ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ชวนชาวไทยทำความดีบริจาคอวัยวะ เพื่อสร้างกุศลยิ่งใหญ่

ข่าวทั่วไป Tuesday January 13, 2009 11:04 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 ม.ค.--ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย ปีใหม่ที่ผ่านมาคงมีหลายท่านพาลูก พาหลาน และคนที่รักไปทำบุญที่วัด เพื่อสร้างกุศลให้กับตนเอง หรือบุคคลใกล้ชิดที่ล่วงลับไปแล้ว บางคนเลือกทำบุญด้วยแรงกาย แรงใจ ที่สามารถสร้างความสุข ความอิ่มเอิบใจแก่ทุกคน เช่น เป็นอาสาสมัครตามโรงพยาบาล หรือเป็นพี่เลี้ยงเด็กในสถานสงเคราะห์ต่างๆ แต่ยังมีการทำบุญอีกประเภทหนึ่งที่หลายคนยังไม่ได้นึกถึง คือ “การแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ” การบริจาคอวัยวะเป็นการสร้างกุศลทานอันยิ่งใหญ่ และเป็นการให้ชีวิตใหม่แก่เพื่อนมนุษย์ ย่อมทำให้เกิดความสุขทั้งผู้ให้ และผู้รับ โดยผู้ให้มีความสุข มีความภาคภูมิใจในความเป็นผู้เสียสละ ผู้รับมีความสุข ที่ได้รับสิ่งจำเป็นที่สุดในชีวิตเพื่อการกลับมามีชีวิตใหม่อย่างสมบูรณ์ หลายคนคงสงสัยว่า ทำไมการบริจาคอวัยวะ จึงเป็นเรื่องจำเป็น และต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง จากสถิติในปี 2551ของศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย มีผู้ลงทะเบียนรอการปลูกถ่ายอวัยวะถึง 2,392 คน คิดเป็นผู้ที่ลงทะเบียนรอรับเฉพาะไตจำนวน 2,196 ราย หัวใจ 11 ราย หัวใจ-ปอด 27 ราย ปอด 3 ราย ตับ 146 ราย ตับอ่อน 2 ราย ไต-ตับ 4 ราย ไต-ตับอ่อน 3 ราย แต่ในความเป็นจริงมีอวัยวะที่ได้รับจากการบริจาค จากผู้เสียชีวิตจากสมองตายเพียง 301 อวัยวะเท่านั้น จะเห็นได้ว่าสัดส่วนของผู้รอการปลูกถ่ายอวัยวะ กับผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะมีความแตกต่างกันอย่างมาก ในขณะที่บางคนมองเรื่องการบริจาค และการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นเรื่องไกลตัว คงจะไม่เกิดขึ้นกับเราแน่ๆ แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดมีบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลเป็นที่รักต้องเป็นผู้ป่วยที่รอการปลูกถ่ายอวัยวะขึ้นมา เขาเหล่านั้นจะต้องรอคอยการปลูกถ่ายอวัยวะไปอีกนานเท่าใด ถ้าสถิติการบริจาคอวัยวะในบ้านเรายังมีเพียงเท่านี้ สาเหตุที่ทำให้การบริจาคอวัยวะของประเทศไทยมีน้อยมาก เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการด้วยกัน ทั้งปัญหาด้านบริหารจัดการแพทย์ พยาบาลที่ดูแลผู้เสียชีวิตสมองตาย ไม่ได้ดำเนินการขอบริจาคอวัยวะจากญาติ และญาติปฏิเสธที่จะบริจาคอวัยวะ ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้ญาติไม่บริจาคเกิดจากความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเช่น กลัวชาติหน้าจะเกิดมามีอวัยวะไม่ครบ การไม่แน่ใจเรื่องสมองตาย หรือไม่ทราบเจตนารมณ์ของผู้เสียชีวิต เป็นต้น ดังนั้นหากทุกท่านที่เข้าใจ และ เห็นความสำคัญของการบริจาคอวัยวะ โดยร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะพร้อมกับบอกต่อข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะแก่บุคคลใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติในเชิงบวกต่อการบริจาคอวัยวะแล้ว ย่อมทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการให้อย่างแท้จริง “น้องทิพย์” ฐานรัตน์ นรินทร์สุขสันติ นักกีฬาเปลี่ยนอวัยวะอาเซียน ที่มีอายุน้อยที่สุด โดยเธอได้เข้าร่วมแข็งขัน กีฬาผู้เปลี่ยนอวัยวะโลก ขณะที่มีอายุเพียง 5 ปี โดยเข้าแข่งขั้นในกีฬากระโดดไกล ขว้างบอล ปัจจุบันน้องทิพย์อายุ 11 ปี มีความร่าเริงสดใส่เช่นเดียวกับเด็กหญิงทั่วไป แต่เธอคงไม่อาจมีวันนี้ได้ ถ้าเธอไม่ได้รับการปลูกถ่ายตับ ความใฝ่ฝันของเธอคงไม่ต่างจากเงามืดที่ไม่มีหนทางจะเป็นจริงได้ น้องทิพย์ เป็นเด็กน่ารัก ด้วยใบหน้าที่สดใส ยิ้มแย้มอารมณ์ดี มองโลกในแง่ดีแม้เธอจะผ่านเวลาอันเลวร้ายระหว่างความเป็นความตายมาแล้วก็ตาม น้องทิพย์ยังเล่าว่า “ตอนเล็กๆ ทิพย์ป่วยเป็นโรคท่อน้ำดีอุดตัน คุณพ่อบอกว่าตอนคลอดคุณหมอที่ทำคลอดไม่ได้ตรวจเช็คอะไร เพราะภายนอกปกติทุกอย่าง แต่มาตรวจเจอเมื่อครั้งที่ป่วยตอนอายุ 4 เดือน มีอาการถ่ายอุจจาระสีซีด ตาเหลืองเพราะของเสียไม่ยอมออกมา และพุงใหญ่ และพามารักษาที่โรงพยาบาลเด็ก แต่ปรากฏว่าหมอบอกว่าอาการของทิพย์เป็นโรคท่อน้ำดีอุดตัน ทำให้ตับแข็งตั้งแต่เกิด ต้องเปลี่ยนตับอย่างเดียว คุณพ่อจึงพามารักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬา เพราะมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการปลูกถ่ายอวัยวะคุณพ่อบอกว่าตอนนั้นยังไม่มีความเข้าใจเรื่องการปลูกถ่ายอวัยวะนักจึงต้องขอคำแนะนำจากทีมแพทย์ และแพทย์ก็ได้ลงทะเบียนรอรับตับให้กับน้องทิพย์ไว้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ผ่านไป 1 ปี น้องทิพย์ก็โชคดีตอนนั้นเป็นเดือนสิงหาคม 2541 คุณพ่อบอกว่าผู้ประสานงานของโรงพยาบาล โทรมาว่ามีผู้เสียชีวิตจากสมองตายได้บริจาคอวัยวะทุกส่วนให้กับศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ และน้องทิพย์ ได้รับการจัดสรรตับให้ ให้ทิพย์รีบมาโรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผลการผ่าตัดสำเร็จเรียบร้อยดี ตอนนี้ทิพย์ดูเหมือนคนปกติทั่วไป สามารถออกกำลังกาย เล่นกีฬากับเพื่อนได้ หากคนทั่วไปที่ไม่รู้จักน้องทิพย์มาก่อนจะไม่รู้เลยว่าชีวิตของน้องทิพย์เคยผ่านอะไรมาบ้าง ก่อนผ่าตัดน้องทิพย์ต้องมาโรงพยาบาลทุกเดือน แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นทุก 3 เดือน เพื่อตรวจระดับยากดภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายไม่ต่อต้านอวัยวะที่ได้รับมา ซึ่งยากดภูมิคุ้มกันนี้ต้องกินไปตลอดชีวิต น้องทิพย์ยังกล่าวอีกว่า “ดีใจที่เห็นคุณพ่อ คุณแม่ก็มีความสุข เพราะท่านเหนื่อยกับการดูแลทิพย์มามากแล้ว ตอนนี้ช่วยตัวเองได้ แข็งแรงมากขึ้น วิ่งเล่นกับเพื่อนๆ ได้ ทำให้คุณพ่อ และคุณแม่ยิ้มได้ ตอนนี้ทิพย์เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 5 โรงเรียนทอรัก สมุทรปราการ มีเพื่อนๆ และครูที่เข้าใจทิพย์มาก อนาคตทิพย์จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย และตอบแทนพระคุณพ่อ แม่ ที่ท่านให้เวลาทั้งหมดดูแลทิพย์อย่างดี และเป็นอนาคตที่ดี เป็นเยาวชนที่ดีของประเทศด้วย ถ้ามีโอกาสทำบุญตักบาตรเมื่อไรก็จะระลึกถึงพระคุณของผู้บริจาคตับให้ และอุทิศส่วนกุศลให้เสมอ ถึงแม้ไม่เคยเห็นหน้าเขา แต่ทิพย์ระลึกถึงความดีของเขาเสมอด้วย” จะมีสักกี่คนที่โชคดีอย่างน้องทิพย์ ผู้น่ารักคนนี้ มีผู้ป่วยที่รอรับอวัยวะกว่าสองพันกว่าคนต้องรอคอยความหวังที่ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไร ผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะจากผู้บริจาคจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถใช้ชีวิตเช่นคนปกติทั่วไปได้ แต่หากผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะแล้ว เขาเหล่านั้นสามารถกลับมาทำงานและใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้ประเทศไทยจะมีประชากรที่มีคุณภาพ มีสุขภาพดี เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติได้อย่าง “น้องทิพย์” ทุกท่านสามารถร่วมสนับสนุนเพื่อสิ่งดีๆ มีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงโทร. 1666 เพื่อร่วมแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะ กับ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากากาชาดไทย เท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม นพรัตน์ เงาอำพันไพฑูรย์ (เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์) ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โทรศัพท์ 1666

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ