PYLON เชื่อเก๋าในวงการ-ฐานเงินแกร่ง พร้อมรับมือธุรกิจฐานรากแข่งเดือดปี 52

ข่าวอสังหา Wednesday January 14, 2009 14:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--ออนไลน์ แอสเซ็ท "บดินทร์ แสงอารยะกุล" คาดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ส่งผลให้ปี 2552 งานภาคเอกชนลดในทิศทางเดียวกัน ทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมสูงขึ้น แต่มั่นใจประสบการณ์และผลงานที่ฝากไว้ยาวนาน ผนวกกับความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน จะช่วยให้รับมือกับการแข่งขันได้อย่างคล่องตัวในขณะเดียวกันได้ปรับกลยุทธ์ ขยายพันธมิตรทางธุรกิจให้กว้างขวางขึ้น และเพิ่มความระมัดระวังในการรับงาน เชื่อรักษามาร์เก็ตแชร์งานฐานรากที่ 20% ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงขึ้น นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาวางฐานรากในปี 2552 ว่า มีทิศทางชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ โดยแนวโน้มปริมาณงานก่อสร้างในภาคเอกชนปรับตัวลดลง เนื่องจากทั้งผู้บริโภคและผู้ลงทุนขาดความมั่นใจในการลงทุน ประกอบกับการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินมีความเข้มงวดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องทำให้การแข่งขันในอุตสาหกรรมสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่า PYLON สามารถรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นได้ ที่ผ่านมาได้ปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจมาแล้วอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้มายาวนาน มีผลงานที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และประการสำคัญบริษัทมีฐานการเงินที่แกร่งนำไปสู่การบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการขยายพันธมิตรทางธุรกิจและระมัดระวังในการรับงานมากขึ้น "ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมีผลกระทบทุกภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจก่อสร้างก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่มั่นใจว่า PYLON สามารถรับมือกับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นและผ่านไปได้ด้วยดี เพราะนอกจากได้ปรับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ขณะนี้ยังได้ปรับแผนธุรกิจ โดยจะให้ความสำคัญกับการบุกตลาดทุกระดับ พิจารณารับงานด้วยความระมัดระวัง นอกจากนั้น การมีทีมงานวิศวกรที่มีประสบการณ์ในงานฐานรากและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบริหารต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพได้สูงสุดทำให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ ประการสำคัญงานเสาเข็มเจาะเป็นงานที่ต้องใช้ความชำนาญเฉพาะทาง จึงมั่นใจว่าคุณภาพของผลงานที่ผ่านมาและการส่งมอบงานที่ตรงเวลาจะเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในบริษัทฯ จนสามารถหางานได้ในทุกตลาด" นายบดินทร์ กล่าวอีกว่า ถึงแม้ว่าในปีนี้งานในภาคเอกชนจะลดลง แต่เชื่อว่าภาครัฐน่าจะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ซึ่งน่าจะเริ่มก่อสร้างได้ประมาณช่วงไตรมาสที่ 2-3 ของปี 2552 ขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ- ตลิ่งชัน ได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-บางซื่ออยู่ระหว่างการประมูล ซึ่งจะช่วยให้มีงานเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น และบริษัทฯ ก็เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว จากการการขยายพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อให้รับงานได้กว้างขวางขึ้น ดังนั้น จึงมั่นใจว่าถึงแม้ในปี 2552 จะเป็นปีหนึ่งที่ดำเนินธุรกิจอย่างยากลำบาก แต่จากประสบการณ์ และผลงานที่สร้างไว้เป็นจำนวนมากในตลาด จะทำให้บริษัทยังสามารถรักษาส่วนในตลาดรับเหมาก่อสร้างฐานรากไว้ที่ระดับ 20% ซึ่งเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดในปัจจุบันไว้ได้ ส่วนรายได้ได้วางเป้าหมายไว้ที่ระดับ 500 — 700 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับที่ทำได้ในปี 2551 เนื่องจากราคาเหล็กและน้ำมันที่ลดลงทำให้มูลค่าต่อโครงการลดลงไปด้วย ประกอบกับในปี 2551 บริษัทฯ ทำรายได้อยู่ที่ระดับ 700 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประมาณการที่วางไว้ที่ 500-550 ล้านบาทค่อนข้างมาก จึงทำให้รายได้ในปีนี้อาจจะออกมาใกล้เคียงกับปีก่อน ข้อมูลบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON) ดำเนินธุรกิจเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานฐานรากงาน แบ่งออกเป็น 3 สายงานหลัก ดังนี้ คือ 1. งานเสาเข็มเจาะ (Bored Pile) เสาเข็มเจาะเป็นเสาเข็มที่นิยมใช้กับการก่อสร้างฐานรากของโครงสร้างขนาดใหญ่ และโครงสร้างอาคารในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้เสาเข็มเจาะยังลดมลภาวะเรื่องเสียงและแรงสั่นสะเทือนเมื่อเทียบกับการใช้เสาเข็มตอก การก่อสร้างเสาเข็มเจาะนั้นสามารถปรับเปลี่ยนขนาดได้ จากขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 50 เซนติเมตร จนถึงมากกว่า 1 เมตรขึ้นไป และทำได้ถึงความลึกมากกว่า 60 เมตร ขึ้นอยู่กับการออกแบบกำลังรับน้ำหนักของเสาเข็มโดยวิศวกร และสภาพชั้นดินในแต่ละพื้นที่ 2. งานปรับปรุงคุณภาพดิน (Ground Improvement) มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มเสถียรภาพให้กับโครงสร้างของดินเดิม ทำให้ดินมีกำลังรับน้ำหนักมากขึ้นและป้องกันการเคลื่อนตัวของดิน โดยบริษัทมีการให้บริการงานประเภทนี้โดยวิธีการอัดฉีดซีเมนต์ด้วยแรงดันสูง (Jet Grouting) ที่ความดันประมาณ 200 ถึง 400 บาร์ และ 3.งานก่อสร้างกำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรม (Diaphragm Wall) กำแพงกันดินชนิดไดอะแฟรมเป็นการก่อสร้างกำแพงโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโครงสร้างรับน้ำหนักและป้องกันการเคลื่อนตัวของดินทางด้านข้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เพื่อเป็นโครงสร้างของชั้นจอดรถใต้ดิน กำแพงอาคารผู้โดยสารสำหรับระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน และอุโมงค์ลอดทางแยก เป็นต้น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337 / 02-5549395

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ