มงคลภาพยนตร์ พาเหรดหนังเอเชียรับปี 2007

ข่าวทั่วไป Monday December 4, 2006 15:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--4 ธ.ค.--สหมงคลฟิล์ม
บริษัท มงคลภาพยนตร์ จำกัด เผยโฉมหนังเอเชียไซส์เล็กถึงกลางที่จะเข้าฉายในปี 2007 ที่จะถึงนี้ ทุกเรื่องล้วนเด็ดดวงและได้รับคำรับประกันคุณภาพจากทั้งผู้ชมและนักวิจารณ์มาแล้วทั้งนั้น มีเรื่องอะไรบ้าง ลองดูตัวอย่าง กันเล้ย...
Tears for You
หรือ Nada Sou Sou หนังใหม่ถอดด้ามของ โนบุฮิโระ โดอิ ผู้กำกับ Be with You มีนักแสดงหนุ่มหล่อสาวสวยฝีมือดีอย่าง ซาโตชิ สุมาบุกิ (พระเอกซีรีส์ Orange Days, ภาพยนตร์ Spring Snow, Farewell Kuro) และ มาซามิ นากาซาวะ (นางเอก Crying out for Love in the Center of the World) รับบทนำ
Tears for You เปิดตัวที่ญี่ปุ่นไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และก็เล่นเอาบ๊อกซ์ ออฟฟิศที่นั่นกระเจิดกระเจิงไป เพราะพี่เล่นยึดตำแหน่งหนังญี่ปุ่นที่ทำเงินสูงสุดในประเทศ 4 สัปดาห์ติด ฉายไป 5 สัปดาห์ก็รับเข้ากระเป๋าไปเหนาะๆ เฉียด 800 ล้านบาท
หนังมาแนวซาบซึ้งประทับใจดูแล้วน้ำตาไหลเป็นสายเลือดไม่แพ้ Be with You โดยเล่าเรื่องราวความผูกพันที่มากกว่าคำว่า ‘รัก’ ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว งานนี้ใครจะไปดู นอกจากจะต้องพกผ้าเช็ดหน้าไว้หลายๆ ผืนแล้ว ยังควรพกยาดมติดไม้ติดมือไปด้วย เผื่อว่าจะร้องไห้หนักเสียจนหายใจไม่ออก
Nana 2
ไม่ต้องแนะนำกันมาก นี่คือหนังภาคต่อที่มีคนรอดูมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปีนี้ ข่าวคราวความเคลื่อนไหวของ Nana 2 ออกมาป้วนเปี้ยนในเว็บไซต์ต่างๆ ตั้งแต่หนังภาคแรกยังไม่ทันลาโรงดี จนถึงตอนนี้ สิ่งที่แฟนๆ ทราบกันดีอยู่แล้วก็คือ หนังจะมีการเปลี่ยนแปลงนักแสดงหลักบางคน อาทิ ยูอิ อิจิกาวะ จะมารับบท ฮาจิ แทนที่ อาโออิ มิยาซากิ จากภาคแรก ส่วนบทนักกีตาร์หัวหนาม เรน ก็เปลี่ยนจาก ริวเฮ มัตสุดะ มาเป็น โนบุโอะ เคียว นอกจากนั้นยังมีบท ชิน หนุ่มน้อยนักกีตาร์โซ่คล้องปาก ที่เปลี่ยนจาก เคนอิจิ มัตสุยามะ มาเป็น คานาตะ ฮอนโค อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม สองกำลังหลักจากหนังภาคแรกที่ยังคงอยู่ก็คือ เคนทาโร โอตานิ ผู้กำกับ และ มิกะ นากาชิมะ ผู้รับบท นานะ พั้งค์ เพราะฉะนั้น แฟนๆ หนังเรื่องนี้จึงยังมั่นใจว่า Nana 2 ต้องเปรี้ยงปร้างและประทับใจไม่น้อยหน้าภาคแรกแน่นอน
...Nana 2 จะเปิดตัวที่ญี่ปุ่นต้นเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ รับรองว่า งานนี้ทำเงินกระจุยชัวร์!
Hula Girls
ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนประเทศญี่ปุ่นในการลงชิงชัยในสนาม ออสการ์ สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ปีล่าสุด และเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ก็เพิ่งคว้ารางวัล Hochi Award ซึ่งเป็นรางวัลสำคัญอีกรางวัลหนึ่งของญี่ปุ่น สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้สำเร็จอีกด้วย
Hula Girls เป็นดรามา-คอมเมดี้ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริง เรื่องราวเกิดขึ้นช่วงกลางทศวรรษที่ 60 ที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งซึ่งทำอุตสาหกรรมถ่านหินเป็นหลัก ทว่าในช่วงเวลานั้น เพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผู้คนหันไปพึ่งพาพลังงานจากแหล่งอื่นกันมากขึ้น ความต้องการถ่านหินลดน้อยถอยลงตามลำดับ ส่งผลให้เศรษฐกิจในเมืองทำท่าว่าจะล้มละลายพังพินาศกันเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้หญิง ทั้งหญิงใหญ่และหญิงเล็ก ที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้น จึงพร้อมใจกันคิดหาหนทางกอบกู้คะแนนนิยมให้แก่เมืองของตน พวกเธอตัดสินใจทำให้มันเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีบรรยากาศแบบฮาวายเหมือนอย่างที่เคยเห็นตามสื่อต่างๆ และนั่นจึงทำให้พวกเธอทุกคนต้องลุกขึ้นมาหมั่นฝึกหมั่นซ้อมเต้นระบำฮูลาฮูล่ากันเป็นการใหญ่
งานนี้รับประกันความหรรษาและอบอุ่นหัวใจ ไม่งั้นญี่ปุ่นไม่ส่งเป็นตัวแทนประเทศให้เสียชื่อหรอก!
Go! Go! G-Boys
หนังเกย์-คอมเมดี้จากไต้หวัน ที่หลายคนดูแล้วบอกว่า นึกถึง Formula 17 ขึ้นมาติดหมัด
Go! Go! G-Boys ตกเป็นข่าวเม้าท์ (แบบจำกัดวง) ในบ้านเรามาพักใหญ่ทั้งที่หนังยังไม่ทันฉายแม้แต่ในไต้หวันเองด้วยซ้ำ เหตุก็เพราะ หนึ่งในนักแสดงนำของหนังเรื่องนี้ก็คือ เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร ดาราวัยรุ่นสุดหล่อจากสยามเมืองยิ้มของเรานี่เอง
เนื้อหาของ Go! Go! G-Boys นั้นชวนให้คิดว่า หนังน่าจะชุลมุนโกลาหลและบันเทิงไม่น้อย เพราะประกอบด้วยเรื่องราวมันๆ ของชายหนุ่ม ทั้งเกย์และไม่เกย์มากหน้าหลายตา มีทั้งผู้ชายแท้ๆ ที่ตัดสินใจปลอมตัวเป็นเกย์เพื่อเข้าประกวด ‘นายงาม’ เพราะหวังจะคว้าเงินรางวัลแล้วเอาไปปลดหนี้ก้อนโตที่ตัวเองต้องแบกรับเป็นภาระอยู่ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของนายตำรวจที่เกลียดเกย์หัวชนฝา แต่ต้องเข้ามาพัวพันกับการประกวดครั้งนี้ หลังจากได้รับจดหมายจากผู้ไม่ประสงค์ดีระบุว่า มีแผนการเลวร้ายจะทำลายงานประกวดให้ราบคาบ เป็นต้น
งานนี้อย่าได้ปรามาสนึกว่าเป็นหนังเกย์แล้วจะไร้ซึ่งความดีงามใดๆ เพราะล่าสุดนี้ Go! Go! G-Boys ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาล Asian Festival of First Films ที่สิงคโปร์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนคนทำหนังหน้าใหม่ไฟแรงฝีมือเยี่ยมจากเอเชียโดยเฉพาะด้วย
I Don’t Want to Sleep Alone
ทุกคนต่างยอมรับว่า หนังของ ไฉ้หมิงเลี่ยง นั้น ช่างเนิบนาบและเชื่องช้า กระนั้นก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในความเนิบช้านั้นก็มีเสน่ห์บางประการที่ดึงดูดผู้ชมให้ติดตามต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เรียกได้ว่า มันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาได้ยากยิ่งในหนังของผู้กำกับคนอื่น
I Don’t Want to Sleep Alone เป็นผลงานชิ้นล่าสุดของไฉ้หมิงเลี่ยง ที่ยังคงเนิบนิ่งทว่ารุ่มรวยเสน่ห์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างานก่อนหน้านี้ของเขา
หนังได้ หลี่คังเชง นักแสดงขาประจำของพี่ไฉ้ มารับบทนำเหมือนเคย โดยคราวนี้ นักแสดงหนุ่มหน้าเซื่องคนนี้ต้องรับบทหนักหน่อย เล่นเป็นตัวละคร 2 ตัวไปพร้อมๆ กัน หนึ่งคือ ชายที่กำลังป่วยหนักใกล้ตาย ที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะได้เครื่องช่วยหายใจประคองไว้เท่านั้น ส่วนอีกหนึ่งคือ กระทาชายจากบ้านนอกบ้านนาที่เดินทางมากัวลาลัมเปอร์เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ให้ชีวิต แต่แล้วเขากลับเจอดี ถูกรุมชิงทรัพย์และทำร้ายจนแทบเอาตัวไม่รอด ต่อมา เขาได้รับการช่วยเหลือจากคนงานชายต่างด้าวคนหนึ่ง และท้ายที่สุดก็ต้องตกอยู่ในวงล้อมของความสัมพันธ์แบบ ‘สามเส้า’ อย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่คาดคิด
After This Our Exile
เรื่องนี้กำลังดัง เพราะเพิ่งไปคว้าม้าทองคำจากไต้หวันมาตั้ง 3 ตัว แถมหนึ่งในจำนวนนั้นยังเป็นรางวัล ‘ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม’ ด้วย
กัวฟู่เฉิง รับบทเป็นชายหนุ่มเลือดร้อนและใช้ชีวิตอย่างไม่ระมัดระวัง จนเป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป หนังเทน้ำหนักไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของกัวฟู่เฉิงและลูกชายตัวน้อยของเขา (รับบทโดยเจ้าหนู เกาเอียน อิสคานเดอร์) ซึ่งเทิดทูนบูชาพ่อ มองพ่อว่าเป็นวีรบุรุษอยู่ตลอด ไม่ว่าพ่อจะทำเรื่องเลวร้ายเพียงไหน และตกอยู่ในสภาพย่ำแย่เพียงไร
ทั้งกัวฟู่เฉิงและเจ้าหนูอิสคานเดอร์ ต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้อย่างยอดเยี่ยม จนกระทั่งสามารถคว้ารางวัลม้าทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมและนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปครองได้ตามลำดับ
หนังเหมาะมากสำหรับคนที่เป็นโรค ‘แพ้พ่อ’ ดูแล้วรับรอง สะทกสะท้านใจแทบขาดแน่นอน ไม่เชื่อลองเข้าไปดูเว็บไซต์ทางการของหนังก่อน www.afterthisourexile.com แค่ฟังเพลงเฉยๆ น้ำตาก็แทบร่วงแล้ว
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ