโรงงาน เอ็มอีจี (MEG) แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อผลิตวัตถุดิบสำหรับสารโพลีเอสเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอและบรรจุภัณฑ์ขวดใส (PET Bottle) โดยปัจจุบันการก่อสร้างโรงงานก้าวหน้ากว่า 45% จะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2 ปี 2549 มีกำลังการผลิต เอ็มอีจี 300,000 ตันต่อปี ใช้เงินลงทุน 210 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ปี 2547 บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 50 ของบริษัท บางกอกโพลีเอทิลีน จำกัด (มหาชน) หรือ BPE ทำให้บริษัทฯ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจผลิตเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน ซึ่งปัจจุบัน BPE อยู่ระหว่างการปรับปรุงโรงงานเพื่อให้มีกำลังการการผลิต HDPE เพิ่มอีก 50,000 ตันต่อปี รวมเป็นกำลังการผลิตทั้งสิ้น 250,000 ตันต่อปี พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับ ปตท. เอ็นพีซี และเอทีซี ดำเนินโครงการผลิต ฟีนอล เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจ และโครงการผลิตสาธารณูปโภคร่วม ได้แก่ ไฟฟ้าและไอน้ำ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ในเดือนมกราคม 2548 บริษัทฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท คอกนิสไทย จำกัด จัดตั้งบริษัท ไทยอีทอกซีเลท จำกัด ดำเนินการผลิตสารแฟตตี้แอลกอฮอล์อีทอกซีเลท (Fatty Alcohol Ethoxylates) ส่งให้แก่ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคที่ใช้เพื่อดูแลสุขภาพและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายและครัวเรือนในประเทศไทย ซึ่งจะผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตของภูมิภาค โดยจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2549 โดยมีกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินโครงการต่อเนื่องของผลิตภัณฑ์อีโอ (EO Derivatives) อีก 2 โครงการ คือ การผลิตสารคลอรีน คลอไรด์ (Chorine Chloride) ขนาด 20,000 ตันต่อปี และการผลิตอีทาโนลามีน (Ethanolamines) ขนาด 50,000 ตันต่อปี โดยทั้งสองโครงการคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 1 ปี 2550 การดำเนินการโครงการทั้ง 3 โครงการนี้ จะช่วยทำให้บริษัท ทีโอซี ไกลคอล จำกัด มีรายได้และผลกำไรที่มั่นคงขึ้น เพราะราคาผลิตภัณฑ์มีความผันผวนน้อย ส่งผลให้บริษัทมีการขยายตัวอย่างมั่นคง
สำหรับในปี 2548 นี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอทิลีน และโพรพิลีนเพิ่มขึ้นอีก 300,000 และ 50,000 ตันต่อปีตามลำดับ จากการขยายกำลังผลิตของโรงงาน เพิ่มขึ้นประมาณ 60% จากกำลังการผลิตเอทิลีนและโพรพิลีนของโรงงานในปี 2547 ที่ 385,000 และ 190,000 ตันต่อปี ตามลำดับ
นายอดิเทพกล่าวเสริมว่า ธุรกิจโอเลฟินส์ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้ผลิต ชั้นนำ เราต้องวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบเพื่อให้สามารถรองรับตลาดที่กำลังขยายตัว อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดสากล ทั้งนี้สำหรับบริษัทฯ ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตโดยใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆของโรงงานเดิม ทำให้เงินลงทุนต่อหน่วยลดลง ดังนั้น นอกจากการขยายโรงงานโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ที่เสร็จแล้ว บริษัทฯ จะมีการขยายโรงงานโอเลฟินส์ หน่วย 1 เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเอทิลีนอีก 130,000 ตันต่อปี และ โพรพิลีน 120,000 ตันต่อปี ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2549
บริษัทฯ มุ่งพัฒนาการบริหารจัดการเพื่อความเป็นเลิศในระดับสากล และพร้อมรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ปีนี้ บริษัทฯ ได้รับรางวัลที่แสดงถึงความสำเร็จและความก้าวหน้าในการพัฒนาการบริหารจัดการของบริษัทฯ ที่ทัดเทียมองค์กรชั้นนำในระดับสากล ได้แก่ รางวัลการบริหารสู่ความเป็นเลิศ จากคณะกรรมการรางวัลคุณภาพแห่งชาติ และรางวัลบริษัทที่มีความก้าวหน้าการจัดการเป็นเลิศ จากวารสารเอเชียมันนี่ ในปีนี้จึงถือว่าเป็นปีแห่งความสำเร็จของ ทีโอซี ซึ่งบริษัทฯ จะจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี ในวันที่ 14 มีนาคมนี้ ณ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ
บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2533 เป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์ชั้นนำของไทย โดยผลิตเอทิลีนและโพรพิลีนเป็นหลัก รวมทั้งผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้อื่นๆ ได้แก่ ไพโรไลซิสก๊าซโซลีน, มิกซ์ซี 4, เทลก๊าซ, แครกเกอร์บอททอม และไฮโดรเจน โรงงานของบริษัทฯ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้งในส่วนผลิตภัณฑ์หลัก ประกอบด้วย เอทิลีน 685 ,000 ตันต่อปี และโพรพิลีน 240,000 ตันต่อปี
แถลงข่าวในนาม: บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน)
รายละเอียดเพิ่มเติม:
อนงค์ จรัสไกรสร (AnongC@toc.co.th)
ผู้จัดการแผนกบริการเผยแพร่และมวลชนสัมพันธ์
บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) โทร. 0 2265-8165:
รื่นฤดี ทวีผล (ruanrudee.taweepol@ogilvy.com)
โกวิท สว่างวารีสกุล (kovit.savangvareesakul@ogilvy.com)--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ