ประธาน ส.อ.ท.หวั่นเครดิตเรตติ้งไทยลดจากปัญหาการเมือง

ข่าวทั่วไป Friday November 28, 2008 17:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--ส.อ.ท. นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาคธุรกิจอย่างมาก โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังกระทบนักลงทุนที่ต้องเดินทางไปทำธุรกิจ ทำให้ความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาชาวโลกลดลง เพราะสนามบินเป็นประตูเข้าออกประเทศที่สำคัญ นายสันติ กล่าวว่า การที่รัฐบาลยังหวังที่จะให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์ กลางการบินอาเซียน รวมถึงศูนย์กลางโลจิสติกส์ในภูมิภาคนี้ ปัจจุบันยังสามารถเดินหน้าเรื่องนี้ได้ แต่รัฐบาลจะต้องหาวิธีทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวยุติโดยเร็ว เพราะเป็นหน้าตาของประเทศ รัฐบาลควรพูดคุยกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อหาทางถอยคนละก้าวไม่ให้สถานการณ์บานปลายมากกว่านี้ สำหรับความ เสียหายต่อภาคธุรกิจส่งออกนั้น ถือว่ายังได้รับผลกระทบไม่มาก เพราะร้อยละ 90 เป็นการส่งออกสินค้าทางเรือ การขนส่งสินค้าทางอากาศมีเพียงส่วนน้อย อย่างไรก็ตาม การขนส่งทุกเส้นทางถือว่าสำคัญ จึงอยากให้เรื่องยุติโดยเร็ว เพราะขณะนี้ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมที่กระทบมาก คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นต้องขนส่งทางเครื่องบิน สินค้าเกษตรก็ต้องรักษาความสดโดยอาศัยความรวดเร็วในการขนส่ง เช่น ผัก ผลไม้ กล้วยไม้ รวมถึงการขนส่งเอกสารและจากการชุมนุมทางการเมืองของประเทศไทย หากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือปรับลดอันดับของไทยลง ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องระดมเงินทุนจากต่างประเทศ นายอนุกูล แต้มประเสริฐ รองเลขาธิการ ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้เดินหน้าผลักดันการส่งออกสินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเน้น 3 เรื่อง คือ สินค้าดูแลสิ่งแวดล้อม พลังงานทดแทนและสินค้าเทคโนโลยี การที่ไทยสามารถส่งออกสินค้าเหล่านี้ได้จะเป็นประโยชน์กับประเทศ โดยเทคโนโลยีที่ส่งออกจะไม่สูงมากนัก เช่น การทำของเล่นสัตว์เลี้ยง และอื่น ๆ ซึ่ง ส.อ.ท.ได้ร่วมวางแผนกับสหประชาชาติทำแผน 3 ปี เพื่อปั้นให้ไทยเป็นศูนย์กลางการส่งเสริมการส่งออกสินค้าดูแลสิ่งแวดล้อมของ ธุรกิจเอสเอ็มอีในเอเชีย แต่เหตุการณ์ชุมนุมการเมือง ทำให้ไทยเสียโอกาสในการที่บุคลากรที่สนใจเข้ามาลงทุนทำธุรกิจและเจ้าหน้าที่ จากองค์กรระหว่างประเทศไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ จึงเป็นการตัดโอกาสของประเทศไทยและกระทบความเชื่อมั่นที่ต่างชาติเคยมองว่า ไทยน่าจะเป็นศูนย์กลางได้ในหลายธุรกิจ และการที่ไทยต้องส่งออกสินค้าโดยเผชิญกับวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ยิ่งมีผลกระทบจากภายในจะเป็นการซ้ำเติมให้เลวร้ายขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ