การคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับปี 2552 โดยทรีคอม

ข่าวเทคโนโลยี Wednesday December 17, 2008 15:20 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน แนวโน้มที่ 1: ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเข้ามากระตุ้นความต้องการการใช้โซลูชั่นการสื่อสารแบบ Unified Communications and Collaboration (UCC) ในปี 2552 ให้เพิ่มสูงขี้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับความพยายามของแวดวงอุตสาหกรรมในการประชาสัมพันธ์ถึงประโยชน์ของโซลูชั่น UCC แก่ภาคธุรกิจ จะส่งผลให้ปี 2009 เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้งานโซลูชั่น UCC อย่างกว้างขวาง ในขณะที่ธุรกิจต่างหันมาลดภาระค่าใช้จ่ายอย่างจริงจัง จากความสามารถในการรวมข้อมูลเสียงและบริการอื่นๆ เข้าไว้เครือข่ายข้อมูลมาตรฐานเดียวกัน โซลูชั่น UCC ช่วยมอบวิธีที่สามารถตอบสนองความต้องการและเป็นส่วนสำคัญแก่ฝ่าย IT ในการลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการลง ทรีคอมคาดว่าความต้องการโซลูชั่น UCC จะยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะผ่านพ้นไปก็ตาม ทั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงเพราะองค์กรธุรกิจจะเห็นประโยชน์จากการได้ทดลองใช้ แต่เป็นเพราะเทคโนโลยีนี้ยังได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในแวดวงอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่น การพัฒนาระบบ virtualization หรือ Embedded Software ที่ใช้งานกับแพลตฟอร์มแบบเปิด และโมเดล Software-as-a-service ซึ่งเพิ่มความสำคัญทางด้านการบริการและการต่อยอดแอพพลิเคชั่นบนระบบเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ และทุกวันนี้กฎเกณฑ์ในการเลือกซื้อสินค้าได้เปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่เคยมุ่งเน้นไปที่ระบบการจัดการและอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ แต่กลับกันคือเลือกให้ความสำคัญในการใช้งานที่สะดวกง่ายดาย ปลอดภัยและวางใจได้ที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม โซลูชั่น UCC ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการธุรกิจมีความราบรื่น ด้วยการลดความยุ่งยากในการติดต่อสื่อสารระหว่างกันภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลสื่อสารของแต่ละบุคคล ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการให้บริการลูกค้า และเอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมทางธุรกิจใหม่ๆ สำหรับองค์กร ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นความต้องการทางธุรกิจที่สำคัญอยู่ไม่ว่าในยามเศรษฐกิจแบบใดก็ตาม แนวโน้มที่ 2 : ความต้องการใช้บริการมัลติมีเดียแบบ High Bandwidth จะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่มีความสำคัญมากที่สุดในโลก โดยมีการเดินหน้าขยายความเป็นเมืองอย่างรวดเร็ว แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังคงไม่สดใสนัก แต่การเพิ่มการพัฒนาทั้งในด้านการค้าและที่อยู่อาศัยสามารถเห็นได้ทั่วไป จากการที่หลายโครงการดังกล่าวมุ่งเป้าหมายไปที่กลุ่มพนักงานมืออาชีพที่มีฐานะและมีความสามารถในด้านไอทีสูง ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จึงไม่รีรอที่จะหันมาพัฒนาการเข้าถึงแอพพลิเคชั่นมัลติมีเดียให้ง่ายยิ่งขึ้น ความคึกคักของกิจกรรมการก่อสร้างย่อมหมายถึงการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้เทคโนโลยีเส้นใยแก้วนำแสง (fiber optic) ที่สามารถเชื่อมต่อบ้าน และสำนักงานต่างๆ เพื่อให้บริการมัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟที่มีแบนด์วิธสูงและสามารถปรับขนาดการใช้งานได้ตามความต้องการ สำหรับเชื่อมต่ออาคาร วิทยาเขต และเมืองต่างๆ การเติบโตดังกล่าวจะยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ต่างแข่งขันกันในการริเริ่มโครงการระดับชาติในการสร้างระบบเครือข่ายเทคโนโลยีการเชื่อมต่อด้วยไฟเบอร์ในแบบต่างๆ (FTTx) เพื่อเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้แล้ว จะมีการเปิดแนวรบใหม่ในอุตสาหกรรมผู้ให้บริการ ในขณะที่ผู้จัดการธุรกิจพัฒนาการค้าและที่อยู่อาศัยต่างเริ่มหันมาจัดจำหน่ายแบนด์วิธและคอนเทนท์แบบขายส่ง พร้อมทั้งก่อกระแสสร้างรายได้ใหม่ๆ จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยการเสนอบริการมัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟเอง ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการในการนำเสนอคอนเทนท์มัลติมีเดียแบบอินเตอร์แอคทีฟขนาดใหญ่ทสะดวก คุ้มค่าและวางใจได้ โดยอาศัยระบบเครือข่ายเทคโนโลยี passive optical แบบกระจายสัญญาณ (point-to-multipoint) ที่ทำงานบนเครือข่ายอีเทอร์เน็ต แนวโน้มที่ 3 ปี 2552 จะเป็นปีแห่งการใช้งาเนมาตรฐาน 802.11n อย่างแพร่หลาย เพื่อการขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นไร้สายต่างๆ เนื่องจากอุปกรณ์ไร้สายต่างๆ เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย และการแสวงหาแอพพลิเคชั่นเพื่อรองรับการใช้งานทางธุรกิจ จะทำให้เทคโนโลยีสำหรับอุปกรณ์ไร้สายที่รองรับปริมาณการใช้งานจำนวนมาก บริการข้อมูลเสียงแบนด์วิธสูง การเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างราบรื่น รวมทั้งบริการพิเศษสำหรับภาคอุตสาหกรรม เช่น การระบุสินค้าด้วยเทคโนโลยีด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency Identification - RFID) จะยิ่งทวีความสำคัญให้กับทั้งภาคธุรกิจและอุปโภคบริโภค มาตรฐาน 802.11n ถือเป็นพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มสมรรถนะให้กับการใช้งานที่ได้กล่าวมา และทรีคอมคาดว่าเทคโนโลยีที่อาศัยการทำงานด้วยมาตรฐานดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาและนำมาใช้ทั่วภูมิภาคเอเชียในปี 2552 มาตรฐาน 802.11n นี้จะเป็นแรงผลักดันอย่างชัดเจนอันเนื่องมาจากความสามารถในการจัดการที่ดีกว่าและให้ความปลอดภัยกับอุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย (Access point) ทั้งนี้ ทรีคอมคาดว่าปริมาณการใช้งานจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในแต่ละภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ อุตสาหกรรมลอจิสติกส์ การผลิต และการค้าปลีก ซึ่งสามารถใช้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อแบบไร้สายของมาตรฐาน 802.11n ขั้นสูง เพื่มให้ความสามารถในการควบคุมแบบไร้สายประสิทธิภาพสูง รวมทั้งโซลูชั่นในการระบุติดตาม ทั้งนี้ทรีคอมได้ทุ่มเทความพยายามอย่างเต็มที่ในการพัฒนาโซลูชั่นระบบเครือข่ายที่ใช้มาตรฐานดังกล่าว โดยเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรผู้พัฒนาโซลูชั่น ในการผสานบริการต่างๆ รวมไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น อาทิ ระบบบิลลิ่ง การระบบระบุตำแหน่งโดยใช้เทคโนโลยี RFID และการติดตามทรัพย์สินที่มีความสำคัญสูง อย่าง อุปกรณ์ทางการแพทย์ และยา อุปกรณ์มูลค่าสูงที่ต้องการความปลอดภัยสูง พาเลทในการขนส่งสินค้าในทางลอจิสติก หรือแม้แต่ผู้คนที่จำเป็นเองก็ตาม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ อุทัยวรรณ เตชะเจริญกุล สุเมธ กาญจนพันธุ์ บริษัท ทรีคอม (ประเทศไทย) จำกัด ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน ประเทศไทย โทร. 0-2655-8562 โทร. 0-2627-3501 ต่อ 218 อีเมล์: utaiwan_t@3com.com อีเมล์: skanchanapan@th.hillandknowlton.com

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ