ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บริษัทไทยเบฟเวอเรจ” ที่ “AA-/Stable”

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 24, 2009 16:54 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ก.พ.--ทริสเรทติ้ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มบริษัทไทยเบฟ ตลอดจนคณะผู้บริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ การประหยัดจากขนาดเนื่องจากการเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงด้านกฎหมายที่อาจกระทบต่อการขยายตัวของในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดเบียร์และสุรา การขยายธุรกิจสู่เครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และอาหารจะเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัท อีกทั้งยังลดการพึ่งพาธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานะทางการเงินในปัจจุบันเอาไว้ได้ตราบเท่าที่บริษัทยังไม่มีแผนการลงทุนที่ใช้เงินกู้ยืมจำนวนมาก ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มจำนวน 89 แห่งซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งการผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ อาหาร และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง สำหรับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นั้น บริษัทผลิตและจำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งเบียร์ สุราขาว สุราสี สุราสมุนไพรจีน และสาเก โดยตราสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในตลาดภายในประเทศ เช่น แม่โขง แสงโสม มังกรทอง หงส์ทอง เบลนด์ 285 และรวงข้าวสำหรับเครื่องดื่มสุรา และช้างสำหรับเบียร์ สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเน้นกลุ่มเป้าหมายที่บริโภคสินค้าอีโคโนมี่ (สินค้าราคาประหยัด) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาด ในปี 2550 บริษัทครองส่วนแบ่งทางการตลาด 46.7% ของปริมาณการขายเบียร์ และประมาณ 70% สำหรับสุรา ถึงแม้บริษัทจะครองส่วนแบ่งทางการตลาดของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มานาน แต่ยอดขายเบียร์ของบริษัทกลับลดลงเรื่อยมาซึ่งเป็นผลมาจากการแข่งขันที่รุนแรงของคู่แข่งสำคัญคือกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ ในปี 2551 บริษัทได้ขยายสู่ธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และอาหาร ซึ่งธุรกิจดังกล่าวช่วยเพิ่มความหลากหลายของแหล่งรายได้ให้แก่บริษัท สินค้าในธุรกิจเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์และอาหารประกอบด้วย น้ำดื่ม เครื่องดื่มโซดา ชาเขียว ชาดำ น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟกระป๋อง ตลอดจนร้านอาหารญี่ปุ่น และเบเกอรี่ ด้วยกำลังการผลิตเบียร์ 1,550 ล้านลิตรต่อปีและสุรา 819 ล้านลิตรต่อปีทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบ นอกจากนี้ การมีโรงกลั่นถึง 18 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศยังทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค โดยเครือข่ายกระจายสินค้าที่กว้างขวางและตัวแทนจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจให้แก่บริษัท ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่าย 930 ราย มีตัวแทนจำหน่ายย่อยที่ขึ้นตรงกับบริษัท 680 ราย มีพนักงานขายตรงกว่า 900 คน และมีรถขนสินค้ากว่า 4,000 คันเพื่อรองรับการกระจายสินค้าไปยังจุดขายที่มีมากกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากการมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายจึงทำให้บริษัทได้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการประหยัดจากขนาดและการผสานประโยชน์จากระบบเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางและทรัพยากรที่มีอยู่ อัตราการทำกำไรที่สูงสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท โดยบริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประมาณปีละ 15,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ หนี้สินยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงจาก 58.9% ในปี 2548 เหลือ 28.0% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมก็เพิ่มขึ้นจาก 33% ในปี 2548 เป็น 44.5% (ยังไม่ได้ปรับให้เป็นอัตราส่วนเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ตลาดเบียร์ในประเทศยังมีช่องทางในการเติบโตอีก ทั้งนี้ จากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ปริมาณการบริโภคเบียร์ในประเทศที่อัตรา 32.98 ลิตรต่อปีต่อคนนั้นยังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการบริโภคสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีผู้ผลิตรายใหญ่เพียงไม่กี่รายแต่มีการแข่งขันที่รุนแรง และข้อบังคับด้านกฎหมายก็มีอิทธิพลอย่างยิ่งต่ออุปสงค์ในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยนโยบายของรัฐบาลยังคงส่งผลกระทบในด้านลบต่อการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย ทั้งนี้ มาตรการที่จะลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันได้แก่ การเพิ่มภาษีสรรพสามิต การจำกัดการโฆษณา และการควบคุมการจำหน่ายสินค้าคาดว่าจะส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศเติบโตในอัตราที่ลดลง บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ThaiBev) อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ AA- แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ