“ฟัน คาแร็คเตอร์ส” เปิดแผนปี’52 โฟกัสลิขสิทธิ์หลัก “มิ๊กกี้เม้าท์-หมีพูห์-ปริ้นเซส” รุกเพิ่มคาแร็คเตอร์การ์ตูน-ปลุกกระแส “Toy Story, Disney Cars”

ข่าวทั่วไป Thursday November 27, 2008 15:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 พ.ย.--เอดีทูวาย คอมมิวนิเคชั่น “ฟัน คาแร็คเตอร์ส” เปิดแผนปี’52 โฟกัสลิขสิทธิ์หลัก “มิ๊กกี้เม้าท์-หมีพูห์-ปริ้นเซส” รุกเพิ่มคาแร็คเตอร์การ์ตูน-ปลุกกระแส “Toy Story, Disney Cars” ลากยาวถึงปี 2012 “ฟัน คาแรคเตอร์ส” เผยแผนปี’52 นอกจากโฟกัสลิขสิทธิ์หลัก “มิ๊กกี้เม้าท์-หมีพูห์-ปริ้นเซส” แล้วยังเพิ่ม คาแร็คเตอร์การ์ตูนจากหนังใหม่อีกเพียบเสริมคาแร็คเตอร์เดิม ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเตรียมปลุกกระแส “Toy Story และ Disney Cars”หวังกินยาวถึง ปี 2012 พร้อมอัดอีเวนต์ใหญ่สร้างแบรนด์ต่อเนื่องทุกปี มั่นใจลิขสิทธิ์ “ดีสนีย์” ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าได้มากขึ้น คาดรายได้รวมปีนี้เติบโต 18% สวนกระแสเศรษฐกิจ นางสาวอนิษฐ์ทิตา บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารลิขสิทธิ์ดีสนีย์ในประเทศไทย เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานสำหรับปีหน้า 2552 ว่า บริษัทจะยังคงโฟกัสลิขสิทธิ์ในกลุ่มหลัก คือ มิ๊กกี้เม้าท์, หมีพูห์ และปริ้นเซส พร้อมทั้งร่วมกับพันธมิตรพัฒนาสินค้าในกลุ่มสินค้าเด็กอ่อน ภายใต้คอลเล็คชั่น Disney Baby มากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแนวทางในการพัฒนาคาแร็คเตอร์อื่นๆจากภาพยนตร์ที่เข้าฉายไปแล้วออกมาทำตลาดเสริมอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ประกอบด้วย Disney Cars คาแร็คเตอร์สำหรับกลุ่มเด็กผู้ชาย ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ที่บริษัทยังไม่ค่อยแข็งแรงนัก หรือ Stitch คาแร็คเตอร์ที่กำลังเป็นกระแสในกลุ่มเด็กวัยรุ่น และกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ในปีหน้าจะยังมีภาพยนตร์เข้าฉายอีกหลายโปรแกรม อาทิ ภาพยนตร์เรื่อง Bolt เข้าฉายในช่วงต้นเดือนมีนาคม G-Force เข้าฉายในเดือนสิงหาคม รวมถึง Toy Story เวอร์ชั่นทรีดี เข้าฉายในโรงไอแม็กซ์ 3 มิติ ในช่วงเดือนตุลาคม “ในส่วนของ Toy Story เป็นอะไรที่น่าสนใจมากในการลงทุน เพราะดีสนีย์มีแผนที่จะสร้าง Toy Story ภาค 3 อีกครั้งในปี 2010 เราจึงต้องเตรียมการปลุกตลาดและสร้างแบรนด์สินค้าตัวนี้เพื่อให้ทำตลาดได้ลากยาวไปให้ได้ถึงปี 2010 ขณะที่หนังเรื่อง Cars ก็จะมี Cars 2 ในปี 2012 จึงยิ่งต้องสร้างกระแสให้เกิดความต่อเนื่อง” นางสาวอนิษฐ์ทิตา นางสาวอนิษฐ์ทิตา กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้พยายามหาสินค้าในช่องทางที่เหมาะสมเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง โดยได้แบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย 1. ตลาดระดับล่างและไฮเปอร์มาร์เก็ต ทังบิ๊กซี โลตัส คาร์ฟูร์ (Mass) 2. ตลาดห้างสรรพสินค้า (Mitteer) จับลูกค้าระดับกลาง จำหน่ายผ่านช่องทางห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์, โรบินสัน และ 3. ตลาดระดับบน (Hi-end) จำหน่ายผ่านช่องทางศูนย์การค้าระดับบนอย่างสยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม และเซ็นทรัล รวมถึงร้านประเภทสเปเชี่ยลตี้สโตร์ ซึ่งได้ทยอยออกสินค้าออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องมาตลอด ปัจจุบันบริษัทมีพาร์ทเนอร์ทางการค้า (ไลเซ่นส์ซี่) อยู่กว่า 100 ราย มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังได้ขยายธุรกิจกับพาร์ทเนอร์กลุ่มใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมให้แบรนด์ของดีสนีย์มีความแข็งแรงในทุกกลุ่มสินค้าและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในทุกกลุ่มเป้าหมาย นางสาวอนิษฐ์ทิตากล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาร่วมธุรกิจและซื้อลิขสิทธิ์ไปทำธุรกิจนั้นส่วนใหญ่ล้วนนำไปเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทั้งสิ้น โดยจะพบว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่ซื้อลิขสิทธิ์ดีสนีย์ไปทำธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จแทบทั้งสิ้น อาทิ เสื้อผ้าวัยรุ่นแบรนด์ Hound & Friends โดย Grey Hound ที่ได้ออกคอลเล็คชั่นสำหรับสินค้าดีสนีย์โดยเฉพาะ และขายในช่องทางระดับไฮเอ็น โดยมีมูลค่าขายส่งสินค้าดีสนีย์ในปีนี้รวม 9 ล้านบาท หรือผลิตภัณฑ์อาหาร S&P ที่มีการพัฒนากลุ่มสินค้าในรูปแบบใหม่ๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีเฉพาะเค้ก และคุ๊กกี้ โดยในปีนี้มีการเพิ่มเติมกลุ่มอาหารแช่แข็งที่เน้นอาหาร และเน้นคุณค่าทางโภชนาการสำหรับเด็ก ที่เตรียมจะวางตลาดเร็วๆนี้ พร้อมออกเมนูใหม่อีก 3-4 เมนู หรือเมนูเด็ก (Kids menu) อาหารเสิร์ฟในร้านสำหรับเด็กที่เป็นเซ็ตของดีสนีย์โดยเฉพาะ ปัจจุบันเอสแอนด์พีมีมูลค่าขายส่งสินค้าดีสนีย์ในปีนี้รวม 81 ล้านบาท ล่าสุดคือ ผลิตภัณฑ์ Cotto แบรนด์เซรามิคกระเบื้องที่ได้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากจากการนำคาแร็คเตอร์ลิขสิทธิ์ดีสนีย์ไปเพิ่มมูลค่าทั้งมิ๊กกี้เม้าท์, หมีพู กระทั่งทำให้คอตโตได้รับรางวัล Global Best Product 2008 จากบริษัทแม่ของดีสนีย์อเมริกา ซึ่งเป็นรางวัลด้านการออกแบบยอดเยี่ยม ปัจจุบันกำลังขยายการจัดจำหน่ายส่งคอลเล็คชั่นดังกล่าวนี้ไปจำหน่ายยังตลาดประเทศอื่นๆ อีกด้วย โดยมูลค่าขายส่งของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ในไตรมาสแรกที่เริ่มจำหน่ายอยู่ที่ 13.5 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ถึง 800% นอกจากนี้ฟัน คาแรคเตอร์สฯ ยังร่วมมือกับกลุ่มห้างดิสเคาน์สโตร์ ทั้งบิ๊กซีและคาร์ฟูร์ พัฒนาสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ภายใต้แบรนด์ Disney ร่วมกันอีกด้วย รวมถึงการตกแต่งและจัดพื้นที่สำหรับจำหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ดีสนีย์โดยเฉพาะ ทั้งในหมวดเสื้อผ้า, เครื่องเขียน, เครื่องใช้ภายในบ้าน ฯลฯ นอกจากนี้บริษัทยังได้ร่วมกับห้างและคู่ค้าในการปรับเปลี่ยนลุคส์ของพื้นที่ขายด้วยการตกแต่งพื้นที่ขายเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้ชัดเจนและโดดเด่นขึ้น เช่น ร่วมกับห้างเซ็นทรัล ฯ ในการตกแต่งจุดขายรวมสินค้าลิขสิทธิ์ดีสนีย์โดยเฉพาะในแผนกของเล่น โดยจะเห็นภาพชัดเจนภายในสิ้นปีนี้ที่เซ็นทรัล ชิดลม และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ รวมถึงพื้นที่มุมพิเศษของคู่ค้า อย่างบริษัทการ์ตูนคาร์แรคเตอร์ ฯ ผู้ผลิตตุ๊กตามิกกี้เม้าส์รายใหญ่ของประเทศ ที่เพิ่งเปิดตัวพื้นที่ใหม่ภายในแผนกกิ๊ฟชอปห้างเดอะมอลล์งามวงศ์วาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าของดีสนีย์ ณ จุดขายให้มีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้น และเป็นการส่งเสริมการขายอีกทางหนึ่ง “ยิ่งเศรษฐกิจเป็นแบบนี้เชื่อว่าผู้ผลิตสินค้ายิ่งต้องมองหามูลค่าเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าตัวเองมากขึ้น และ แบรนด์ของดีสนีย์ก็ค่อนข้างเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคอยู่แล้ว เป็นการทำเพิ่มศักยภาพทางการตลาดง่ายขึ้น ขณะเดียวกันเราและคู่ค้ายังร่วมกันพัฒนาสินค้าให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเงินที่เขาจ่ายไป” นางสาวอนิษฐ์ทิตากล่าว และว่า แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะไม่สดใสนักแต่ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ยังสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยมีอัตราการเติบโตของรายได้สูงขึ้น 18% จากปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องอีกประมาณ 19-20% ในปีหน้า 2552 นี้ นางสาวอนิษฐ์ทิตา ยังกล่าวต่อไปอีกว่า และเพื่อเป็นการสร้างให้ภาพลักษณ์ของดีสนีย์มีความแข็งแรงยิ่งขึ้นบริษัทจึงได้วางแผนทำ Strategy Event อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทมีแผนจัดกิจกรรมฉลองเทศกาลปีใหม่ให้กับเด็กๆ โดยจัดงาน “Disney Magical Wonderland: ดีสนีย์ เมจิคอล วันเดอร์แลนด์” ระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2551 — 4 มกราคม 2552 ที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 นอกจากนี้เรายังมีสินค้าลิขสิทธิ์ดีสนีย์ราคาลดพิเศษกว่า 50%มาให้เลือกช็อปเลือกซื้อเป็นของขวัญส่งท้ายเทศกาลแห่งความสุขอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผกากานท์ (ลูกหยี) 081 489 8419 e-mail: yee@ad2y.com , yee_ka36@hotmail.com อพัชรอร (อุ๊) 089- 797 6297 e-mail: Ouneena@yahoo.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ