ถึงวัย 50+ ก็ท่องเที่ยวได้ เพียงรู้เทคนิคเตรียมกายใจให้พร้อม

ข่าวท่องเที่ยว Thursday December 4, 2008 15:51 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ หนึ่งในกิจกรรมสุดโปรดของคนส่วนใหญ่คือ “การท่องเที่ยว” แต่เมื่อพ้นวัยหนุ่มสาว กำลังวังชา และความสดใสก็ย่อมลดทอนลงไปตาลกาลเวลา เมื่อเริ่มเดินเหินก็ไม่คล่องแคล่ว หรือมีโรคประจำตัวรุมเร้า คนวัย 50 ปีขึ้นไป จำนวนไม่น้อยก็เกิดความกังวล หรือถึงขั้นกลัวจนไม่กล้าไปไหน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วการเตรียมตัวที่ดี รวมทั้งโภชนาการที่เหมาะกับวัยจะช่วยให้ท่องเที่ยวได้สนุก ปลอดภัยและสุขภาพดียิ่งขึ้น “ไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์” และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในโครงการโบนัสแห่งวัย จึงได้ร่วมกันจัดเสวนาเรื่อง “การเตรียมสุขภาพเพื่อการท่องเที่ยว สำหรับคนวัย 50 ปีขึ้นไป” โดยอาจารย์แพทย์หญิงอรพิชญา ไกรฤทธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อแนะนำและส่งเสริมให้คนวัยเลยวัยกลางคนเข้าใจและคลายกังวลหากยังใจยังรักการท่องเที่ยวอยู่ อาจารย์อรพิชญากล่าวว่า “จากการที่ได้คลุกคลีกับผู้ป่วยสูงอายุพบว่า ผู้สูงอายุมักจะเกิดความวิตกกังวล ไม่กล้าไปเที่ยวไหนๆ เมื่อพบว่าตนเองกำลังวังชาถดถอย มีโรคประจำตัวหรือเป็นโรคเรื้อรัง กลัวว่าอาการจะกำเริบ ทำให้เอาแต่นั่งจับเจ่าอยู่กับบ้าน ซึ่งเป็นทัศนคติที่ไม่ถูกต้อง เพราะการกระทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้สุขภาพกายและใจถดถอยลง เนื่องจากขาดการยืดเส้นยืดสาย ขาดการบริหารประสาทสัมผัสทั้ง 5 และขาดการออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้อื่น โรคประจำตัวเดิมที่เป็นอยู่ก็ไม่ดีขึ้น แถมอาจได้โรคอื่นมาเพิ่ม เช่น โรคซึมเศร้า นอนไม่หลับ วิตกกังวล การท่องเที่ยวเป็นยาอายุวัฒนะขนานหนึ่งสำหรับผู้สูงอายุ เพราะทำให้ได้ออกกำลังกายไปในตัว ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ได้ตื่นตาตื่นใจกับสถานที่แปลกใหม่ๆ ทำให้เกิดความกระฉับกระเฉง กระชุ่มกระชวย คนไข้ของหมอกลุ่มที่ไปเที่ยว หรือหากิจกรรมที่ตนเองชอบ ทำให้ร่างกาย สมอง และจิตใจได้ฟิตอยู่เสมอ” อาจารย์อรพิชญาได้แนะนำวิธีการเตรียมสุขภาพเพื่อการท่องเที่ยวสำหรับคนวัย 50 ปีขึ้นไปทั้งที่มีโรคและไม่มีโรคว่า สิ่งแรกคือ อาหาร ต้องรับประทานอาหารให้ได้สารอาหารครบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรับประทานผักผลไม้ให้ครบห้าสี เพื่อให้ได้วิตามินและเกลือแร่ที่คนวัยนี้ต้องการมากเป็นพิเศษ เช่น วิตามินบี, บี12, ซี, อี, สังกะสีและกรดโฟลิกเพื่อช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานและป้องกันโรคที่เกิดจากการขาดสารอาหาร หลายครั้งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้หันมาบริโภคผักผลไม้ให้มากเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่ชอบหรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาการบดเคี้ยว ทำให้ในปัจจุบันมีทางเลือกคือ การทานวิตามินและเกลือแร่เสริมสำหรับวัย 50 ปีขึ้นไป ที่ทั้งง่ายและสะดวกเพียง 1 เม็ดต่อวันก็ช่วยให้มั่นใจว่าได้รับสารอาหารพื้นฐานตามที่ร่างกายต้องการแล้ว ซึ่งยังมีข้อดีอีกตรงที่ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยวเราก็ยังสามารถพกพาไปทานได้ด้วย เผื่อกรณีเจออาหารไม่ถูกปาก ทานได้น้อย ก็ยังมั่นใจได้ว่าได้สารอาหารครบถ้วน สิ่งที่สองในการเตรียมสุขภาพเพื่อการท่องเที่ยวคือ การออกกำลังกาย โดยเลือกให้เหมาะกับวัย 50 ปีขึ้นไป เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง กล้ามเนื้อยืดหยุ่น เพราะเวลาท่องเที่ยวต้องมีการเดินพอสมควร ร่างกายจะได้พร้อม ไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเร็วเกินไป นอกจากนี้ควรตรวจเช็คสภาพภูมิอากาศและพื้นที่ที่กำลังจะไปท่องเที่ยวด้วย เพื่อเตรียมเครื่องนุ่งห่มและรองเท้าที่เหมาะสม อาจต้องเตรียมออกซิเจนกระป๋องในสภาพที่อากาศมีความกดดันต่ำ เพราะสภาพอากาศที่ต่างจากที่อยู่ในชีวิตประจำวันปกติมาก ๆ ก็จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ อารมณ์ เป็นประการต่อมาที่เราจะต้องเตรียม เมื่อเราศึกษาข้อมูลท่องเที่ยว และเตรียมร่างกาย และอุปกรณ์พร้อมแล้ว ควรทำจิตใจให้สบาย คิดไว้เสมอว่าเราจะไปเที่ยวเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกายใจให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป สำหรับผู้สูงวัยที่มีโรคประจำตัวที่ต้องพึงระวังเป็นพิเศษ เช่นโรคเบาหวาน หัวใจ ความดัน ก็ไม่ยากเลยที่เราจะเตรียมพร้อมเพื่อไปเที่ยว โดย - ปรึกษากับแพทย์ประจำตัวเรา ให้ตรวจความพร้อมของร่างกาย - ควรนำตารางการเที่ยว/การบินไปปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับเวลาที่เหมาะสมในการทานยา/ฉีดยา - ดูว่าต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อหรือไม่ ถ้าจำเป็นก็ต้องฉีดก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 เดือน - ต้องมีเอกสารจากแพทย์ 2 ฉบับ ฉบับแรกเป็นรายงานประวัติผู้ป่วยว่าเป็นโรคอะไร แพ้ยาอะไร ใช้ยาอะไร อุปกรณ์ที่ใช้มีอะไรบ้าง ฉบับที่สองเป็นใบสั่งยาของแพทย์ที่สั่งยาโดยระบุชื่อสามัญของยา ขนาดและวิธีรับประทานยาอย่างละเอียด - เตรียมหาที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์โรงพยาบาล/สถานพยาบาลใกล้สถานที่ที่ไปเที่ยว - เตรียมแผ่นบัตรประจำตัวว่าเป็นโรคประจำตัว และได้รับยาอะไรอยู่ ถ้าเป็นต่างประเทศก็ควรมีทั้ง ภาษาสากล และภาษาท้องถิ่นที่เราไปท่องเที่ยว - เตรียมกระเป๋าพกติดตัวเพื่อบรรจุยาหรืออุปกรณ์ที่ต้องทานและใช้เป็นประจำ เช่นเข็มฉีดยา (ต้องแจ้งกับด่านตรวจและสายการบิน) เครื่องตรวจน้ำตาล/ความดันพร้อมแบตเตอรี่ พร้อมอาหารว่าง และวิตามินเสริมที่คนวัย 50 ปีขึ้นทานเป็นประจำทุกวันเพื่อให้มั่นใจว่าได้วิตามินและเกลือแร่ตามที่ร่างกายต้องการครบถ้วนในแต่ละวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินบี , บี6, บี12, ซี, อี, เค, สังกะสีและกรดโฟลิก - ต้องแจ้งสายการบิน/บริษัททัวร์ถึงอาหารที่มีเหมาะกับโรคที่ตนเองเป็น เช่น อาหารมีแคลลอรี่ต่ำ อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน - จัดหารองเท้า/อุปกรณ์ช่วยเดินที่เหมาะสม - กรณีเป็นโรคเบาหวาน ควรตรวจเท้าทุกวัน ถ้ามีแผลพุพอง รอยแดง บวม ให้รีบรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ แม้การเตรียมตัวเพื่อท่องเที่ยวสำหรับคนวัย 50 ปีขึ้นไปจะไม่ง่ายเท่าคนหนุ่มสาว แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปจนต้องปิดกั้นโอกาสดี ๆ ที่จะช่วยเติมสีสันให้ชีวิต อย่างไรก็ตาม อาจารย์อรพิชญายังเพิ่มเติมทิ้งท้ายว่า แม้จะยังไม่ได้เตรียมตัวท่องเที่ยว คนวัย 50 ปีขึ้นไปก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองให้สุขภาพกายและใจแข็งแรงอยู่เสมอ ทั้งเรื่องอาหาร ถ้าปรับไม่ได้ควรหาตัวช่วยเสริม เช่นวิตามินเสริมสำหรับคนวัย 50 ปีขึ้นไป ควบคู่กับการออกกำลังกาย จะได้มีภูมิต้านทานและห่างไกลโรคภัย เมื่อคิดจะเที่ยวก็จะได้ไปได้ ไม่ต้องเตรียมตัวมากและนาน การไปเที่ยวก็จะยิ่งสนุก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น แถลงข่าวในนาม : ไวเอท คอนซูเมอร์ เฮลธ์แคร์ รายละเอียดเพิ่มเติม : แพงขวัญ เขมะวิชชานุรัตน์ (pangkwan.lekhyananda@ogilvy.com) นิลรัตน์ ดีสมสุข (ninrat.deesomsuk@ogilvy.com) บริษัท โอกิลวี่ พับลิค รีเลชั่นส์ เวิลด์วายด์ จำกัด โทร. 0 2205 6615, 0 2205 6617

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ