60 ปี แลนด์โรเวอร์ จุดเริ่มต้นของการผลิตรถ “เฉพาะกิจ” ที่ยาวนานที่สุดในโลก

ข่าวยานยนต์ Friday November 28, 2008 18:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--แลนด์ โรเวอร์ นับแต่ปี 1948 ที่ Land Rover “Series I” ได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นโมเดลแรกของ Land Rover พร้อมกับคำกล่าวขานว่าเป็น "รถเพื่อนของชาวนา” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการออกแบบรถ Land Rover จนพัฒนามาเป็นยานยนต์ SUV สุดหรู จนกระทั่งปัจจุบัน ถือเป็น 60 ปีอันยาวนาน แลนด์โรเวอร์ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1947 ซึ่งยังเป็นบริษัทเล็กๆ เจ้าของ แลนด์โรเวอร์ คือ Spencer และ Maurice Wilks ได้ร่วมกันประดิษฐ์รถยนต์ที่มีความโดดเด่น รองรับได้ทุกสภาพถนน และตัดสินใจตั้งโรงงานผลิตขึ้นใหม่ทางภาคเหนือของแคว้นเวลส์ หรือที่เรารู้จักกันในนาม Solihull ซึ่งในตอนนั้นต้องการผลิตยานพาหนะเพื่อแก้ปัญหาภาวะความขาดแคลนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้องการให้เป็นรถสารพัดประโยชน์กับงานด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านการทหารและการเกษตรกรรมนั่นก็คือ Land Rover “Series I” รถต้นแบบของ Defender ที่ยังคงผลิตต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน ด้วยความโดดเด่นเรื่องความทนทาน และสมรรถนะด้านออฟโรด ทำให้ Land Rover Series III มียอดการผลิตสูงกว่า 1,000,000 คันภายในเวลาไม่นาน และ Land Rover ก็ได้ผลิตรถยนต์รุ่นต่างๆออกจำหน่ายในตลาดทั่วโลกในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็น Range Rover, Discovery, Defender และ Freelander การที่แลนด์โรเวอร์ได้รับความนิยมทั่วโลก เป็นเพราะความโดดเด่นด้านสมรรถนะของรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีความหรูหรา ขับขี่สะดวกสบาย ดีไซน์คลาสสิก รวมทั้งมีเครื่องยนต์ และช่วงล่างที่แข็งแกร่ง ทำให้ลุยผ่านทุกสภาพพื้นผิวถนนได้อย่างน่ามหัศจรรย์ จึงได้รับการต้อนรับจากทั่วโลก รวมทั้งองค์การระหว่างประเทศต่างๆก็ได้สั่งซื้อเพื่อใช้ในเข้าไปในพื้นที่ที่รถอื่นๆไม่สามารถเข้าถึงเพื่อไปพัฒนาด้านต่างๆ และเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ในปี 2008 นี้แลนโรเวอร์ได้จัดทำโครงการ “Go60” โดยมีทีมชาวอังกฤษขับรถแลนด์โรเวอร์ Defender 2 คัน และ Discovery 3 คัน เริ่มจากประเทศอังกฤษ ผ่านทวีปยุโรป ประเทศจีน ประเทศไทย ไปจนถึงประเทศสิงคโปร์ ระยะทางรวมกว่า 18,000 ไมล์ เพื่อรวบรวมเงินเพื่อบริจาคให้แก่มูลนิธิช่วยเหลือเด็กในประเทศต่างๆ สิ่งที่ได้รับยามขับรถแลนด์โรเวอร์อยู่เสมอคือ ประวัติศาสตร์แห่งการพัฒนา และการเดินทางไปได้ทุกที่ แม้ในถิ่นทุรกันดาร ไม่เคยมีที่ไหนที่รถอย่างแลนด์โรเวอร์จะไปไม่ถึง สมกับคำว่า "The Go Anywhere Vehicle” แลนด์โรเวอร์ แต่งตั้ง Guava International (Thailand) Limited เป็นตัวแทนจำหน่าย พร้อมปรับกลยุทธ์ รุกตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัท กัววา อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับความไว้วางใจจากแลนด์โรเวอร์ประเทศอังกฤษเป็นตัวแทนนำเข้ารถยนต์แลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทย” ซึ่งมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ที่ต้องการมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพด้านบริการ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า โดยจะเน้นเรื่องการบริการหลังการขายเป็นสำคัญ และได้เตรียมความพร้อมด้านศูนย์บริการหลังการขายอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ “Centre of Excellence” ที่ถนนพระราม 3 ซึ่งบริหารงานโดยชาวต่างชาติผู้มีประสบการณ์ และเชี่ยวชาญด้านเทคนิคของรถยนต์แลนด์โรเวอร์โดยตรง พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญ และเครื่องมือทันสมัยได้มาตรฐานเต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการบริการ และสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ทั้งด้านการตรวจเช็ค การซ่อมบำรุง รวมถึงการดูแลเรื่องรับประกันจากผู้ผลิต (Warranty Claim) สำหรับความพร้อมด้านอะไหล่ แลนด์โรเวอร์ ประเทศไทยได้นำเข้าชิ้นส่วนอะไหล่จากประเทศอังกฤษและมีระบบจัดเก็บคลังชิ้นส่วนอะไหล่ในประเทศไทย ทำให้สามารถจัดส่งชิ้นส่วนอะไหล่ที่ลูกค้าต้องการได้อย่างรวดเร็ว ปัจจุบันทีมงานหลังการขายพร้อมแล้วที่จะบริการท่านที่ Centre of Excellence โดยท่านสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ 02-674-3600-5 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 038-490-123 # 2306 และ 2301 เปิดตัว Freelander 2 และ Defender 110 SE ในงาน Motor Expo 2008 แลนด์โรเวอร์ ในฐานะผู้นำตลาดยานยนต์เอสยูวีขับเคลื่อนสี่ล้อระดับพรีเมี่ยมจะนำสุดยอดยนตรกรรมแลนด์โรเวอร์รุ่นต่าง ๆ มาสร้างสีสัน ในงาน Motor Expo 2008 ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ โดยจะเปิดตัว Freelander 2 ใหม่ คอมแพ็กต์เอสยูวีระดับหรู และ Defender 110 SE เอสยูวีแกร่ง ดีไซน์คลาสสิค รวมทั้งนำ Range Rover Sport และ Discovery 3 มาจัดแสดงในงานด้วย โดยรถที่นำเข้ามาแสดงทั้งหมดจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซล สมรรถนะการขับขี่และประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยม ฟรีแลนเดอร์ 2 ใหม่ แลนด์โรเวอร์ ฟรีแลนเดอร์ 2 ใหม่ ออกแบบภายนอกให้เพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้นเพื่อให้โดดเด่นไม่ว่าจะขับในเมืองหรือใช้ชีวิตแบบออฟโรดด้วยรูปโฉมโดดเด่นแบบสปอร์ตดีไซน์ การตกแต่งภายห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่ารุ่นเดิมถึง 38 % เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากแลนด์โรเวอร์ ทำให้ฟรีแลนเดอร์ 2 เป็นสุดยอดยนตรกรรมที่มาพร้อมกับสมรรถนะเหนือชั้น ด้วยพลังการตอบสนองที่ดีเยี่ยม ความสะดวกสบายในการขับขี่ และออฟโรด เทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ คอมมอนเรล เทอร์โบดีเซล 2.2 ลิตร TD4 เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม CommandShift? ให้อัตราความประหยัดน้ำมันที่มากขึ้น กำลังขับเคลื่อนสูงสุด 160hp/4,00 rpm แรงบิดสูงสุด 400Nm/2,000 rpm พร้อมกับระบบ Terrain Response? เทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่เป็นเอกสิทธิ์ของตระกูลแลนด์โรเวอร์ สามารถปรับกำลัง และการตอบสนองของเครื่องยนต์ให้เหมาะสมกับทุกสภาพพื้นผิวถนน ช่วยให้การขับขี่ออฟโรดเป็นไปได้อย่างง่ายดาย ผสมผสานกับเทคโนโลยีล้ำหน้าของแลนด์โรเวอร์ พร้อม Electronic Sunroof ปุ่มสตาร์ท และดับเครื่องยนต์ เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยระบบไฟฟ้า และสำหรับเบาะนั่งด้านคนขับสามารถบันทึกตำแหน่งได้ 3 ระดับ เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 สะดวกสบายด้วยระบบ Cruise Control และระบบควบคุมกะระยะการจอดด้านหน้าและหลัง ระบบเชื่อมต่อสัญญานโทรศัพท์ด้วย Bluetooth สำหรับด้านความปลอดภัย ฟรีแลนเดอร์ 2 เป็นหนึ่งเดียวในรถประเภท SUV ที่ได้ 5 ดาว จากการทดสอบด้านมาตรฐานความปลอดภัยจาก Euro NCAP ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบควบคุมการทรงตัวไม่ให้พลิกคว่ำ (RSC) ระบบป้องกันรถไหลขณะออกตัว Gradient Release Control เป็นต้น ฟรีแลนเดอร์ 2 ใหม่จึงพร้อมจะสร้างมาตรฐานใหม่ในตลาดเอสยูวีระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทย และตลาดต่างประเทศทั่วโลก (ราคา 3,990,000 บาท) ดีเฟนเดอร์ 110 SW SE สุดยอดไอคอนของแลนด์โรเวอร์ ดีไซน์คลาสสิคซึ่งยังคงรูปแบบทรงเหลี่ยม รวมถึงการใช้ตัวถังอลูมิเนียม ตามรถต้นแบบ “Series I” ที่เปิดตัวในปี 1948 ดีเฟนเดอร์เป็นรถจอมลุย สามารถไปในที่ที่รถอื่นๆไม่สามารถเข้าได้ถึง มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 60 ปี รุ่นนี้จึงนับว่าเป็นรถรุ่นหนึ่งที่เหมาะกับคนที่รักในแก่นความเป็นแลนด์โรเวอร์และควรค่าแก่การสะสม สำหรับดีเฟนเดอร์ 110 SW SE ใช้เครื่องยนต์ TDP ดีเซลคอมมอนเรล เทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตร โดยให้กำลังขับเคลื่อนสูงสุดถึง 122hp/3,500 rpm แรงบิดสูงสุด 360 Nm/2,000 rpm เกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมเกียร์ทดสูง-ต่ำ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบถาวร Permanent Intelligent 4-wheel drive พร้อม Locking Centre Differential ให้ความเร็วสูงสุด 142 กม./ชม. คานเพลาหน้า และหลังแบบอิสระพร้อมคอยล์สปริง โช๊คอัพไฮโดรลิก มาพร้อมบันไดหลังแบบพับเก็บได้ บันไดข้าง คานกันกระแทกด้านล่าง รวมทั้งชุดอุปกรณ์ลาก พร้อมสะดวกสบายในด้วยรูปแบบห้องโดยสารแบบสเตชั่นแวกอน ขนาด 7 ที่นั่ง ด้วยความโดดเด่นเรื่องความทนทาน และสมรรถนะด้านออฟโรดประกอบกับดีไซน์อันคลาสสิกทำให้ดีเฟนเดอร์ยังคงเป็นรถยอดนิยมของคนทั่วโลกได้อย่างไม่ต้องสงสัย (ราคา 2,950,000 บาท) ดิสคัฟเวอรี่ 3 (HSE) รถสมรรถนะแกร่งสมบุกสมบัน ขับขี่ได้ง่ายทั้งในเมืองและออฟโรด มาพร้อมความหรูหราสะดวกสบาย ดีไซน์เรียบง่าย แต่ล้ำสมัยพร้อมเอกลักษณ์หลังคาเล่นระดับ (Stepped roof) Discovery 3 มีเครื่องยนต์ TDV6 ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.7 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม CommandShift? ให้กำลังสูงสุด 190 hp/4,000 rpm แรงบิดสูงสุด 440 Nm/ 1,900 rpm ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาพร้อมระบบ Electronic Traction Control และ Dynamic Stability Control เพื่อการยึดเกาะถนนสูงสุดในทุกสถานการณ์ การตอบสนองของคันเร่ง เกียร์ และช่วงล่าง ต่างควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เหมาะสมกับความเร็วและสภาพถนน พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนแบบถุงลมทั้ง 4ล้อ Four-corner air suspension และระบบ Terrain Response? ที่จะให้ผู้ขับขี่สามารถผ่านทุกสภาพถนนได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังมีระบบ Cruise Control สะดวกสบายด้วยพื้นที่ภายในกว้างขาวงสำหรับผู้โดยสาร 7 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่งแบบ Stadium seat นั่งสบาย ทัศนวิสัยดีเยี่ยมในทุกตำแหน่ง มีระบบเชื่อมต่อสัญญาณโทรศัพท์ด้วย Bluetooth กุญแจพร้อมระบบตั้งค่าการใช้งาน Programmable Land Rover key และระบบระบบความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบลดอาการโคลงของตัวรถ (ARM) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ETC) ระบบเบรกมืออัตโนมัติ (EPD) เป็นต้น (ราคา 6,290,000 บาท) เรนจ์โรเวอร์สปอร์ต (HSE) รูปลักษณ์หรูหรา เส้นสายรอบคันปราดเปรียว สมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยมสร้างความเร้าใจในการขับขี่พร้อมกับสะดวกสบาย และยังคงตอบสนองการบังคับควบคุม ที่เฉียบคมแบบรถสปอร์ต พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบ ด้วยสมรรถนะทางออฟโรด ที่เหนือกว่าในระดับเดียวกันแข็งแกร่ง ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์ TDV6 ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบชาร์จอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2.7 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดพร้อม CommandShift? ที่ประหยัดน้ำมันแต่พลังในการขับขี่สูง โดยจะให้กำลังสูงสุดที่ 190 hp/4,000 rpm แรงบิด 440 Nm/1,900 rpm พร้อมระบบกันสะเทือนแบบถุงลมทั้ง 4ล้อ Four-corner air suspension ทำให้รถวิ่งได้อย่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีระบบ Terrain Response? ที่ปรับสภาพการขับขี่ให้เหมาะกับพื้นสภาพถนนทุกรูปแบบ การขับออฟโรดจึงเป็นเรื่องง่ายเหมือนมีผู้เชี่ยวชาญมานั่งอยู่ในรถด้วย ใน Range Rover Sport (HSE) ยังมีหลังคา Sun Roof ระบบไฟฟ้าและเบาะนั่งคู่หน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า และสำหรับด้านคนขับสามารถบันทึกตำแหน่งได้ นอกจากนี้ยังมีระบบเครื่องเสียง Harman Kardon LOGIC 7 พร้อมลำโพง 13 ตัว ซับวูฟเฟอร์แบบ active อและ DSP amplifier พร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมชุดหูฟังเพื่อเพิ่มความบันเทิงระหว่างการโดยสาร Range Rover Sport มีระบบนำทางการขับออฟโรด ระบบนำทางพร้อมจอแสดงข้อมูลการเดินทาง สะดวกสบายในการขับขี่ และยังมีกุญแจพร้อมระบบตั้งค่าการใช้งาน Programmable Land Rover key พร้อมกับระบบความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ระบบลดอาการโคลงของตัวรถ (ARM) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ETC) ระบบเบรกมืออัตโนมัติ (EPD) เป็นต้น (ราคา 7,490,000 บาท) แลนด์โรเวอร์ประเทศไทย ให้บริการรับประกันคุณภาพ 3 ปี หรือ 100,000 กม. สำหรับแลนด์โรเวอร์ทุกรุ่น และพิเศษสำหรับรุ่น Range Rover Sport เพิ่มบริการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 100,000 กม. ทั้งนี้สามารถติดต่อขอข้อมูลได้ที่ตัวแทนจำหน่ายรถแลนด์โรเวอร์ ได้ที่ ไทยอัลทิเมทคาร์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ โทร 02-616-1040 (ตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการ) และศูนย์บริการแลนด์โรเวอร์ทั่วประเทศ 1.Centre of Excellence กรุงเทพฯ 02-674-3600-5 2.นิธิบูรณ์ ออโต้ เซลส์ จังหวัดเชียงใหม่ โทร 053-891-511-4 3.เชิดชัยพรีเมียม จังหวัดนครราชสีมา โทร 044-282-297 4.ไลฟ์สไตล์ ออโต้ จังหวัดภูเก็ต โทร 076-236-240 สอบถามหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร.02-712-5454#521

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ