ตลาดตราสารหนี้ (BEX) ตั้งเป้าเป็นตลาดรองตราสารหนี้ครบวงจร เผยปี 48 จะเพิ่มมูลค่าตราสารหนี้จดทะเบียนทั้งภาครัฐและเอกชนเป็น 2.5 ล้านล้านบาท

ข่าวทั่วไป Thursday April 21, 2005 13:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 เม.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ดร. สันติ กีระนันทน์ ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bond Electronic Exchange หรือ BEX) เปิดเผยว่าหลังจากที่ภาครัฐโดยคณะกรรมการกำกับการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ไทย ได้มีนโยบายให้ปรับปรุงตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทย เพื่อรองรับการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย โดยให้รวมตลาดตราสารหนี้ของศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย เข้ากับตลาดตราสารหนี้ของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น
หลังการรวมกันแล้ว ตลาดตราสารหนี้ของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นศูนย์กลางระบบซื้อขายตราสารหนี้ ในขณะที่ศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย จะเปลี่ยนเป็นสมาคมที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตราสารหนี้ และบริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด จะเป็นศูนย์กลางการชำระราคาและส่งมอบตราสารหนี้ โดยเชื่อมต่อกับธนาคารแห่งประเทศไทย
ขณะนี้ BEX อยู่ระหว่างดำเนินงานตามแผนพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ระยะที่ 2 โดยมุ่งพัฒนาตลาดตราสารหนี้ของประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 3 เสาหลักของระบบการเงิน นอกเหนือจาก ระบบสถาบันการเงิน และตลาดหุ้น โดยมุ่งส่งเสริมให้มีการออกพันธบัตรภาครัฐอย่างเป็นระบบ เพิ่มนักลงทุนรายย่อยในตลาดรองตราสารหนี้ และส่งเสริมให้มีการออกตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อการระดมทุนมากขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯและตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ มีเพียง 68 บริษัทจาก 470 บริษัทเท่านั้นที่มีการออกตราสารหนี้
“คาดว่าในปี 2549 BEX จะสามารถขยายบริการให้ครอบคลุมทั้งนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบัน ตลอดจนผู้ค้าตราสารหนี้ ซึ่งเป็นการขยายขอบเขตของการให้บริการนอกเหนือจากบริษัทสมาชิกชองตลาดหลักทรัพย์ฯ
ส่วนด้านการส่งเสริมการออกตราสารหนี้นั้น BEX จะสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทเพื่อเตรียมความพร้อมในการออกตราสารหนี้ และร่วมมือกับที่ปรึกษาทางการเงิน แนะนำช่องทางการจัดหาเงินทุนแก่ภาคเอกชนด้วยการออกตราสารหนี้ และสนับสนุนให้มีงานวิจัยด้านตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยในปี 2548 นี้ BEX ได้ตั้งเป้าหมายที่จะมีมูลค่าตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนรวม 2.5 ล้านล้านบาท” ดร.สันติกล่าว
BEX ยังมุ่งเน้นให้มีการเปิดเผยข้อมูลตราสารหนี้อย่างโปร่งใสและเพียงพอต่อการตัดสินใจลงทุนบนพื่นฐานของความยุติธรรมในการดำเนินธุรกิจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการพัฒนาอนุพันธ์ที่มีการอ้างอิงบนตราสารหนี้มากขึ้น อีกทั้ง จะผลักดันการขจัดปัญหาภาระภาษีที่ไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการทำธุรกรรมตราสารหนี้ และพิจารณาใช้มาตรการทางภาษี เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของการทำธุรกรรมด้านตราสารหนี้เพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ยังได้จัดเตรียมระบบซื้อขายตราสารหนี้แบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยรับซื้อระบบจากศูนย์ซื้อขายตราสารหนี้ไทย โดย BEX จะพร้อมให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากการรวมระบบงานของได้ตั้งแต่ไตรมาสสามของปีนี้เป็นต้นไป
สำหรับมาตรการกระตุ้นการเพิ่มธุรกรรมด้านตราสารหนี้ที่หลากหลายมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้ง ยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับตราสารหนี้ที่ออกโดยองค์กรระหว่างประเทศ รัฐต่างประเทศ บริษัทจดทะเบียนและบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียน จนถึงเดือนธันวาคม 2548
“นอกจากนี้ BEX ได้มุ่งเน้นเรื่องการให้ความรู้ เพื่อเพิ่มนักลงทุนรายย่อยอย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดอบรม สัมมนา การจัดทำเอกสารให้ความรู้ อาทิ หนังสือ “การลงทุนในตราสารหนี้” ตำรา “ตราสารหนี้” การให้ความรู้ผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ได้แก่ รายการ “ก้าวทันตลาดทุน” ทางโมเดิร์นไนน์ทีวี รายการ เซ็ทอินเดอะซิตี้ ทาง ยูบีซี 7 รายการวิทยุ FM 101 เป็นต้น รวมทั้งเว็บไซต์ www.bex.or.th ด้วย” ผู้จัดการตลาดตราสารหนี้กล่าว
BEX ให้บริการซื้อขายหุ้นกู้ภาคเอกชนของบริษัทจดทะเบียน เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ 26 พฤศจิกายน 2546 เป็นต้นมาด้วยหุ้นกู้จดทะเบียน 22 รายการ มูลค่าคงค้าง 152,648 ล้านบาท และ ณ วันที่ 18 เมษายน 2548 มีหุ้นกู้จดทะเบียน 42 รายการ มูลค่าคงค้าง 195,729 ล้านบาท
ปัจจุบัน ระบบการซื้อขายสำหรับนักลงทุนรายย่อย (Retail Bond Market) เป็นการซื้อขายแบบจับคู่อัตโนมัติ (Automatic Order Matching: AOM) และการซื้อขายสำหรับนักลงทุนสถาบันหรือรายใหญ่เป็นแบบ Put through ซึ่งต้องซื้อขายผ่านบริษัทสมาชิกของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งนี้ ตราสารหนี้ภาคเอกชนที่ซื้อขายใน BEX บนวิธีการซื้อขายแบบ AOM ต้องมีการจัดอันดับเครดิตไม่ต่ำกว่าระดับ BBB
ผู้ลงทุนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของตลาดตราสารหนี้ได้ตลอดเวลาจาก เว็บไซต์ของตลาดตราสารหนี้ที่ www.bex.or.th
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร. 0-2229 — 2036
กุลวิดา จินตกะวงส์ โทร. 0-2229 — 2037
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049
วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ