กรุงเทพฯ--21 ธ.ค.--สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ตอกย้ำความเป็นมืออาชีพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 37 ปี วางกลยุทธ์เชิงรุกต่อเนื่องตลอดทั้งปี มุ่งทำตลาดบ้านเดี่ยวบนทำเลศักยภาพตามแนวถนัด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง คาดหวังเติบโต 20% นายวสันต์ เคียงศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อสื่อมวลชนถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน ว่า จากการที่ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค อันได้แก่ อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และ สถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ในภาวะที่ทรงตัวแล้วนั้น ได้ทำให้กำลังซื้อกลับเข้ามาในตลาดตั้งแต่ไตรมาส 4 ที่ผ่านมา และสะท้อนภาพในด้านของพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งสิ่งที่สังเกตเห็นคือ ในขั้นตอนของการหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคแต่ละราย จะมีการเก็บข้อมูลมากขึ้น พิจารณาในรายละเอียดของแต่ละโครงการมากขึ้น และมีขั้นตอนการตัดสินใจที่รอบคอบมากขึ้น เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ดังนั้น เราเชื่อว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2550 จะดีขึ้น กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ถึงแม้ว่าจะไม่ดีเท่าไตรมาส 4 แต่จะไม่เลวร้ายเท่ากับไตรมาส 3 ของปี 2549 และคาดว่าการเติบโต (Growth) ของตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 10-15 เปอร์เซ็นต์ “สำหรับธารารมณ์ เรามองว่าความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบ้านเดี่ยวเพื่อการอยู่อาศัยจริงยังคงมีอยู่มาก และไม่ได้หายไปไหน เมื่อพิจารณาจากยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรกของปี 2549 จะอยู่ที่ 60,734 ยูนิต เปรียบเทียบกับปี 2548 มียอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัย 72,702 ยูนิต เราคาดการณ์ว่าปีหน้าจะสามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยบ้านเดี่ยวในระดับราคา 3-5 ล้านบาท จะยังคงตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผู้บริโภคที่กำลังผันตัวเองในการเริ่มต้นเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัวก็มีอยู่มาก ดังนั้น ความต้องการบ้านอยู่อาศัยที่มีพื้นที่สำหรับปรับเป็นสำนักงาน หรือโฮมออฟฟิศในเมือง น่าจะยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง” นายวสันต์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของโครงข่ายการคมนาคมที่มีต่อที่อยู่อาศัยว่า “ดังที่ได้เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกท่านไปแล้วว่า ในพื้นที่สุวรรณภูมินั้น จะไม่ค่อยเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยนัก เนื่องจากเหตุผล 3 ข้อคือ เรื่องความไม่แน่นอนของกฎระเบียบการใช้พื้นที่รอบสุวรรณภูมิ ที่จะกำหนดให้เป็นเขตการปกครองพิเศษ เรื่องพื้นที่ดินมีน้ำมาก ซึ่งจะทำให้การลงทุนสูงมากกว่าปกติ และเรื่องการรบกวนจากมลภาวะทางเสียง ดังนั้น บริเวณรอบๆ สุวรรณภูมิที่มีระยะห่างเกิน 10 กิโลเมตร เช่น ถนนสุขาภิบาล 3 วงแหวน รามอินทรา น่าจะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากไม่มีผลกระทบจากทั้ง 3 ข้อ แม้แต่ทำเลที่เคยอยู่นอกรัศมี เช่น ถนนพระราม 2 ก็ได้รับอานิสงส์จากเส้นทางการคมนาคมใหม่ที่สะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการถนนวงแหวนอุตสาหกรรม สะพานพระรามสี่ รวมทั้งวงแหวนใต้ ที่กำลังจะแล้วเสร็จนั้น จะทำให้การเดินทางจากถนนพระรามสอง สู่สุวรรณภูมิได้สะดวก รวดเร็วขึ้น ร่นระยะเวลาเดินทางได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อถึงกัน ถนนพระราม 2จึงถือเป็นบริเวณที่มีศักยภาพสูงและเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย ในด้านของโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ 5 สายนั้น ยังคงต้องรอความชัดเจนมากกว่านี้ แต่ก็เป็นบริเวณที่น่าสนใจที่จะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮ้าส์ เนื่องจากปลายสายรถไฟฟ้าจะอยู่บริเวณนอกเมือง ผู้อยู่อาศัยสามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก จึงอาจไม่มีความจำเป็นมากนักที่จะต้องอยู่ในคอนโดกลางเมืองเพียงอย่างเดียว” พร้อมกันนี้ นายวสันต์ ได้แถลงผลประกอบการปี 2549 และแผนการดำเนินงานปี 2550 ของบริษัท ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4 ดีกว่าไตรมาส 1-3 ปี 2549 สำหรับรายได้ของบริษัทนั้น เท่ากันกับปีที่แล้วคือ 1,200 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์ ในด้านของสภาพคล่องยังคงดีเช่นเดิม คือ ยอดหนี้ต่อทุนอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5 ในปี 2550 ธารารมณ์ตั้งเป้าหมายการขายเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดขายทั้งหมดจะเกิดจากโครงการที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบัน 4 โครงการ ได้แก่1. โครงการพาร์คเวย์ ชาเล่ต์ รามคำแหง2. โครงการการ์เด้น สวีท ดิ อินดี้ โฮม รามคำแหง3. โครงการเนเบอร์โฮม วัชรพล4. โครงการพรอเมนาด โฮม พระราม 2 ซอย 47 “แนวทางการดำเนินงานปี 2550 นั้น กลยุทธ์องค์กร (Corporate Strategy) คือ ความต่อเนื่อง (Continuity) ทั้งในการสร้างสินค้าคุณภาพที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มตามปิรามิดโมเดล การสร้างองค์ประกอบของคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ (Value Proposition) ให้แก่ลูกค้า โดยการศึกษาวิจัยจากทีมวิจัยและพัฒนา และการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) กับลูกค้า ผู้รับเหมา คู่ค้า ภาครัฐ สื่อมวลชน และสังคม”สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาด นายณัฐพล มัททวกุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เปิดเผยถึงการกำหนดกลยุทธ์ โดยแบ่งเป็น1. Go Green การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการทำโครงการของธารารมณ์ทุกโครงการ2. Blue Ocean Strategy เป็นกลยุทธ์การวางแผนพัฒนาสินค้าใหม่ได้แก่ - โครงการบริเวณหัวหมาก - โครงการบนถนนพระราม 2 - โครงการบนถนนสุขาภิบาล 33. Digital-based Strategy เนื่องจากการติดตามพฤติกรรมของผู้บริโภค เราพบว่า แนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ขยับไปใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่เป็นดิจิตอลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจึงเพิ่มช่องทางการสื่อสารผ่านทางสื่อดิจิตอล จากเดิมที่ใช้เพียงสื่อโฆษณาทางสิ่งพิมพ์ หรือโทรทัศน์ ซึ่งถือเป็นช่องทางการโฆษณาหลัก4. Sport Centric ส่งเสริมทางด้านกีฬา โดยผลักดัน Sports & Spa ให้เป็นที่รู้จัก5. Education-based ให้การส่งเสริมทางด้านความรู้ในเรื่องของที่อยู่อาศัย ซึ่งเราคาดหวังว่าจะสามารถเป็นทั้งศูนย์ข้อมูลสำหรับลูกค้าและสื่อมวลชน ให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่6. Networking สร้างเครือข่ายพันธมิตร เพื่อผสานความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ7. Branding การดูแล Brand อย่างต่อเนื่องให้มีภาพลักษณ์ที่สดใหม่อยู่เสมอ นายวสันต์ กล่าวสรุปว่า Key Success Factors ที่ทำให้ธารารมณ์ได้รับการยอมรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องมาตลอดถึง 37 ปี และยังคงเป็นสิ่งที่ธารารมณ์จะดำเนินต่อไปอย่างมั่นคง คือ - Know your consumers การเข้าใจถึงลูกค้าอย่างแท้จริง - Creativity ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขัน - Networking ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันได้ในตลาด - Expertise การยืนหยัดในการดำเนินธุรกิจที่ถนัดและเชี่ยวชาญ รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : ที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ จิดาภา ประมวลทรัพย์, นันทพร บุญ-หลง, บมจ.ธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัท สยาม พีอาร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด โทร.0-2319-7557, 0-2319-0083 โทร. 0-2693-7835-8 ต่อ 32, 33, 08-1817-7153 โทรสาร 0-2319-0858 โทรสาร 0-2693-6920 E-mail: [email protected] E-mail: [email protected] สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net