โครงการตวันธรรมครั้งที่ 50 ธรรมะจากพระโอษฐ์ — การละนันทิ หรือ การละความเพลิน”

ข่าวทั่วไป Monday November 24, 2008 11:55 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--โรงแรมตวันนา โครงการตวันธรรมครั้งที่ 50 “ธรรมะจากพระโอษฐ์ — การละนันทิ หรือ การละความเพลิน” โดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล โครงการตวันธรรม โดย องค์การเผยแผ่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ร่วมกับ สำนักงานเขตบางรัก และ โรงแรมตวันนา ขอเชิญร่วมรับฟังการบรรยายในโครงการตวันธรรมครั้งที่ 50 โดย พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง จ. ปทุมธานี เรื่อง “ธรรมะจากพระโอษฐ์ — การละนันทิ หรือ การละความเพลิน” พร้อมทั้งร่วมเจริญสมาธิภาวนา เรื่อง “การวิปัสนา ตอนที่ 9” โดย พระราชปฏิภาณมุนี (บุญมา อาคมปุญโญ) ประธานองค์การเผยแผ่วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ในวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2551 เวลา 17.30 — 20.30 น. ณ ห้องสุรวงศ์วิวัฒน์ โรงแรมตวันนา ถ. สุรวงศ์ โรงแรมตวันนาขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายธรรม และ เจริญสมาธิภาวนา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 0-2236-0361 ประวัติพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล ประวัติในช่วงเป็นฆราวาส พระอธิการ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เกิดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2506 ที่ โรงพยาบาลจุฬาฯ กรงเทพฯ ท่านจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่โรงเรียนนายร้อย จปร. สาขาวิศวกรรมเครื่องกล และ ปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจากนั้นท่านได้รับราชการทหาร โดยมียศหลังสุดในชีวิตฆราวาสเป็นพันตรี จุดเริ่มต้นในเส้นทางธรรม ในปี พ.ศ. 2522 ท่านได้มีโอกาสบวชเป็นครั้งแรกนาน 1 เดือนกับหลวงพ่อชา สุภัทโท ที่วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ขณะเรียนเตรียมทหารปีที่ 1 การบวชครั้งนี้นำท่านไปสู่ดินแดนแห่งความสงบวิเวกที่เรียบง่ายในวัดป่า และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อชา สัมผัสกับจิตบริสุทธ์ทีมีอยู่จริง รวมทั้งธรรมะและข้อวัตรปฏิบัติที่เคร่งครัดงดงามน่าเลื่อมใสจึงทำให้ท่านเริ่มมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และเมื่อครบกำหนดลาสิกขาท่านจึงตั้งใจฝึกศีล 5 อย่างเคร่งครัด จนกระทั่งได้มีโอกาสบวชอีกครั้งในช่วงปิดเทอมชั้นปีที่ 4 และในครั้งนี้ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะใช้ชีวิตฆราวาสอีกเพียง 10 ปี แล้วขอให้มีเหตุปัจจัยผลักดันให้ได้ครองเพศบรรพชิตไปตลอดชีวิต ชีวิตในเพศบรรพชิตครั้งสุดท้าย ท่านได้ใช้ชีวิตทางโลกอย่างปรกติเรื่อยมา จนในที่สุดเมื่อครบ 10 ปี ตามที่ได้ตั้งอธิษฐานไว้และเป็นปีที่หลวงพ่อชาได้มรณภาพ ท่านได้เห็นสัจธรรมความไม่เที่ยงของสรรพสัตว์ทั้งหลายในโลก ท่านจึงอาศัยสิ่งนี้ผลักตัวเองออกจากชีวิตทางโลก ผลักดันให้ท่านเข้ามาบวชอีกครั้ง ครั้งนี้ท่านเข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัตร์ ที่สำนักสงฆ์บุญญาวาส จังหวัดชลบุรี หลังจากบวชได้ระยะหนึ่ง ท่านได้มาบำเพ็ญภาวนาและพำนักอยู่ยังผืนนาที่โยมแม่ของท่านยกถวาย ที่ถ.ลำลูกกา คลองสิบ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดนาป่าพงในปัจจุบัน ท่านจึงอาศัยความสันโดษวิเวกนี้เป็นโอกาสแห่งการปฏิบัติภาวนาอย่างเต็มกำลังความสามารถ พร้อมทั้งศึกษาธรรม และวินัยจากพระโอษฐ์ควบคู่กันไป ซึ่งในระหว่างนั้นสถานที่ดังกล่าวค่อยๆ ได้รับการพัฒนา และถูกยกขึ้นเป็นวัดสาขาของวัดหนองป่าพงในลำดับที่ 149 ในปี พ.ศ. 2545 ท่านได้วางแนวทางการปฏิบัติของพระสงฆ์ในวัดได้อย่างชัดเจน โดยยึดแต่คำสอนที่เป็นพุทธวจนะของพระพุทธเจ้าเป็นแนวทาง ท่านได้วางนโยบายในวัดให้มีความสงบสอดคล้องเหมือนกับการออกวิเวกธุดงค์ กำหนดกิจข้อวัตรของพระในวัดให้กระชับที่สุด และเป็นกฎเกณฑ์ของหมู่คณะที่ต้องเคร่งครัด เพื่อเปิดโอกาสให้พระได้มีเวลาในการภาวนามากๆ ผู้ที่จะบวชในวัดนี้ควรจะต้องมีเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อเตรียมตัวอยู่เป็นผ้าขาวก่อนประมาณ 2 อาทิตย์ จากนั้นบรรพชาเป็นสามเณรอีกประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วจึงสามารถบวชเป็นพระได้ ท่านเน้นย้ำมากในเรื่องการศึกษาและปฏิบัติธรรมะว่า ควรศึกษาโดยตรงในธรรมะจากพระโอษฐ์เท่านั้น การแสดงความเห็นของสาวกที่เป็นเพียงผู้เดินตามมรรคย่อมมีข้อผิดเพี้ยนและเป็นเหตุแห่งการนับถือศาสนาพุทธที่ผิด รวมถึงการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งได้ที่ โทร. 0-2236-0361

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ