“เค็ทลิน เอ็กซ์ครูซีฟ” ผู้นำตลาดสเวตเตอร์ เพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

ข่าวทั่วไป Wednesday December 17, 2008 17:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--โฟร์ฮันเดรท “เค็ทลิน” ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท เปิดตัวแบรนด์ “เค็ทลิน เอ็กซ์ครูซีฟ” แบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นคนไทย ด้วยคุณค่าของความเป็นศิลปะของดีไซน์ ที่เป็น “สเวตเตอร์” ล้วนๆ ซึ่งสามารถใส่ได้ทุกโอกาส และทุกฤดู เน้นความเป็นแฟชั่นแนวใหม่ในตลาดของเมืองไทย หลังจากที่เป็น ODM และ OEM ให้กับแบรนด์ต่างชาติมากกว่า 10 แบรนด์มากว่า 30 ปี ประเดิมเปิดชอปแห่งแรกที่เซ็นทรัลพลาซ่า สาขาแจ้งวัฒนะ และเตรียมขยายอีก 5 สาขา ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใหญ่ๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง และขยายสาขาไปยังต่างประเทศ โดยหวังที่จะทำให้ เค็ทลิน เอ็กซ์ครูซีฟ เป็นอีกชื่อหนึ่งที่เป็นที่รู้จักของลูกค้าทั้วไปได้กล่าวถึง นายดนัย เจริญสินทวีคูณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค็ทลิน จำกัด เปิดเผยว่า “เค็ทลิน เอ็กซ์ครูซีฟ” ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2549 จากแนวความคิดที่ได้อยู่ในวงการแฟชั่นเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ในทวีปยุโรปมานานถึง 30 ปี ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์คุณภาพ ให้กับกลุ่มลูกค้าหลากหลายแบรนด์เนมในทวีปยุโรป แต่งานคุณภาพเยี่ยมเหล่านี้คนไทยกลับไม่เคยได้สัมผัสเพราะไม่สามารถหาซื้อได้ที่เมืองไทย ส่วนสำหรับกลุ่มคนที่เคยเดินทางไปต่างประเทศ และได้สัมผัสสินค้าดังกล่าวคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าราคาแต่ละตัวสมที่เป็นแบรนด์เนมของยุโรปจริง ๆ “เค็ทลิน เอ็กซ์ครูซีฟ” เกิดขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผู้อุปโภคที่ต้องการจะเดินทางไปท่องเที่ยว หรือศึกษาต่อยังต่างประเทศที่มีภูมิอากาศหนาว-เย็น และกลุ่มผู้ที่นิยมสวมใส่เสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้สูง กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้สามารถที่จะหาซื้อเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ด้วยฝีมือคนไทย ราคาสมเหตุสมผลแบบไทย แต่ได้คุณภาพมาตรฐานตามแบบสินค้าในยุโรป เพื่อใช้ในการเดินทาง หรือจะเป็นของฝากให้กับบุคคลที่ท่านรัก จุดเด่นของเค็ทลิน คือเสน่ห์การออกแบบ ความสร้างสรรค์ในการผลิตสินค้า ผสมผสานแฟชั่นระหว่างฝรั่งเศส และอังกฤษได้อย่างลงตัว เป็นเสื้อกันหนาวสเวตเตอร์ หลากสี ร้อยแบบ จากเส้นด้ายนำเข้า คุณภาพมาตรฐานแบรนด์ดังระดับโลก ที่ผลิตโดยฝีมือของคนไทย คุ้มค่าคุ้มราคา ให้เป็นทางเลือกใหม่กับลูกค้าในวงการแฟชั่น Sweater อย่างแท้จริง นายดนัย กล่าวต่อว่า Mission Statement ของเค็ทลินนั้น เปรียบเหมือนกับ slogan ของบริษัทที่ว่าด้วย “คิดถึงเสื้อกันหนาว คิดถึงเค็ทลิน” ซึ่งเป็นจุดบ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่า บริษัท พยายามให้ข้อมูลแก่ลูกค้าให้รับรู้ว่า “เค็ทลิน เอ็กซ์ครูซีฟ” เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่มีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้รู้จริงเกี่ยวกับแฟชั่นที่เป็นสิ่งทอหรือเสื้อกันหนาว ที่เป็นผลงานของดีไซน์เนอร์ของคนไทยซึ่งมีประสบการณ์การออกแบบ และการผลิตเพื่อส่งออกให้แบรนด์ดังทั่วโลกมากว่า 30 ปี ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับผลิตเป็น ODM และ OEM ให้กับแบรนด์ดังต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 10 แบรนด์ อาทิ Promod, Burton, Koo Kai, Caroll, Xanaka, Oasis, Jacqueline, Galeries Lafayette, Mark&Spancer, JD Williams, Shop Direct, Monoprix เป็นต้น สำหรับภาพรวมตลาดเสื้อ สเวตเตอร์ ในไทย และรอบ ๆ เอเชียนั้นเคยมีความต้องการสูง แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่อยู่รอดได้คือผู้ที่ต้องมีการพัฒนาตลอดเวลาเกี่ยวกับการออกแบบใหม่ หลายหลากวัตถุดิบ ตระการตา จนผู้ซื้อเห็นแล้วปฏิเสธไม่ลง ซึ่งจุดแข็งของเค็ทลิน คือการพัฒนาแบบให้ใหม่อยู่ตลอดเวลา “แน่นอนการที่เราทำธุรกิจนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เพื่อรองรับกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เค็ทลิน ก็เช่นกัน อย่างที่มีคำถามเข้ามาว่าประเทศไทยเป็นเมืองร้อนแล้วทำไมถึงนำ Sweater มาจำหน่าย คำตอบก็คือ Sweater ไม่ได้เป็นเสื้อกันหนาวอย่างที่คนส่วนใหญ่คิดกัน แต่ Sweater คือ ศิลปะของการนำวัตถุดิบทั้งจากธรรมชาติและการสังเคราะห์มาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดเป็นแฟชั่นที่ลงตัวซึ่งสามารถเรียกได้ว่า Sweater คือผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบไม่มีซ้ำแบบเลยทีเดียว ไม่เหมือนสินค้าเสื้อผ้าชนิดอื่นที่มีวัตถุดิบซ้ำซาก อีกทั้งขั้นตอนการผลิต Sweater ที่ต้องใช้เทคนิคชั้นสูง และความละเอียดอ่อนพิถีพิถันในการรังสรรค์และสร้างสินค้าให้ได้ตามแบบที่ต้องการนับได้ว่า sweater คือศิลปะสำหรับเสื้อผ้าแฟชั่นจริงๆเลยทีเดียว อีกทั้งความนิยมของคนไทยได้เปลี่ยนไปตามกระแสนิยมของชาวต่างชาติทำให้คนไทยในปัจจุบันรู้จักการแต่งตัวมากขึ้น โดยการนำแนวการแต่งตัวมาจากต่างประเทศมาประยุกต์ให้สวมใส่ได้อย่างสวยงามตามรูปแบบที่ตนเองต้องการเอง สรุปก็คือทางบริษัทได้พัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของไทย โดยการปรับให้เนื้อผ้ามีความบางมากขึ้นเวลาสวมใส่แล้วรู้สึกนุ่มรื่น อบอุ่น สบายๆ” นายดนัย กล่าว กลยุทธ์ในการทำตลาดของ เค็ทลิน จะเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนและถูกใจต่อความต้องการของลูกค้าและการบริการที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเค้าเป็นคนสำคัญ ไม่เน้น Mass market and mass product with cheap price โดยการไม่แข่งขันกันด้านราคา ต่อมาคือการบริหารระบบสมาชิกให้ได้มาตรฐานเพื่อรักษาลูกค้าให้ยังคงสภาพการเป็นลูกค้ากับแบรนด์เราต่อไป สุดท้ายก็คงเป็นการหาพันธมิตรทางค้าเพื่อร่วมโปรโมชั่นต่างๆ โดยการใช้กลยุทธ์ของ win-win strategy โดยการสื่อสารของบริษัทเราที่จะส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์สู่ผู้บริโภคนั้นก็คือ คุณภาพสินค้าและดีไซน์สวยหรูที่จะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์โดยบอกปากต่อปาก นายดนัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับงบประมาณในการทำตลาดนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ทั้งการสร้างแบรดน์ และการเปิดชอป ด้วยงบรวมกว่า 30 ล้านบาท โดยในชอปแรกเปิดที่ เซ็นทรัลพลาซ่า สาขาแจ้งวัฒนะ และบริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาทั้งหมดประมาณ 5 สาขา ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำใหญ่ ๆ ที่อยู่ในเขตใจกลางเมือง ซึ่งมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียน และจะขยายสาขาไปยังต่างประเทศซึ่งคาดว่าจะเริ่มที่ประเทศ อังกฤษ และ ฝรั่งเศษ นายดนัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันนี้ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นพร้อมกันหลายอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ, การเมือง, การตลาด, ภัยพิบัติต่าง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมายเป็นปัจจัยที่เป็นผลกระทบต่อธุรกิจและทำให้ผู้ประกอบการบริหารงานลำบากมากขึ้น ดังนั้นบริษัทจึงต้องผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งลูกค้าประจำ และเน้นทำในสิ่งที่ตัวเราเองมีความรู้ความชำนาญ โดยแยกตัวเองออกมาจากทะเลสีฟ้าที่แข่งขันกันแบบ Mass market สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง (แป๋ง) โทร. 081-913-1291 คุณจิรสุดา จิตรากรณ์ (น้องไก่) โทร. 089-7706113 หรือ 02-362-4123-4

แท็ก ศิลปะ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ