กองทัพเรือ เตรียมประกาศเรือดำน้ำจมเป็นเขตอันตราย หลังสำรวจพบวัตถุระเบิดและอาวุธยังอยู่ครบถ้วน พร้อมรอการประสานสหรัฐอเมริกาทำเป็นสุสานทางสงครามแห่งที่ ๒ ของโลก

ข่าวทั่วไป Wednesday June 21, 2006 08:21 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ
จากกรณีที่เรือรบของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกา ชื่อ USS SALVOR (ARS-52) ที่ได้เดินทางมาใน ประเทศไทยเพื่อทำการฝึกผสมการัต ๒๐๐๖ กับกองทัพเรือไทย โดยขณะเดินทางเข้าประเทศไทยเรือลำดังกล่าวได้แวะปฎิบัติการค้นหาเรือดำน้ำชื่อ USS LAGRARTO (SS-371) ซึ่งเป็นเรือดำน้ำที่ได้จมหายไปตั้งแต่สมัย สงครามโลกครั้งที่ ๒ พร้อมกับลูกเรืออีก ๘๖ นาย บริเวณพิกัดห่างจากจังหวัดสงขลา ประมาณ ๑๐๐ ไมล์ทะเล พิกัดแลตติจูดที่ ๗ องศา ๕๑.๙ ลิปดาเหนือ ลองติจูดที่ ๑๐๒ องศา ๒.๗ ลิบดาตะวันออก ทั้งนี้เมื่อได้ค้นพบเรือดำน้ำลำดังกล่าวแล้วได้มีการทำพิธีไว้อาลัย ยิงสลุต เพื่อสักการะดวงวิญญาณของลูกเรือทั้งหมด ณ จุดที่พบเรือพร้อมทั้งได้นำธงชาติสหรัฐอเมริกาและแผ่นจารึกไปติดไว้ที่บริเวณหัวเรือเรียบร้อยแล้ว
พลเรือเอก นพพร อาชวาคม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวได้รับรายงานจาก พลเรือตรี สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ ๒ กองเรือยุทธการเรียบร้อยแล้ว สำหรับเรือดำน้ำลำนี้คาดว่าเป็นเรือที่จมในช่วงการปฏิบัติการทางด้านสงคราม การจัดเตรียมความพร้อมทางด้าน อาวุธยุทโธปกรณ์ต้องพร้อม และขณะที่เรือจมลงสู่ทะเลวัตถุระเบิดทุกชนิดต้องอยู่ภายในเรือ สำหรับในแนวทางปฏิบัติเบื้องต้น กองทัพเรือในฐานะต้องรับผิดชอบทะเลทั้งเขตเศรษฐกิจจำเพาะ และ เขตต่อเนื่อง ต้องประกาศเป็นพื้นที่อันตรายในโอกาสแรก เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ต่าง ๆ อีกทั้งประเทศสหรัฐอเมริกามีความต้องเก็บรักษาเรือลำนี้ไว้เป็นอนุสรณ์สถาน หรือสุสานสงครามทางทะเล การดำเนินการใด ๆ ต้องหารือกันทั้ง ๒ ฝ่าย เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนในหลายด้าน
สำหรับประวัติเรือดำน้ำ USS LAGARATO เป็นเรือดำน้ำชั้น BALAO มีลูกเรือประจำอยู่ภายในเรือ ๘๖ คน มี CDR.F.D. LATTA เป็นผู้บังคับการเรือ ได้เดินทางออกมาจากท่าเรือ ซูบิคเบ ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๑๙๔๕ เพื่อออกลาดตระเวนในทะเลจีนใต้ ซึ่งเมื่อเดินทางเข้ามาในน่านน้ำไทย คาดว่า น่าจะถูกจมโดยเรือวางทุ่นระเบิดของ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๔๘๘ สมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒
(ที่มา:http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9490000079451)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ